"ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล"กลับตัว(กลับใจ)พักข่าวฉาวขอทำหน้าที่ลูกที่ดี (ดาราเดลี่)
เพิ่งได้ลิ้มลองความหอมหวานของวงการบันเทิงได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนไฮโซวัย 18 ปี "หญิงแม้น - ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล" จะชอกช้ำเกินจะทนเสียแล้ว เพราะไหนจะโดนทั้งข่าวรักร้าวกับนักร้องหนุ่ม "แทค-ภรัณยู", ข่าวภาพหลุดจ๊วบ กลางสระน้ำกับอดีตแฟนเก่า และล่าสุดกับข่าวการเรียนตก พ่อไม่ปลื้ม...ทําให้เจ้าตัวเครียดจัด และเริ่มท้อถึงขั้นคิดจะหันหลังให้กับวงการนี้เสียแล้ว!!
วันนี้ "หญิงแม้น" พร้อมเปิดใจ เคลียร์ทุกข้อกล่าวหาให้ทุกคนได้รู้สึกตัวตนของเธอมากยิ่งขึ้น
เจ้าแม่งานอีเว้นท์
หญิงแม้น : กับงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่ไป ความรู้สึกส่วนตัวคือ หนูสนุกตรงที่ได้พบปะผู้คน คือได้เจอพี่ๆ นักข่าว ได้เจอพี่ๆ ทีมงาน ได้เจอเพื่อนใหม่ คือตั้งเเต่ที่เข้ามาตรงนี้ ระยะเวลาประมาณ 1 ปีเต็ม หนูได้รู้จักคนเยอะมาก หนูได้เพื่อนใหม่จากหลากหลายวงการ จากแต่ก่อนหนูเป็นคนมีเพื่อนไม่เยอะเท่าไหร่ มีก็แค่เพื่อนที่โรงเรียนเท่านั้น จนมาถึงตอนนี้เดิน ไปไหน ก็เจอแต่คนที่รู้จักเข้ามาทักทายตลอด
...กลุ่มออกงานอีเว้นท์ ส่วนใหญ่เป็นพวก celebrity รุ่นใหม่ค่ะ คือ เราก็จะไปกลุ่มเราก็จะกรี๊ดกร๊าดๆ คนก็จะให้ความสนใจเป็นพิเศษที่หนูสนิท ก็มี "มู่ลี่-อัญชิสา วัชรพล", "เจนิส-พีชนา สงวนสัตย์", "พี่มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย" ฯลฯ เวลาเจอกันทีเราก็จะนัดกันแต่งตัว ใส่ชุดสีเหมือนกันเป็นธีม แเล้วชอบถ่ายรูปเล่น ก็จะสนุกมาก ถ้าเเบบใส่สีดําหมดเลย ถ่ายรูปออกมามันก็จะสวย ตําแหน่งสาวฮอตของวงการ
หญิงแม้น : กับที่หลายคนยกให้หนูเป็นสาวฮอตของวงการ ก็รู้สึกขอบคุณมากที่ทุกคนให้ความสนใจ เเละคําชมนี้ก็มาพร้อมกับการโดนหมั่นไส้ไปเรียบร้อยเเล้วค่ะ...(หัวเราะ) คือการเข้ามาทํางานในวงการนี้ หนูมองว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในเมื่อมีคนรักเราก็ต้องมีคนเกลียดเราด้วย เราไม่สามารถทําให้ทุกคนรักเราได้หรอก หนูเองก็ยังเป็นของหนูแบบนี้ หนูก็จะไม่ได้เปลี่ยนเเปลงไม่อะไร ถ้าเขาจะชอบหนู หนูอยากให้ทุกคนชอบที่หนูเป็นหนู ไม่ใช่ชอบเเบบที่หนูต้องเสแสร้ง ซึ่งถ้าหนูเป็นเเบบนี้เเล้วเขายังจะเกลียดอีก ก็ไม่เป็นไร ก็เชิญเกลียดไป เพราะหนูก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย
...สําหรับเกณฑ์การรับงานของหนู อย่างเเรกเลย หนูจะดูที่เวลาก่อน คือจัดสรรเวลาไม่ให้ชนกับเวลาเรียนและไม่ให้ชนกับงานที่ติดต่อเข้ามาแล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปได้วันนึงพยายามจะไม่รับหลายงาน เพราะรู้สึกว่าเรายังไม่มีความรับผิดชอบพอ แต่ที่ผ่านมาเคยรับมากสุด 4 งานต่อวัน ซึ่งทั้ง 4 งานก็ต้องขึ้นเวทีหมด เป็นอะไรที่ต้องแข่งกับเวลามากๆ
หลงแสงสีจนเกรดตก
หญิงแม้น : สําหรับเรื่องการเรียนของหนู เทอมที่ผ่านมายอมรับว่าผลการเรียนไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นติด F อย่างที่เป็นข่าว ซึ่งตอนนี้หนูก็ทําเรื่องดร็อปไว้แล้ว เพราะหนูรู้ตัวดีว่ายังไงหนูก็คงเรียนไม่จบ 4 ปีตามกําหนดแน่นอน อีกอย่างหนูเรียนหลักสูตรอินเตอร์ ซึ่งทุกวิชาก็เป็นภาษาอังกฤษหมด พอเรามีเวลาเตรียมตัวไม่พอ ก็รู้สึกว่าตัวเองเรียนไม่ไหว เเต่หนูก็โชคดีที่ท่านพ่อและท่านเเม่ไม่ได้กดดันอะไร ท่านไม่เคยพูดเลยนะว่า หนูจะต้องเรียนได้เกียรตินิยม หรือต้องเรียนให้ได้เกรดดีๆ ท่านขอแค่ให้หนูเรียนจบพอเเล้ว
...ตอนนี้หนูก็ได้ขออนุญาตท่านพ่อและท่านแม่แล้วว่า ขอหนูหยุดเรียนเทอมนึงก่อน เพราะที่ผ่านมาหนูมีเรื่องเครียดมากมาย อยากจะหยุดพัก และอยู่กับตัวเองแป๊บหนึ่ง ถ้าจะให้ไปฝืนเรียนตอนนี้คงเรียนไม่รู้เรื่องแน่ๆ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร และหนูก็คิดว่ามันไม่มีคําว่า สายไปสําหรับการเรียน มาดใหม่กับการเป็นศิลปิน
หญิงแม้น : ตอนนี้หนูกําลังจะมีผลงานเพลงค่ะ เป็นอัลบั้มรวมกับศิลปินคนอื่น หนูได้ร้องเพลงเดียว ซึ่งแนวเพลงของหนูจะเป็นแนวฮิปฮอป ซึ่งเป็นแนวที่หนูชอบอยู่แล้ว แต่ในเรื่องเสียงร้องนั้น ก็ต้องมีไปเรียนเพิ่มเติมด้วย
...ตอนเเรกที่โปรเจ็คท์นี้ติดต่อเข้ามา หนูปฏิเสธไปเลย เพราะรู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงไม่ได้ ร้องไม่เพราะ เสียงก็เพี้ยน แต่พอไปปรึกษาไมค์ (พิรัชต์) ไมค์ก็บอกเป็นโอกาสที่ดี น่าจะให้ลองทําดู เพราะมันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แถมพอได้ฟังเนื้อหาของเพลงก็ยิ่งรู้สึกชอบ เพราะพี่คนที่เขียนเนื้อ เขาบอกว่า เนื้อเพลงเขียนมาจากชีวิตหนูเลย ทั้งเกี่ยวกับวงการบันเทิง ความรัก และรูปหลุด ยังไงก็ช่วยติดตามกันด้วยนะคะ ทํางานมา 1 ปีเต็ม ไม่มีเงินเก็บสักบาท
หญิงแม้น : หนูยอมรับว่า งานตรงนี้ได้เงินมาค่อนข้างง่าย และได้เยอะมากกว่าที่หนูคิดไว้เสียอีก ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ทํางานได้เงินมา หนูเคยพยายามจะเอาไปให้คุณพ่อคุณแม่แล้ว แต่ท่านก็ไม่เอา หนูเลยเอาเงินที่ได้ไปซื้อของให้แทน แต่หลังๆ เริ่มคิดได้ ไหนๆ เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ค่าเทอมก็ไม่ต้องจ่ายเอง เราน่าจะรับผิดชอบตัวเองได้ ตั้งแต่นั้นมาหนูก็เริ่มรู้จักที่จะบริหารการเงินมากขึ้น ใช้จ่ายด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องขอจากคุณพ่อคุณแม่สักบาทเดียว ซึ่งมันก็เป็นความภูมิใจเล็กๆ ของตัวเอง
บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
หญิงแม้น : ที่ผ่านมาเหมือนเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต แม้ครอบครัวจะให้กําลังใจ และเข้าใจว่าทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ ซึ่งท่านแม่ก็ให้อภัย เเล้วก็ให้โอกาสหนูปรับปรุงตัว ที่ผ่านมาหนูอาจจะผิดทั้งเรื่องพูด เรื่องวางตัว เรื่องความคิด ปล่อยให้เรื่องไร้สาระเข้ามาบงการชีวิตมากเกินไป เเต่ตอนนี้หนูโตพอที่จะแยกแยะ และคิดเป็นเเล้ว ตอนนี้ก็คิดจะปรับปรุงตัว เก็บเงิน ตั้งใจเรียนให้มากขึ้น และจะลดงานให้น้อยลงด้วย
...กับเด็กอายุ 18 อย่างหนู หนูคิดว่าสิ่งที่เจอมามันเยอะ และหนักมากเลย หนูเคยรู้สึกท้อสุดๆ เมื่อได้หันกลับไปมองเพื่อนในวัยเดียวกัน ทุกคนมีชีวิตที่สบาย เรียนเสร็จก็ไปกินข้าว เดินเล่นสยาม ไปดูหนัง แล้วกลับบ้าน ไม่ต้องมีเรื่องอะไรให้เครียด ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกับเเฟน ไม่ต้องเป็นข่าว ในใจลึกๆ ก็อิจฉาเหมือนกัน แต่ก็คิดเสียว่าเราได้อย่างเสียอย่าง อยากแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด
หญิงแม้น : ถ้าเลือกได้ หนูอยากกลับไปเมื่อปีที่เเล้ว อยากทําอะไรที่มันดีกว่านี้ ไม่อยากทําอะไรให้มันผิดพลาดอีกเเล้ว ซึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้น ทําให้หนูได้เรียนรู้ ไม่ว่าเราจะมีเงินเท่าไหร่ รวยเเค่ไหน เป็นลูกใคร เราก็ไม่สามารถซื้อเวลาที่เสียไปได้ เพราะฉะนั้น ทําอะไร เราก็ต้องทําให้เต็มที่ เพราะเราอาจไม่ได้โอกาสเป็นครั้งที่ 2 อีก
...ตอนนี้ก็เลยใช้ชีวิตเต็มที่กับชีวิตมากๆ ขอเบรกงานต่างๆ เพื่อบินไปอยู่ที่นิวยอร์กสักพักหนึ่งก่อน เพราะหนูมีเพื่อน (สตางค์-ดิษย์ลดา) เรียนอยู่ที่นั่นด้วย พอรู้สึกสบายใจ เเล้วค่อยกลับมาทําอะไรให้ดีกว่าเก่า กลับมาเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณเม่เหมือนเดิม Hi5 มิตรภาพใหม่ของ "หญิงแม้น"
หญิงแม้น : บทเรียนจากอินเตอร์เน็ต หนูยอมรับว่าเข็ดเหมือนกัน ตอนนี้ก็เพลาการเอารูปลง Hi5 เยอะ และจะไม่นึกสนุกถ่ายภาพแบบนั้นอีกแล้วค่ะ แต่ในทางกลับกันโลกออนไลน์ก็ทําให้หนูได้เจอมิตรภาพที่ดีกลับมาด้วย ล่าสุด หนูมีแฟนคลับจาก hi5 เยอะมาก ทุกครั้งที่เข้าไปอ่านก็จะได้รับกําลังใจดีๆ กลับมาเพียบ น้องๆ บางกลุ่มก็ทําเว็บไซต์ให้ด้วย ทั้งๆ ที่หนูไม่ใช่ดาราสักหน่อย "หัวใจ" ดวงน้อยๆ ยังเหมือนเดิม
หญิงแม้น : หัวใจตอนนี้พองโตที่สุดค่ะ มีคนที่รักมากให้ดูแล นั่นก็คือ ตัวเราเอง และครอบครัว ส่วนกับพี่แทค ตอนนี้ก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย แต่ยังไงเสียหนูก็ยังยืนยันคําเดิมว่า หนูยังอยู่ที่เดิม และยังรู้สึกกับเขาเหมือนเดิมค่ะ หนูยอมรับว่าเป็นคนจมอยู่กับอดีต ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องพี่แทคเรื่องเดียว ยังมีอีกหลายเรื่องที่หนูพยายามที่จะหลุดออกมาสู่โลกปัจจุบันให้ได้ แต่ ณ วันนี้ หนูยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง
...นอกจากนั้นแล้วมุมมองความรักของหนูก็เปลี่ยนแปลงไปแล้วด้วย ตอนนี้มองว่า ความรักคือการให้ คือบางทีการให้ไม่ต้องการรับสิ่งตอบเเทนค่ะ
แม้ชีวิตจะผ่านเรื่องร้ายแรงมากแค่ไหน แต่เราก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้ ด้วยตัวของเราเอง...
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
