ครม.ไฟเขียวกม.จัดระเบียบร้านเกม-โรงหนังแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ)
ครม. ไฟเขียว กม. จัดระเบียบร้านเกม - โรงหนังแล้ว รมว.วธ. เผยเป็นกฎกระทรวง 3 ฉบับ จัดการร้านเกมเถื่อน
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้ผ่านความเห็นชอบกฎกระทรวง ที่ออกตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551 จำนวน 3 ฉบับ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงดังกล่าว โดยได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญบางประการ และแก้ไขชื่อร่างทั้ง 3 ฉบับ เปลี่ยนเป็น "ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่าย ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ." "ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ. " และ "ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ พ.ศ. " ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนดังกล่าว เป็นการทำให้กฎหมายมีความรัดกุมมากขึ้น ไม่ได้กระทบเนื้อหาหลักของกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งตนจะลงนามในกฎกระทรวงทั้ง 3 ฉบับ และจะประกาศใช้โดยเร็วที่สุด
รมว.วธ. กล่าวต่อไปว่า ในส่วนกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่าย ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ จะช่วยแก้ปัญหาร้านเกมเถื่อน ประมาณ 100,000 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้มีร้านเกมมาขอขึ้นทะเบียนขอรับใบอนุญาตไว้แล้ว 59,000 แห่ง สามารถรับใบอนุญาตได้ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และสำนักภาพยนตร์และวีดีทัศน์ ขณะที่ร้านเกมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนขอรับใบอนุญาตที่ถูกต้องอีกประมาณกว่า 40,000 แห่งนั้น ตนจะสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตรวจสอบ หากมีการประกาศใช้กฎหมายแล้ว ยังพบผู้กระทำผิดตามกฎหมายให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด
"ด้วยความที่กฎกระทรวงมีความล่าช้า และเรื่องการแก้ปัญหาร้านเกมได้มีการประชาพิจารณ์อย่างกว้างขวาง เชื่อว่าน่าจะเป็นที่ทราบกันดีแล้ว ดังนั้น การดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต้องมีความเข้มข้น หากผู้ว่าฯ พบร้านเกมเถื่อนก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด ในขณะเดียวกัน ต้องให้คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ประจำจังหวัด ไล่ตรวจสอบร้านเกมในพื้นที่ให้ทำการจดทะเบียนให้ถูกต้อง" นายธีระ กล่าว
รมว.วธ. กล่าวด้วยว่า สำหรับกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และ วีดีทัศน์ จะทำให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมเป็นระบบมากขึ้น อีกทั้งสามารถสร้างรายได้ให้กับภาครัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งรายได้ดังกล่าว จะถูกจัดเก็บโดยกระทรวงการคลัง แต่ตนจะขอรายได้ในการจดทะเบียนจำนวน 2% เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
นายธีระ กล่าวต่อไปว่า สำหรับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ ในการกำหนดประเภทภาพยนตร์ พ.ศ. และ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบกิจการร้านวีดีทัศน์ พ.ศ. ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากกฤษฎีกา ซึ่งจะมีการนำเสนอมายังตน ก่อนจะส่งเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในโอกาสต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
