ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ (เอ็ม พิคเจอร์ส)
กำหนดฉาย : 4 มิถุนายน 2552
แนว : แอ็คชั่น
นำแสดง : จวน จีฮุน, อลิสัน มิลเลอร์, โคะยูกิ
กำกับ : Chris Nahon (Kiss of the Dragon)
เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์
เรื่องย่อ
ที่ไหนมีปิศาจพลุกพล่าน
เธอจะตามไปล่า
รูปลักษณ์ภายนอกของ ซายะ (จวน จีฮุน) คือเด็กสาววัย 16 หน้าตาสะสวย ทว่าภายใต้ความเยาว์วัย คือจิตวิญญาณพันธุ์ผสมที่ทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 400 ปี
ด้วยความที่พ่อเป็นมนุษย์ แต่แม่เป็นแวมไพร์ ลูกผสมอย่างเธอจึงต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานนับศตวรรษ โดยยึดมั่นอยู่กับการทำลายโลกของแวมไพร์ให้สิ้นซากด้วยทักษะเยี่ยงซามูไร ในขณะที่ตระหนักดีว่าตัวเองนั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือดไม่ต่างจากเผ่าพันธุ์ที่เธอกำลังล่าล้าง ต่อเมื่อองค์กรลับที่เธอสังกัดมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจที่ฐานทัพสหรัฐฯในกรุงโตเกียว ซายะก็รู้ทันทีว่าโอกาสที่จะได้ถอนรากถอนโคนนายใหญ่ผู้ชั่วร้ายของเหล่าแวมไพร์ นั่นคือ โอนิเจน (โคยูคิ) อาจมาถึงแล้ว เธอเริ่มใช้พลังเหนือมนุษย์และดาบคู่กายตะลุยกวาดล้างความชั่วร้ายไปเรื่อยๆ ด้วยท่วงท่าอันสง่างามและน่าตื่นตาตื่นใจ ก่อนที่เธอจะได้เชื่อมสัมพันธ์กับลูกสาวของนายพลประจำฐานทัพ อันเป็นมิตรภาพกับมนุษย์ครั้งแรกในรอบหลายๆ ศตวรรษ อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่เธอตระหนักว่าควรจะใช้พลังแกร่งกล้าเหนือโอนิเจนที่มีอยู่กับตัวเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับมวลมนุษย์
ผู้คุมงานสร้างเลื่องชื่อ บิลล์ คอง (จาก Crouching Tiger, Hidden Dragon และ Hero) และ อาเบล นาห์มิอาส (จาก 11 Commandments และ La Beuze) รวมทีมกับผู้กำกับภาพยนตร์ คริส นาอง (จาก Kiss of the Dragon) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาษาอังกฤษนำเสนอการผจญภัยล่าล้างแวมไพร์ในโลกที่ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับหญิงสาวโฉมสะคราญเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
จุดเด่น
- นำแสดงโดย Gianna Jun (หรือ Jun Ji Hyun ดารา Superstar เกาหลีจากเรื่อง Il Mare และ My Sassy Girl) ร่วมด้วย Allison Miller (Desperate Housewives) และ Koyuki (The Last Samurai)
- กำกับโดย Chris Nahon จาก Kiss of the Dragon และอำนวยการสร้างโดย William Kong ผู้สร้าง Crouching Tiger Hidden Dargon, Hero, House of Flying Dagger และ Fearless) บทภาพยนตร์โดย Ronny Yu จาก Fearless ร่วมด้วยทีมงาน Special Effect จาก Spider-Man, Terminator และ Fantastic Four
- ทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ดัดแปลงจาก Animation ชื่อ Blood The Last Vampire ของ Hiroyuki Kitakubo ซึ่งได้รับรางวัลอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจาก World Animation Celebration ในปี 2001
แรงบันดาลใจ
แอ็กชั่นทริลเลอร์เรื่องใหม่ภายใต้การกำกับของ คริส นาอง เรื่องนี้ ดัดแปลงจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของสังกัด โปรดักชั่น ไอ.จี ในชื่อเดียวกัน คือ Blood: The Last Vampire ซึ่งออกฉายทั่วโลกไปแล้วในปี 2000 อันเป็น 48 นาทีแห่งความลุ้นระทึกจากฝีมือการกำกับของ ฮิโรยูกิ คิตาคูโบะ (ผู้เป็นแกนหลักในการสร้างภาพเคลื่อนไหวในแอนิเมชั่นซึ่งกำกับโดย คัตสึฮิโร โอโตโมะ เรื่อง Akira) เรื่องราวปะทุขึ้นในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1966 อันเป็นปีเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาตัดสินใจก้าวเข้าสู่สงครามเวียดนามเต็มตัว ภาพยนตร์นั้นถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวชื่อ ซายะ ผู้มีอาวุธคู่กายเป็นดาบญี่ปุ่น เมื่อครั้งที่องค์กรลึกลับส่งตัวเธอไปล่าล้างเหล่าแวมไพร์ที่ซ่อนตัวปะปนอยู่กับผู้คนในฐานทัพโยโกตะ อันเป็นฐานที่มั่นของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 30 กิโลเมตร
ในส่วนของภาพยนตร์แอนิเมชั่นต้นฉบับในสังกัดโปรดักชั่น ไอ.จี คว้ารางวัลต่างๆ มาแล้วจากทั่วโลก ดังนี้
- งาน The World Animation Celebration ปี 2001 – รางวัล Best Theatrical Feature Film
- เทศกาลแอนิเมชั่นเมืองโกเบครั้งที่ 6 ประจำปี 2001 – รางวัล Individual Award ให้กับ ผกก.ฮิโรยูกิ คิตาคูโบะ
- เทศกาล Takasaki Film Festival ปี 2001 – รางวัล Special Prize
- งาน Mainichi Film Awards ปี 2000 – รางวัล Ofuji Noburo Award
- เทศกาล Japan Media Arts Festival ปี 2000 – รางวัลกรังปรีซ์ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่น
- เทศกาล Montreal Fantasia Film Festival ปี 2000 – รางวัล Public's Prize Best Asia Feature Film
มาโมรุ โอชิอิ ผู้กำกับแนวภาพของแอนิเมชั่นต้นฉบับในปี 2000 ให้กำเนิดนิยายภาพชื่อ Blood: The Last Vampire: Night of the Beasts ในญี่ปุ่นเดือนตุลาคมปี 2000 ก่อนที่นิยายจะตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ทั่วอเมริกาเหนือในปี 2005 แรกเริ่มเดิมที มาโมรุ โอชิอิ เป็นผู้กำกับแอนิเมชั่นและไลฟ์แอ็กชั่นที่คว้ารางวัลมาแล้วหลายต่อหลายรางวัล ที่สำคัญ ผลงานของเขาในปี 2004 อย่าง Ghost in the Shell 2: Innocence เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ส่วนในปี 2008 ผลงานอีกเรื่องอย่าง The Sky Crawlers สามารถคว้ารางวัล Future Film Festival Digital จากเทศกาลภาพยนตร์กรุงเวนิสมาได้ รวมถึงเข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำในเทศกาลเดียวกันนี้อีกด้วย
มังงะและนิยายภาพมากมายแตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากแอนิเมชั่นเรื่อง Blood: The Last Vampire ไม่ว่าจะเป็น มังงะภาคก่อนเล่มเดียวจบอย่าง Blood: The Last Vampire 2000 ซึ่งเขียนโดย เบนเคียว ทามาโอกิ และตีพิมพ์เผยแพร่ในญี่ปุ่นช่วงปี 2001 โดยสำนักพิมพ์ คาโดคาวะ โชเท็น (Kadokawa Shoten) ก่อนจะตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษโดยสำนักพิมพ์ วิซ มีเดีย (Viz Media) ในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 และปรับเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยเป็น Blood: The Last Vampire 2002 นอกจากนี้ ยังได้รับการดัดแปลงเป็นนิยายภาพโดยตีพิมพ์ต่อเนื่องเป็นชุดทั้งหมด 3 เล่ม พร้อมทั้งดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมอีกด้วย
กระทั่งในปี 2005 โซนี่และโปรดักชั่น ไอ.จี จึงประกาศสร้าง Blood+ ในรูปแบบแอนิเมชั่น 50 ตอนซึ่งจะออกฉายต่อเนื่องทางโทรทัศน์ โดยที่ปรับเปลี่ยนโลกในจอแก้วนี้ให้แปลกออกไปจาก Blood: The Last Vampire กล่าวคือ โยงใยสัมพันธ์ไปถึงภาพยนตร์เพียงแผ่วเบาและใส่เรื่องราวซึ่งแตกต่างเข้าไปมากมาย Blood+ ออกฉายตอนแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2005 ทางช่อง MBS/TBS และออกอากาศต่อเนื่องมาจนถึง 23 กันยายน 2006
นักแสดง
จิอานนา (จวน จีฮุน) แสดงเป็น ซายะ
จิอานนาเกิดในปี 1981 และเป็นศิลปินนักแสดงชาวเกาหลีซึ่งได้รับคำยกย่องชื่นชมทั่วเอเชีย เธอเป็นที่รู้จักในแถบบ้านเกิดเมืองนอนในชื่อ จวน จีฮุน ภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของเธอซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุด คือ My Sassy Girl (2001) โดยรับบทเป็นแฟนสาวจอมโหดและอารมณ์ร้าย แต่กลับกลายเป็นสาวที่หนุ่มๆ ทั่วทั้งเอเชียใฝ่ฝันอยากให้มาทำร้าย ที่สำคัญ โรแมนติกคอเมดีเรื่องนี้ยังพาเธอไปคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาล Daejong Film Festival ปี 2000 มาครองอีกด้วย
ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่เธอแสดงล้วนติดอันดับภาพยนตร์เอเชียทำรายได้สูงสุดในช่วงเวลาที่ออกฉายทั้งสิ้น เป็นต้นว่า Windstruck และ Il Mare ที่ซึ่ง อเลคันโดร อเกรสติ ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Lake House ในปี 2006 โดยมี คีอานู รีฟส์ และ แซนดรา บูลล็อก แสดงนำ นอกจากนี้ เนื่องด้วยความงามอันสดใสแบบสาวเยาว์วัยของจิอานนานั้นตรึงตาตรึงใจทั้งชายหญิง สินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลายจึงอยากให้เธอมาเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ด้วยกันทั้งนั้น สำหรับการแสดงใน Blood: The Last Vampire จะเผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของจิอานนา นั่นคือ การเป็นนักแสดงแอ็กชั่นบู๊ดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่เธอจะแสดงเองทุกฉาก แม้แต่ในฉากที่บางครั้งนักแสดงชายยังต้องการตัวแสดงแทน
ผลงานภาพยนตร์
Blood the Last Vampire (2008)
If I Were Superman (2008)
Daisy (2006)
Windstruck (2004)
Uninvited (2003)
My Sassy Girl (2001)
Il Mare (2000)
White Valentine (1999)
แอลลิสัน มิลเลอร์ รับบท อลิซ แม็คคี
แอลลิสัน มิลเลอร์ ผ่านผลงานการแสดงในดราม่าซีรี่ส์ทางโทรทัศน์มาแล้วมากมาย อาทิ Cold Case (2006), CSI: NY (2006), Desperate Housewives (2006) รวมถึงเรื่อง Kings (มหากาพย์ดราม่าเรื่องใหม่จากผู้อำนวยการสร้าง Heroes) ซึ่งกำหนดปฐมฤกษ์ฉายในเดือนมีนาคม 2009
Blood: The Last Vampire เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของมิลเลอร์ ก่อนที่จะแสดงประชันบทบาทกับ แซค เอฟรอน ในคอเมดีเรื่อง 17Again อันเป็นผลงานกำกับโดยผู้เขียนบทมือรางวัล เบอร์ สเตียส์
เลียม คันนิงแฮม รับบท ไมเคิล
นักแสดงชาวไอริช เลียม คันนิงแฮม เคยทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นช่างไฟในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 กระทั่งบังเอิญเห็นโฆษณาโรงเรียนฝึกสอนการแสดง จึงตัดสินใจไปลองเปลี่ยนสายอาชีพมาเป็นนักแสดง บทบาทแรกที่เขาได้แสดงคือตำรวจในภาพยนตร์เรื่อง Into The West (1992) หลังจากนั้นจึงมีผลงานในภาพยนตร์และละครเวทีตามมาอีกมากมายบนสองฝั่งฟากของมหาสมุทรแอตแลนติก คันนิงแฮมเคยชนะรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาแล้วถึงสองครั้งจากการแสดงใน A Love Divided (1999) และ The Wind that shakes the Barley (2006) ยิ่งไปกว่านั้น เขายังติดอันดับหนึ่งในห้าสุดยอดนักแสดงไอริชแห่งสหัสวรรษจากโพลสำรวจโดยเครือข่ายโทรทัศน์และภาพยนตร์แห่งไอร์แลนด์ (Ireland Film and Television Network)
เจเจ ฟิลด์ รับบท ลู้ก
เจเจ ฟิลด์ เกิดที่โคโลราโดและย้ายไปอยู่สหราชอาณาจักรตั้งแต่ยังแบเบาะ เขาเริ่มการแสดงตั้งแต่สมัยเรียนวิทยาลัย เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการแสดงแล้ว ก็ฝากฝีมือไว้ในผลงานภาพยนตร์มากมาย รวมทั้งรับบทหลากหลายทางโทรทัศน์ เขาเคยรับบทเป็น ไซมอน ดอยล์ ในซีรี่ส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Poirot นอกจากนี้ยังแสดงประกบ เฟลิซิตี โจนส์ ใน Northanger Abbey รวมถึงแสดงประกบ บิลลี ไพเพอร์ ใน The Ruby in the Smoke ส่วนผลงานทางภาพยนตร์เรื่องแรก ได้แก่ Ring Around the Moon ในปี 2008
โคยูคิ รับบท โอนิเจน
โคยูคิเป็นทั้งนางแบบและนักแสดงชาวญี่ปุ่น เธอเกิดที่เมืองคานากาวะ เริ่มอาชีพนางแบบในปี 1995 ก่อนจะมีผลงานทางการแสดงตามมาทั้งทางจอแก้วและจอเงิน กระทั่งในปี 2006 เธอได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่งาน Japanese Academy Award จากการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Always: Sunset on the Third Street นอกจากนี้ยังพบเห็นเธอได้บ่อยครั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์และโฆษณาทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ในระดับสากลเรื่องแรกของเธอ ได้แก่ The Last Samurai (2003) โดยรับบทเป็น ทากะ ภรรยาของซามูไรที่ถูก นาธาน อัลเกรน ตัวละครซึ่งรับบทโดย ทอม ครูซ สังหาร ก่อนนี้ เธอเพิ่งเสร็จงานแสดงในภาพยนตร์ที่กำลังจะได้ชมกัน กำกับโดย โยชิ ซาอิ เรื่อง Kamui อันเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่ง
ผลงานภาพยนตร์
Kamui (2009) (ถ่ายทำเสร็จแล้ว)
Blood the Last Vampire (2008)
Always: Sunset on Third Street 2 (2007)
Kitaro (2007)
Genghis Khan: To the Ends of the Earth and Sea (2007)
Always: Sunset on Third Street (2005)
The Last Samurai (2003)
Pulse (2001)
ยาซูอากิ คูราตะ รับบท คาโต ทากาโตระ
ยาซูอากิ คูราตะ เกิดในปี 1946 โดยมีผลงานทางภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1970 คือเรื่อง Angry Guest อันเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นบู๊ดุเดือดสัญชาติฮ่องกงซึ่งต้องใช้ตัวแสดงเสี่ยงตายแทนมากมาย เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักแสดงบู๊กังฟูผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วเอเชียในเวลาเดียวกันกับ บรูซ ลี จนในที่สุดนักแสดงทั้งสองก็ผูกมิตรไมตรีกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ครั้งหนึ่งคูราตะให้กระบองคู่เป็นของขวัญแก่ บรูซ ลี ซึ่งลีนำมาใช้แสดงในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง กระทั่งอาวุธนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก
จวบจนปัจจุบัน คูราตะแสดงภาพยนตร์เอเชียมาแล้วกว่า 100 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ กระทั่งเขากลายเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในฉายา “มังกรแห่งแดนอาทิตย์อุทัย” หรือ Japanese Dragon
ผู้สร้างภาพยนตร์
คริส นาอง – ผู้กำกับภาพยนตร์
คริส นาอง คือผู้กำกับมิวสิกวิดีโอและโฆษณาชาวฝรั่งเศสซึ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เขาเกิดใน ซัวซี ซูส์ มองโมรองซี ประเทศฝรั่งเศส และออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 15 ปี เพื่อเรียนในโรงเรียนศิลปะที่กรุงปารีส ต่อเมื่ออายุ 19 ปี นาองมีผลงานเรื่องแรกในชีวิตเป็นหนังสั้นถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาด 35 มม. สองปีถัดมาจึงสร้างสรรค์หนังสั้นเรื่องที่สองขึ้น
พออายุ 25 ปี นาองก็ก่อตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ V.A.M.O.S. โดยเขารับหน้าที่คุมงานสร้างพร้อมด้วยกำกับเอง ทั้งโฆษณา มิวสิกวิดีโอ และหนังสั้น หลังจากนั้น V.A.M.O.S. เน้นไปที่กระบวนการหลังการถ่ายทำเสร็จสิ้นเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตัวนาองเองก็ยังคงสานต่องานด้านกำกับให้กับบริษัทสร้างภาพยนตร์อื่นๆ
จวบจนอายุ 30 ปี นาองจึงเริ่มหันเหมาสู่การเขียนบทภาพยนตร์ รวมถึงชะลอกิจการภายในบริษัทตัวเองไว้ก่อน หลังจากเสร็จสิ้นงานกำกับหนังสั้นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ตัดสินใจทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดให้กับการกำกับภาพยนตร์เรื่องยาว ต่อมาไม่นานนัก ลุค เบซซง ก็เรียกตัวไปกำกับ Kiss of the Dragon นอกจากนี้ เขาเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Skate or Die เสร็จสิ้นในปี 2006 ถ่ายทำในปี 2007 และออกฉายในฝรั่งเศสช่วงเดือนมิถุนายนปี 2008
รายนามผลงานที่เขากำกับฯ
Chasing the Dragon (2009)
Blood the Last Vampire (2008)
Empire of Wolves (2005)
Kiss of the Dragon (2001)
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก