เดอะสตาร์ แนะวิธีรับน้องสร้างสรรค์ (ไทยรัฐ)
เดี๋ยวนี้ผู้ปกครองหลายๆ คนหวั่นอกหวั่นใจเหลือเกินว่า เวลาที่ลูกๆ ต้องทำกิจกรรมการรับน้องในสถาบันการศึกษาต่างๆ จะเจอความรุนแรงในการรับน้องหรือไม่ หลังจากที่มีข่าวการรับน้องอย่างรุนแรงต่อเนื่องมาตลอดทุกปี จนถึงกับมีผู้ปกครองบังคับลูกๆ ต้องลาออกกลางคันเพราะการรับน้องเลยทีเดียว วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ เลยลองไปถามความคิดเห็นจากเหล่าเดอะสตาร์คนดังว่าคิดเห็นกันอย่างไร พร้อมเสนอวิธีการรับน้องที่สร้างสรรค์ในแบบเดอะสตาร์ด้วย
เริ่มที่หนุ่มมาดนิ่ม ฟลุค-พชร ธรรมมล ที่อยากเห็นการรับน้องมีการทำบุญร่วมกัน "จริงๆ ฟลุคคิดว่าการรับน้องใหม่คือการไปเที่ยวกันหรือว่าย้ายสถานที่ ส่วนตัวฟลุคก็ชอบนะ เพราะมันเป็นการให้ความทรงจำกับรุ่นน้อง ปีหนึ่งมันก็มีแค่ครั้งเดียวที่มารับน้องกัน ในส่วนที่มีความรุนแรงก็คิดว่ามันแย่ เพราะว่าส่วนตัวเองก็เป็นรุ่นน้องมาแล้ว โดนรับน้องแบบโหดๆ ก็คิดว่าทำไมรุ่นพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย คือมันควรจะมีขอบเขต แต่ในสิ่งที่ทำอยู่ฟลุคคิดว่ามันดีนะครับ ถ้าเกิดให้คำสอนหรือข้อคิดกับน้องๆ ได้ก็เป็นสิ่งที่ดี จริงๆ การรับน้องเป็นสิ่งที่ดีมาก เวลาที่เราไปเรียนจะได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่มากขึ้น แต่อย่างที่บอกว่าตอนนี้มันรุนแรงเกินไปแล้วครับ ฟลุคก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าจะทำไปทำไม แทนที่จะแสดงความรักกับน้องมากกว่า แล้วที่ให้รุ่นน้องกินเหล้าสูบบุหรี่ฟลุคว่าเป็นสิ่งที่แย่มากครับ เพราะเด็กที่ไม่เคยดื่มเหล้า แล้วรุ่นพี่พาไปเที่ยวโน่นนี่ ฟลุคเชื่อว่าเค้าเป็นเพราะสังคมเค้าเป็นแบบนั้น และการที่ปลูกฝังแบบนั้นเค้าก็จะเป็นอย่างนั้นไปเลย ส่วนกิจกรรมรับน้องที่สร้างสรรค์ ฟลุคว่าการผูกข้อไม้ข้อมือก็ดี ถ้าจะไปทำบุญร่วมกันก็ดี เช่น อาจจะไปรับน้องที่พัทยา ผ่านวัดไหนบ้างก็แวะทำบุญร่วมกัน อยากให้มีสิ่งที่สร้างสรรค์บ้างอย่างการไปทำบุญร่วมกันก็ดีครับ"
ส่วนหนุ่มผมเดดร็อก ดิว-พงศธร สุภิญโญ อยากเห็นน้องๆ เสนอไอเดียสร้างสรรค์ให้รุ่นพี่ได้เห็น "ผมไม่ชอบการรับน้องที่รุนแรง และอยากให้รับน้องที่เน้นความคิดสร้างสรรค์มากกว่า เช่น หาอะไรให้รุ่นน้องทำฮาๆ มาโชว์รุ่นพี่ เสนอไอเดียความคิดที่ครีเอท ไม่ควรจะไปทดลองเรื่องห่ามๆ เอาไฟเผา กินโน่นกินนี่ ผมว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายและก็สุขภาพจิต เพราะโดนบังคับด้วย ส่วนรูปแบบรับน้องที่อยากเห็นผมว่าพาไปเข้าค่ายสักค่ายหนึ่ง เช่น พวกค่ายสร้างโรงเรียนให้เด็ก เป็นการบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อสร้างสรรค์สัมพันธไมตรีกันดีกว่าครับ"
มาที่สาวหวาน แกรนด์-พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า กันบ้าง สาวคนนี้อยากให้เหล่าเฟรชชี่ได้ฟังพระเทศน์ "สำหรับแกรนด์เองก็เคยเห็นการรับน้องบางครั้งก็รู้สึกดี บางครั้งก็รู้สึกว่าแรงไป เราก็กลัวเหมือนกันค่ะ อย่างแกรนด์เองก็เป็นเฟรชชี่ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เร็วๆ นี้ก็ต้องไปรับน้องค่ะ ก็ค่อนข้างกลัวเหมือนกัน แต่พอมีกระแสข่าวออกมาก็คิดว่าการรับน้องก็ลดความรุนแรง ส่วนการรับน้องแบบสร้างสรรค์ อยากให้พระมาเทศน์ แบบว่ามาฟังธรรมกันดีกว่าค่ะพี่น้อง (หัวเราะ) คือแกรนด์คิดว่า วัยรุ่นเดี๋ยวนี้ไม่มีโอกาสฟังธรรมฟังเทศน์เท่าไหร่ ดีกว่าเราไปเล่นอะไรที่มีความรุนแรง แล้วตรงนี้ทำให้ได้ทำอะไรที่ดีต่อตัวเราทั้งภายนอกและภายในด้วย"
ปิดท้ายที่รุ่นพี่เดอะสตาร์ รุจ-ศุภรุจ เตชะตานนท์ รายนี้อยากให้ส่งเสริมการร้องเพลงเชียร์ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของน้องๆ "จริงๆแล้วก็เป็นคนนึงที่เคยมีประสบการณ์การรับน้องมาก่อน และคณะที่ผมเคยอยู่ค่อนข้างมีความโหดประมาณนึง แต่ว่าหลายๆครั้งที่เรามองการรับน้องที่รุนแรงมากจนเกินไป อย่างต่างจังหวัดจะมีการรับน้องที่รุนแรงกว่าในเมือง เพราะว่าส่วนนึงรุ่นพี่อาจจะมีมุมบางอย่าง เช่น บางคนรู้สึกว่าปีที่แล้วโดนหนัก ปีนี้ก็ต้องเอาให้หนักกว่าก็มีบางคนรู้สึกการที่ทำให้รุ่นน้องเราเชื่อได้ต้องหนัก แล้วแต่มุมมอง ซึ่งผมว่าสิ่งพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ครับ แต่ว่าก็อยากจะแนะนำน้องๆที่อยู่ในวัยรับน้องว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้มีเพื่อนมากขึ้น ได้รู้จักรุ่นพี่มากขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี แต่มันต้องอยู่ในเกณฑ์ อยู่ในความเหมาะสมด้วย เพราะฉะนั้นต้องมีมาตรการบางอย่าง ซึ่งจริงๆ แล้วผมว่าสิ่งเหล่านี้มันน่าจะเกิดขึ้นในจิตสำนึกของเด็กเอง รุ่นพี่ ผู้ปกครอง หรือผู้ใหญ่ที่สอดส่องด้วย คือการรับน้องเนี่ย อาจารย์ก็เข้ามาดูประมาณนึงแล้วปล่อย ซึ่งจริงๆมันก็ได้ แต่มันต้องอยู่ในขอบเขตด้วยมากกว่า ส่วนรูปแบบการรับน้องที่ดีจริงๆ แล้วผมว่าการเคร่งครัดในการเชียร์เป็นสิ่งที่ดีนะ มันทำให้เด็กมีอารมณ์ร่วมในความสามัคคีมากขึ้น การซ้อมเชียร์เป็นสิ่งที่ดีแล้ว การที่เรามาซ้อมร้องเพลงให้เกิดความพร้อมเพรียงกันมันเป็นสิ่งที่ดีนะ ดีกว่าไปทำกิจกรรมแหวกๆ แนวๆ อย่างที่หลายๆ สถาบันเป็นอยู่ ซึ่งผมว่ามันไร้สาระมาก และหลายครั้งที่คนมองภาพว่า การรับน้องเป็นการแกล้งน้องมากกว่า อยากให้มองเป็นลักษณะการทำให้น้องรู้ว่าการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย การที่เราต้องมีเพื่อน มีสังคมเป็นยังไงมากกว่า"
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
