x close

ตัวจริง-เสียงจริง นักซิ่งอาชีพ มาร์ค เจเน่





ตัวจริง-เสียงจริง นักซิ่งอาชีพ มาร์ค เจเน่ (เดลินิวส์)

       เมืองไทยปัจจุบัน "รถซิ่ง" ทั้งรถยนต์-รถมอเตอร์ไซค์ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ เป็นปัญหา-เป็นอันตรายทั้งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป และกับตัวนักซิ่งเอง...ที่ส่วนใหญ่ดีแต่ "ซิ่งตามแฟชั่น" ไร้จุดมุ่งหมายในชีวิต ซ้ำยังทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเสี่ยง ครอบครัว-คนรอบข้างต้องเดือดร้อน ต่างกันตรงข้ามอย่างสุดกู่กับนักซิ่งต่างชาติรายนี้ . . .
 
"มาร์ค เจเน่" ดีกรีนักแข่งรถฟอร์มูล่า-วัน

       ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง "เชลล์ วี-เพาเวอร์ เบนซิน" ในประเทศไทย เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทีม "วิถีชีวิต" มีโอกาสได้พบกับ "มาร์ค เจเน่" อดีตนักแข่งฟอร์มูล่า-วัน วัย 35 ปี ซึ่งปัจจุบันเขาผันตัวเป็นนักขับทดสอบของสคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ แต่เรื่องราวในวิถีชีวิตของเขาคนนี้ก็ยังคงน่าสนใจ

       มาร์ค เจเน่ เกิดที่ซาบาเดล ประเทศสเปน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเขาเป็นคนรักการเรียนรู้ และตั้งใจไว้ว่าจะศึกษาต่อปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจเมื่อเขาออกจากวงการแข่งรถ และก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2541-2542 เขาเคยทำงานที่บริษัทไพรซ์ วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์

       ประวัติชีวิตย่อๆ ของนักขับทดสอบอย่างเป็นทางการของเฟอร์รารี่คนนี้ หลังจากชนะเลิศการแข่งขัน สแปนิช คาร์ท แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2533 เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันรถคาร์ทอีก 1 ฤดู ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปแข่งสแปนิช ฟอร์มูล่า ฟอร์ด ในปี 2535 เขาได้รับชัยชนะตลอด 2 ฤดูต่อมา ก่อนจะย้ายไปขับสนาม F3 ในอังกฤษ จากนั้นเข้าร่วมการแข่งขัน F3000 ในปี 2540 แต่นักแข่งสเปนผู้นี้มาประสบความสำเร็จได้ตำแหน่งชนะเลิศในรายการโอเพ่น ฟอร์จูน่า โดย นิสสัน ในปี 2541 ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้เป็นแรงส่งให้เขาเข้าไปแข่งในรายการฟอร์มูล่า-วัน กับทีมมินาร์ดี และร่วมแข่งกรังด์ปรีซ์ 33 ครั้ง ตลอด 2 ปีต่อมา

       ปี 2544 เมื่อพ้นจากหน้าที่นักแข่ง มาร์คก็โดดเข้าสวมบทบาทนักขับทดสอบของบีเอ็มดับบลิว วิลเลียมส์ เขาร่วมการแข่งขัน 3 ครั้งกับทีม ทำหน้าที่แทน ราล์ฟ ชูมัคเกอร์ ในรายการมอนซา 2546 ซึ่งนักแข่งมืออาชีพผู้นี้เข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 5 แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการแข่งที่ฝรั่งเศสและอังกฤษ จนเมื่อปี 2547 เขาก็ย้ายเข้าร่วมกับเฟอร์รารี่ อยู่ในฐานะนักขับทดสอบในปี 2548 และปัจจุบันยังคงอยู่กับทีมนี้ กับหน้าที่หลักของนักขับรถทดสอบ มาร์คอธิบายว่า เป็นส่วนสำคัญในทีมรถแข่ง เพราะว่าต้องทำหน้าที่ที่ทำให้นักขับจริงๆ สนใจเรื่องการขับในวันขับแข่งจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้ามีการพัฒนาใหม่ๆ เกิดขึ้น เขาจะเป็นผู้ทำการทดสอบก่อน รถแข่งต้องผ่านมือเขาก่อน และถ้ารถดีจริงก็จะส่งผ่านไปใช้ในการแข่งขัน

       "นักขับทดสอบต้องเข้าประชุม และเป็นผู้ที่ทดสอบก่อนจะรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น แล้วให้ข้อมูลที่จะช่วยให้ทีมได้ชัยชนะ และนอกจากเรื่องเทคนิคแล้ว ก็ต้องพูดคุยผู้สื่อข่าว เพราะในวันขับจริงๆ นักข่าวจะไม่มีโอกาสได้พูดกับนักขับ ซึ่งผมจะทำหน้าที่ตรงนี้ ส่วนนักขับจะมุ่งไปที่การแข่งขัน"

       มาร์คเปรียบเทียบและอธิบายเพิ่มเติมว่า นักขับรถทดสอบกับสตั๊นท์แมนนั้นแตกต่างกัน คือถ้าพูดถึงสตั๊นท์แมนจะนึกถึงความเสี่ยงอันตราย หรือความปลอดภัย แต่สำหรับนักขับรถทดสอบนั้น ก็คือจะไปทดสอบในโรงงานเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่รถจะออกมา ซึ่งช่วยลดเวลาการทำงานของนักขับ ให้นักขับสนใจเฉพาะตอนแข่ง ซึ่งเขาเองไม่ได้ทดสอบเฉพาะเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น แต่ทดสอบเรื่องการขับทั้งหมด

       ถามถึงการดูแลตัวเองของนักแข่ง-นักขับ มาร์คบอกว่า ต้องทำร่างกายให้ฟิตตลอดเวลา พอร่างกายฟิตแล้ว หากพลาดพลั้งเกิดอุบัติเหตุร่างกายก็จะฟื้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นที่ทราบดีว่าการแข่งขันรถนั้นมีความเสี่ยง เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทุกคนในทีมต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัย 

       "แม้ว่าจะดูแลตัวเองเรื่องสมรรถนะของร่างกาย และเรื่องความปลอดภัยในจุดต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ซึ่งประสบการณ์ที่รุนแรงที่สุดในชีวิตคือในการทดสอบ 40 ชั่วโมง ขณะขับด้วยความเร็ว 270 กม./ชม. รถเกิดไถล และลอยขึ้นจากพื้นไปฟาดกับผนัง โชคดีที่เจ็บที่ขากับซี่โครงเพียงเล็กน้อย ตอนแรกคิดว่าจะเจ็บมากกว่านี้ แต่ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของรถแข่ง ก็ช่วยไว้" 

       มาร์ค เจเน่ ยังได้เล่าย้อนถึงความฝันในการเป็นนักขับของเขาว่า เริ่มต้นเมื่ออายุ 13 ปี โดยเริ่มจากการแข่งขันรถคาร์ท และฝันต่อไปเรื่อยๆ เช่น กรังด์ปรีซ์ เรซซิ่ง, ฟอร์มูล่า-วัน ซึ่งสุดท้ายความฝันก็กลายเป็นจริง

แต่นั่นก็ใช้เวลาเกือบ 10 ปี

       สำหรับต้นแบบหรือไอดอลของเขา คือพี่ชายคนโต และหลังจากที่เข้าร่วมแข่งขันฟอร์มูล่า-วันแล้ว มิชาเอล ชูมาร์เกอร์ ก็เป็นตัวอย่าง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างมาก ซึ่งมาร์คได้ให้ข้อคิดว่า สิ่งสำคัญของการเป็นนักขับรถทดสอบ 3 ประการคือ 1.ต้องขับได้เร็วเท่ากับนักแข่งของตัวเอง เพื่อจะรู้สึกแบบเดียวกัน 2. ต้องมีประสาทสัมผัสที่ไว และ 3.ต้องสื่อสารกับช่างเทคนิคได้ เพื่อการพัฒนารถให้ดีขึ้น

       "ถ้าชอบขับรถแข่ง ต้องไม่ใช่บนท้องถนน ควรจะเป็นที่สนามแข่งขันมากกว่าแสดงความสามารถบนท้องถนน ซึ่งอันตรายมาก !!" เป็นทิ้งท้ายของ "มาร์ค เจเน่" อดีตนักแข่งรถฟอร์มูล่า-วัน ที่แม้วันนี้เขาจะไม่ใช่นักแข่งตัวจริงแล้ว แต่ก็มีส่วนผลักดันนักแข่งตัวจริงให้ประสบความสำเร็จ-ปลอดภัย... ไม่เสี่ยงตายมากเหมือนนักซิ่งไทยบนถนนหลวง !!

"ชอบภาษา" ไม่แพ้รถ

       มาร์ค เจเน่ เขา "ชอบเรียนภาษา" ชอบที่จะได้สื่อสารกับผู้คนหลากหลายประเทศ ขณะนี้เขากำลังเรียนภาษาฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมัน และยังชื่นชอบการชมภาพยนตร์ ออกกำลังกาย และเล่นกีฬา ส่วนรถในอุดมคตินั้น รถสุดโปรดคือ เฟอร์รารี่ สคูเดอเรีย มาเซราติ ควอทโทรพอร์ท เปอร์โย 407 คูเป้ และเฟียต โครมา

       เขามีความฝันที่จะเรียนต่อปริญญาโทหลังจากออกจากอาชีพปัจจุบัน โดยมาร์คบอกว่า ที่จริงก็ตั้งใจจะอยู่ในมอเตอร์สปอร์ตต่อไป ทั้งๆ ที่ต้องมีจุดที่ต้องหยุด ตอนนี้ยังไปได้ก็จะอยู่ต่อไป แต่ในที่สุดแล้วก็มีความตั้งใจว่าจะเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ ซึ่งชีวิตตอนนี้ค่อนไปทางใกล้จะขาลงแล้ว แต่คิดว่ายังมีความสามารถอยู่

       ถามถึงครอบครัว มาร์คเผยสั้นๆ ว่า เขามีลูกๆ 2 คน เป็นลูกสาว 1 ลูกชาย 1 ซึ่งก็ยังเล็กอยู่ แต่ก็ได้ใกล้ชิดกับวงการมอเตอร์สปอร์ต และหากอนาคตจะเดินตามเส้นทางของพ่อ มาร์ค เจเน่ ก็บอกว่า . . . "ถ้าเป็นในสนามแข่ง ไม่ใช่บนท้องถนน ผมจึงจะยินดีสนับสนุนทุกประการ"



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตัวจริง-เสียงจริง นักซิ่งอาชีพ มาร์ค เจเน่ อัปเดตล่าสุด 1 เมษายน 2552 เวลา 16:14:59 2,651 อ่าน
TOP