มหาวิบัติ...ดวงตาถล่มล้างโลก 2 (เอ็ม พิคเจอร์ส)
กำหนดฉาย : 26 มีนาคม 2552
(เฉพาะโรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ สาขา รัชโยธิน และ เอเพ็กซ์ สยามสแควร์)
แนว : วิทยาศาสตร์
นำแสดง
โทชิอากิ คาราซาวะ รับบท เคนอิจิ เอนโด
โทโยคาวะ เอซึชิ รับบท โอโช
ทาคาโกะ โตคิวะ รับบท ยูกิจิ
กำกับ : ยูกิฮิโกะ ซึสุมิ
เว็บไซด์ทางการภาพยนตร์
จุดเด่น
- สร้างมาจากการ์ตูนฮิตที่สุด 20th Century Boys ชื่อภาษาไทยว่า "แก๊งนี้มีป่วน" เขียนโดย นาโอกิ อุราซาว่า เปิดตัวครั้งแรกในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ "Shogakukan Big Comic Spirit" ปี 1999 ที่ได้รับรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมจาก โชงะกุกัง ครั้งที่ 48, โคดันฉะ ครั้งที่ 25 และรางวัลชนะเลิศ ในงาน Media Arts ครั้งที่ 6 ของทบวงวัฒนธรรมญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังโด่งดังจนถูกแปลไปแล้วมากกว่า 11 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย
- ภาพยนตร์จะแบ่งเป็น 3 ภาค ภาคแรกในปี 2008 ภาคที่สองช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2009 และภาคสุดท้ายในช่วงฤดุใบไม้ร่วงปี 2009 โดยมีทุนสร้างทั้งหมดรวมกันมากถึง 6 พันล้านเยน (1,800 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ลงทุนสร้างมากที่สุดในปี 2008
- ถ่ายทำสถานที่จริง ถึง 7 ประเทศ รวมทั้งไทยด้วย
- ยังใช้ทีมผู้สร้างและนักแสดงนำจากภาคที่แล้วอย่างครบถ้วน
เรื่องย่อ
ทเวนตี้ เซนจูรี่ บอยส์ มหาวิบัติดวงตาถล่มล้างโลก 2 เรื่องราวการสืบหาตัวตนที่แท้จริงของ "เพื่อน" องค์กรชั่วร้ายที่ค่อยๆ โผล่ในทุกซอกมุมของประเทศ จากลัทธิเล็กๆ กลายเป็นองค์กรณ์ใหญ่ระดับประเทศ (และระดับโลก) แผนการร้ายยังไม่จบ เมื่อ "เคนจิ" ได้หายสาบสูญไปหลังจากการระเบิดครั้งสำคัญ มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการครอบครองโลกของ "เพื่อน" เท่านั้น! "คันนะ" หลานสาวของเคนจิ ได้เร่งหาความจริงขององค์กรชั่วร้ายและหวังจะกอบกู้ความสงบสุขให้กลับมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่เลวร้ายได้เกิดขึ้นตามคำทำนายอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่หายนะของมนุษย์จะจบสิ้น ความหวังทั้งหมดขึ้นอยู่กับ "คันนะ" คนเดียวที่จะขจัดความชั่วร้ายให้หมดสิ้น!!!
บทนำ
ปรมาจารย์การ์ตูนมังงะ นาโอกิ อุราซาวา ผู้สร้างสรรค์ Yawara! และ Monster ใช้เวลาตั้งแต่ปี 1999 ถึงปี 2007 รวมแล้วกว่า 8 ปี เพื่อเรียงร้อยเรื่องราวใน 20th Century Boys จำนวน 24 เล่ม อันเป็นปรากฏการณ์ระดับชาติด้วยยอดจำหน่ายสูงลิบกว่า 20 ล้านฉบับ ก่อนจะโด่งดังแพร่หลายในอีก 12 ประเทศ ทั้ง ฮอลแลนด์, เบลเยียม, เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, สิงคโปร์ และประเทศไทย ที่สำคัญ มังงะเรื่องนี้ยังชนะ "รางวัลการ์ตูนชุดยอดเยี่ยม" จากเทศกาล Angoulême International Comics Festival ในฝรั่งเศสอีกด้วย และหลังจากที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนทั่วโลกไปแล้ว วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ 20th Century Boys จะสร้างความตื่นตาตื่นใจในรูปแบบภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นแห่งศตวรรษ
ผู้คนต่างกล่าวตรงกันว่า "ไม่มีทางดัดแปลงมาขึ้นจอได้หรอก" ก็ด้วยความที่มังงะเรื่องนี้ครอบคลุมสเกลใหญ่เกินกว่าปกติ โดยมีเรื่องราวสลับซ้อนกินเวลายาวนานกว่า 50 ปีซึ่งโยงใยไปถึงทั่วทุกมุมโลก ทว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็กลับเป็นไปได้ หากแต่ต้องแบ่งออกเป็น 3 ภาค พร้อมด้วยทุ่มงบประมาณมหาศาลเป็นประวัติการณ์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่นกว่า 6 พันล้านเยน ทั้งยังต้องยกกองข้ามน้ำข้ามทะเลไปถ่ายทำกันในนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส ปักกิ่ง และกรุงเทพฯ โดยวางกำหนดฉายปฐมบทไว้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 ต่อด้วยมัชฌิมบทในช่วงมกราคมปี 2009 ก่อนที่ปัจฉิมบทจะตามมาสมทบส่งท้ายมหากาพย์ 20th Century Boys ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีเดียวกัน
ทันทีที่ข่าวประกาศสร้างหนังแพร่สะพัดในปี 2007 ก็เกิดประเด็นร้อนโต้แย้งกันในโลกไซเบอร์ว่าด้วยเรื่องนักแสดงคนไหนจะมารับบทใด เนื่องจากตลอดไตรภาคนั้นมีบทบาทหลักๆ กระจายอยู่กว่า 300 บทบาท เมื่อทีมผู้สร้างประกาศรายชื่อนักแสดงในปฐมบท อันได้แก่ โทชิอากิ คาราซาวา, เอตสึชิ โทโยกาวา และ ทากาโกะ โทกิวา ในบท เคนจิ, โอตโจะ และยูคิจิ ตามลำดับ สื่อต่างๆ ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีโดยจับข่าวขึ้นหน้าหนึ่งทันที นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่า 20th Century Boys จะต้องเป็นหนังที่รวบรวมนักแสดงดาวเด่นทั้งหมดมาไว้ด้วยกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการในแบบที่ไม่เคยมีหนังเรื่องใดทำได้มาก่อน ส่วนรายชื่อนักแสดงที่เหลือนั้นจะทยอยประกาศเมื่อถึงเวลาอันสมควร
"เหมือนสร้างหนังจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ครับ" คือเสียงสะท้อนของผู้กำกับฯ ซึซึมิ จากภาระยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ บนเส้นทางอันยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษของ 20th Century Boys ซึ่งมีตัวละครมากมายเป็นร้อยๆ ทำให้มันลอยเด่นอยู่เหนือมังงะเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ นี่คือมังงะประเภทที่วางไม่ลงจนกว่าจะอ่านจนจบ ในช่วงต้นของงานสร้างชิ้นนี้จึงต้องมีผู้สร้างสรรค์ต้นฉบับ นาโอกิ อุราซาวา มาคอยดูแลเรื่องราวโดยรวมและร่วมเขียนบทของภาคแรก พร้อมทั้งบิดเรื่องราวในหนังให้ต่างจากมังงะ ตัวร้ายของเรื่องคือ เพื่อน จะได้รับการตีความใหม่ในหนัง อีกทั้งคนดูจะได้เห็นรายละเอียดแปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เรื่องราวอันยาวนานของมังงะเริ่มขึ้นในฉากที่ เคนจิ ยึดห้องเรียนเป็นสถานที่บรรเลงเพลง 20th Century Boy ของวง T.Rex ซึ่งนอกจากจะเป็นที่มาของชื่อมังงะแล้ว ก็ยังมีความหมายลึกซึ้งต่อเรื่องราวอีกด้วย หนังจึงเลือกเพลงนี้มาใช้เป็นเพลงธีม นำเพลงร็อกรุ่นลายครามอายุ 35 ปีกลับมาเยือนปัจจุบันอีกครั้ง
หลังจากที่มังงะต้นฉบับพิสูจน์ศักยภาพให้เห็นกันไปแล้วทั่วโลก หนังก็กำลังจ่อคิวรอพิสูจน์ตัวมันเองในระดับสากลเช่นเดียวกัน ข่าวคราวเกี่ยวกับการสร้างหนังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งในงาน American Film Market 2007 ที่ผ่านมา มีถึง 42 บริษัทจาก 34 ประเทศมาแย่งกันซื้อลิขสิทธิ์ไปจัดจำหน่าย เมื่อการขายเสร็จสิ้น ทั่วโลกต่างก็ใจจดใจจ่อรอให้มันเข้าโรงฉาย
เบื้องหลังงานสร้าง
ก้าวแรก Nippon Television ต้องการลิขสิทธิ์เป็นรายแรก
มังงะเรื่อง 20th Century Boys ออกสู่สายตาครั้งแรกในนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งในปี 1999 ต่อมาในปี 2004 ทีมสร้างสรรค์มังงะ คือ นาโอกิ อุราซาวา และ ทากาชิ นากาซากิ จึงเริ่มมีความคิดเกี่ยวกับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ในระหว่างที่เขียนมังงะอยู่นั้น นากาซากิต้องการให้เรื่องราวในมังงะจบลงเสียก่อนถึงค่อยพิจารณาเรื่องลิขสิทธิ์การสร้างภาพยนตร์ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงปฏิเสธข้อเสนอต่างๆ ไปจนหมด ต่อเมื่อการสร้างภาพยนตร์พร้อมแล้ว ก็กลับไม่มีรายใดยื่นข้อเสนอดีๆ เข้ามาอีก เนื่องเพราะเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์หวาดกลัวต่อการสร้างหนังซึ่งมีเรื่องราวโยงใยสลับซับซ้อนและยาวเหยียด กระทั่งสิ้นปี 2004 ผู้คุมงานสร้างของ Nippon Television Network Corporation ถึงได้กล้าเข้ามาพูดคุยกับอุราซาวาและนากาซากิ โดยโน้มน้าวทั้งสองให้เห็นพ้องกับการสร้าง 20th Century Boys เป็นหนังไตรภาคอลังการ อีกทั้งความกระตือรือร้นจากใจจริงประกอบกับจดหมาย 10 หน้ากระดาษสร้างความประทับใจให้กับทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุด Nippon Television Network Corporation จึงคว้าลิขสิทธิ์การสร้างภาพยนตร์มาได้แบบไร้คู่แข่ง
นักแสดง : ที่สุดของที่สุด
ไม่มีตัวละครตัวใดในมังงะที่แบนราบจนมองได้เพียงมิติเดียว หากแต่ทุกตัวล้วนมีความลึกซึ้ง การเฟ้นหานักแสดงที่สะท้อนความลึกซึ้งเหล่านี้ออกมาได้จึงไม่ง่ายนัก สำหรับตัวเอกของเรื่อง คือ เคนจิ ได้ โทชิอากิ คาราซาวา มาสวมบทบาท เนื่องด้วยประสบการณ์ทางการแสดงอันช่ำชองของเขา ซึ่งได้แก่ การแสดงละครเวทีทั้งในนิวยอร์กและลอนดอน จึงไม่มีผู้ใดสามารถถ่ายทอดความเป็นชายผู้ไร้ความฝันได้สมจริงเท่าเขาอีกแล้ว ในส่วนของบทสมทบ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักแสดงมากประสบการณ์ทั้งสิ้น ดังนี้ เอตสึชิ โทโยกาวา ได้รับบท โอตโจะ เพราะเขาชำนาญทั้งบทตลกและบทโศก, ทากาโกะ โทกิวา ได้รับบท ยูคิจิ เพราะเธอมีทั้งความสง่างามและความแข็งแกร่งอยู่ในตัว, เทรุยูกิ คากาวา ซึ่งแสดงในบทสมทบมาแล้วมากมาย ได้รับบท โยชิสึเนะ, ฮิเดฮิโกะ อิชิบาชิ ได้รับบท มารูโอะ เนื่องเพราะความคล้ายคลึงราวกับเคาะออกมาจากมังงะ, ซึโยชิ อุจิกิ ได้รับบท มงจัง เพราะมีร่างกายใหญ่โตเหมาะสม และ คุราโนะสุเกะ ซาซากิ ได้รับบท ฟุคุเบะผู้ลึกลับ พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "จะดีใจหรือเสียใจดีครับเวลาที่ใครๆ บอกว่าผมเหมาะกับบทนี้มาก"
สำหรับตัวละครที่มีอายุมากกว่า เคนจิ และกลุ่มเพื่อน ก็เลือกเฟ้นนักแสดงอย่างพิถีพิถันเช่นกัน ได้แก่ ฮิโตมิ คุโรโกะ ในบท คิริโกะผู้เป็นพี่สาวของเคนจิ, เรนจิ อิชิบาชิ ในบท อินชู มันโจเมะ, คัตสึโอะ นากามูระ ในบท คิวทาโร "ก๊อด" คามินากะ ซึ่งการแสดงของเขาและเธอเหล่านี้มีส่วนช่วยขยายขอบเขตของอารมณ์ในแต่ละฉากได้เป็นอย่างดี นอกจากเหนือจากนักแสดงตัวหลักแล้ว ยังมี ชิโระ ซาโน ในบท ยันโบะ และ มาโบะ กับ อาราตะ ในบท มาซาโอะ ทามูระ ซึ่งความมั่นใจในการแสดงของพวกเขาช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับพฤติกรรมแปลกประหลาดของตัวละครเหล่านี้เป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านี้ ยังมี นาโอโตะ ทาเกนากะ, นาโอโกะ เคน, ชิซารุ อิเควากิ, คาซูโอะ โยชินางะ และนักแสดงอื่นๆ อีกมากมายตลอดเรื่องราวในภาพยนตร์
แก๊งกลางทุ่งรวมตัวกันที่ฐานลับ
มาถึงฉากแก๊งกลางทุ่งรวมตัวกันอีกครั้งเหมือนเมื่อหลายๆ ปีที่ผ่านมา หลังจากบ้านวอดวายไปทั้งหลัง เคนจิลี้ภัยไปพักอาศัยอยู่กับ "ก๊อด" และกลุ่มคนเร่ร่อน ก่อนจะได้เวลาเพื่อนๆ สมัยเด็กทยอยกันมาที่ฐานลับทีละคนสองคนเพื่อกล่าวปฏิญาณพิทักษ์โลก สถานที่ถ่ายทำฉากนี้คือสถานีรถไฟใต้ดินขนาด 7 หมื่นตารางเมตรในเมืองกิบะ จังหวัดโตเกียว ฐานลับของเคนจิสร้างขึ้นในมุมๆ หนึ่งบนที่โล่งกว้างนี้ โดยเป็นโครงสร้างชั่วคราวและใช้วัสดุที่หาได้ง่าย อีกทั้งหน้าตาของมันยังสะท้อนให้เห็นตัวตนของเคนจิและเพื่อนๆ อีกด้วย
ก่อนจะเดินกล้องในแต่ละวัน ผู้กำกับฯจะนำฟุตเทจของวันก่อนที่ตัดต่อแล้วมาให้นักแสดงดู สไตล์การตัดต่อของซึซึมินั้นคือตัดออกให้เหลือเฉพาะสิ่งที่ต้องการจริงๆ อันเป็นสไตล์ที่ใช้กันโดยทั่วไปในฮอลลีวู้ดและเกาหลีใต้ แต่ยังไม่แพร่หลายในญี่ปุ่น ทว่านักแสดงทุกคนชอบมากเมื่อได้เห็นฟุตเทจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่านักแสดงได้มารวมตัวกันตอนโต ต่อเมื่อได้นั่งพูคุยกันนอกฉาก พวกเขากลับรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเก่ากันจริงๆ
ถึงแม้ว่าโปรเจ็กต์นี้จะกำหนดให้เป็นหนังไตรภาค แต่กระนั้น ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมเรื่องราวในมังงะ 20th Century Boy ทั้ง 24 เล่มได้ หลายๆ ฉากจึงต้องถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม นักแสดงได้พยายามกันเต็มที่ในการเผยภูมิหลังของแต่ละตัวละครเป็นนัยๆ เทรุยูกิ คากาวา ชี้แจงว่า "ใครก็ตามที่มีชีวิตมาแล้วประมาณ 40 ปี ย่อมมีความรับผิดชอบและการตัดสินใจอันเด็ดขาดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานปี สิ่งเหล่านี้จะเผยออกมาเองระหว่างการแสดง" ด้วยเหตุนี้ ปฏิสัมพันธ์ที่นักแสดงในเรื่องมีต่อกันจึงไม่ต่างจากสุดยอดศิลปินแจ๊สกำลังบรรเลงร่วมกัน
ถ่ายทำหนังอีกสองภาคไปพร้อมๆ กัน : ตารางเวลามหาโหด
ด้วยความที่หนังภาค 2 ถ่ายทำควบคู่กันไปกับหนังภาคแรก ผลก็คือมีเวลาถ่ายทำจำกัดหนึ่งองก์ต่อหนึ่งวันเท่านั้น มิหนำซ้ำ บางวันยังต้องถ่ายทำหลายๆ ฉากจากสองภาคไปพร้อมๆ กัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฉากต่างๆ ตอนที่ตัวละครเป็นเด็กอยู่ในทศวรรษที่ 70 เรียกว่าตารางการถ่ายทำแน่นมากตลอดวันจนไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ทันตามที่กำหนด ครั้งหนึ่งคาราซาวาต้องแสดงเป็นเคนจิในปี 1997 ต่อด้วยเคนจิในวันส่งท้ายปี 2000 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตัวละครเคนจิเปลี่ยนไปมาก คาราซาวาก็ต้องเปลี่ยนทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและการแสดงให้เป็นไปตามตัวละคร
สิ่งที่ช่วยทุ่นเวลาได้เป็นอย่างมากคือระบบถ่ายทำไปตัดต่อไป นอกจากนี้ มันยังช่วยให้นักแสดงและทีมเบื้องหลังตรวจความต่อเนื่องได้ในทันที กระทั่งการถ่ายทำภาคแรกเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
