พรุ่งนี้ ปิดซ่อมสะพาน แยกรัชโยธิน รอสัญญาณไฟที่แยก นานเป็นชั่วโมง (เดลินิวส์)
พรุ่งนี้จะเป็นวันดีเดย์ปิดซ่อมสะพานข้ามแยกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เริ่มต้นที่สะพานข้ามแยกรัชโยธิน ซึ่งถือเป็นจุดวิกฤติการจราจรจุดหนึ่ง ที่แม้จะไม่มีการปิดการจราจรใดๆ แต่ก็มีปัญหาจราจรติดขัดในอันดับต้นๆ จนหลายๆ คนเอือมระอา
การปิดซ่อมสะพานข้ามแยกรัชโยธินครั้งนี้ จะเป็นการซ่อมแซมชั่วคราว เนื่องจากตัวสะพานอยู่ในแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ ที่จะต้องทุบสะพานทิ้งเมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำให้ใช้เวลาปิดซ่อม เพียง 30 วัน เริ่มปิดซ่อมฝั่งขาเข้าจากรัชวิภาไปลาดพร้าวก่อนเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.ย. หลังจากนั้นจะย้ายไปปิดซ่อมฝั่งขาออกจากลาดพร้าวไปรัชวิภาอีก 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-30 ก.ย. งานซ่อมประกอบด้วย งานปรับปรุงพื้นผิวจราจรบนสะพาน ปรับปรุงรอยต่อสะพาน ปรับปรุงยางรองคานสะพาน ปรับปรุงทาสีโครงสร้างเหล็ก ปรับปรุงโครงสร้างเชิงลาดสะพาน ปรับปรุงราวสะพาน และงานอื่นๆ เช่น ไฟฟ้า ระบายน้ำ และรั้วตาข่าย ฯลฯ
กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) วางแผนจัดการจราจรช่วงปิดซ่อมสะพาน โดยจะเปิดสะพานฝั่งที่ไม่ปิดการจราจรให้วิ่งสวนทางกันได้ระหว่างเวลา 05.30-24.00 น. ส่วนนอกช่วงเวลา จะให้วิ่งบนสะพานตามทิศทางการจราจร หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงตามปริมาณการจราจรในขณะนั้น ๆ และห้ามไม่ให้รถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปขึ้นใช้สะพาน สำหรับพื้นราบบนถนนรัชดาภิเษกสามารถวิ่งตรงที่ทางแยกได้ทั้ง 2 ทิศทาง นอกจากนี้ยังได้แนะนำเส้นทางเลี่ยง เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางเป็นการลดปริมาณรถเข้าพื้นที่ก่อสร้าง โดยผู้ที่ใช้ถนนรัชดาภิเษกต้องการมุ่งหน้าพระราม 7 ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกรัชดา- ลาดพร้าว เข้าปากทางลาดพร้าว ไปขึ้นสะพานต่างระดับรัชวิภาไปสะพานพระราม 7 ได้ ในทิศทางกลับกันจากพระราม 7 ใช้ต่างระดับรัชวิภาให้ลงที่ถนนวิภาวดี แล้วเข้าถนนลาดพร้าว ที่ปากทางลาดพร้าว
รวมทั้งยังมีเส้นทางลัดในซอยใกล้เคียง 7 เส้นทาง
1. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 30 ทะลุ ซอยรัชดาภิเษก 30,32,36 และ ซอยลาดพร้าว 23,35,41
2. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 35 ทะลุ ซอยวิภาวดี 35,42,44 และ ซอยรัชดาภิเษก 46/1,48
3. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 33 ทะลุ ซอยรัชดาภิเษก 46
4. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 23 ทะลุ ซอยวิภาวดี 32
5. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 21 ทะลุ ซอยวิภาวดี 30
6. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 19 ทะลุ ซอยวิภาวดี 28
7. เริ่มจาก ซอยพหลโยธิน 24 ทะลุ ซอยลาดพร้าว 1,15 และ ถนนรัชดาภิเษก
โดยสามารถวิ่งลัดไปใช้เส้นทางในถนนสายหลักอื่นๆ ได้ เช่น ถนนงามวงศ์วาน ถนนเกษตรนวมินทร์ ถนนวิภาวดี ถนนลาดพร้าว ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ถนนพหลโยธิน ถนนกำแพงเพชร 2
แม้จะมีการเตรียมพร้อมรับมือแก้ปัญหาจราจรอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อมูลเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทาง แต่ก็คงไม่สามารถลดปัญหาจราจรให้เบาบางลงได้ เพราะสภาพการจราจรที่แยกรัชโยธินปัจจุบันมีปัญหารถติดขัดมาก โดยมีรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และจากสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) พบว่า บริเวณดังกล่าวมีปริมาณรถวิ่งผ่านในช่วงเวลากลางวันโดยเฉลี่ยมากถึง 170,000 คัน โดยในด้านถนนพหลโยธินช่วงเร่งด่วนเช้ามีปริมาณรถมากถึง 2,654 คัน/ชั่วโมง ช่วงเร่งด่วนเย็น 2,572 คัน/ชั่วโมง นอกช่วงเวลาเร่งด่วน 2,578 คัน/ชั่วโมง ส่วนด้านถนนรัชดาภิเษกช่วงเร่งด่วนเช้ามีปริมาณรถสูงถึง 4,988 คัน/ชั่วโมง ช่วงเร่งด่วนเย็น 4,864 คัน/ชั่วโมง นอกเวลาเร่งด่วน 4,620 คัน/ชั่วโมง ขณะที่ความเร็วเฉลี่ยของรถบนถนนพหลโยธินที่วิ่งผ่านแยกรัชโยธิน ช่วงเร่งด่วนเช้าจากแยกเกษตรมุ่งหน้าแยกรัชโยธินอยู่ที่ 40 กม./ชั่วโมง ช่วงเร่งด่วนเย็นอยู่ที่ 8.5 กม./ชั่วโมง ในช่องทางกลับกันจากปากทางลาดพร้าวมุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ช่วงเร่งด่วนเช้ามีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 21 กม./ชั่วโมง ช่วงเร่งด่วนเย็นอยู่ที่ 17 กม./ชั่วโมง
สำหรับความเร็วเฉลี่ยของรถที่วิ่งบนถนนรัชดาภิเษก จากรัชวิภามุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ช่วงเร่งด่วนเช้าอยู่ที่ 57 กม./ชั่วโมง ช่วงเร่งด่วนเย็นอยู่ที่ 22 กม./ชั่วโมง ช่องทางกลับกันจากแยกรัชดาลาดพร้าว มุ่งหน้าแยกรัชโยธินมีความเร็วรถเฉลี่ยช่วงเร่งด่วนเช้าอยู่ที่ 42 กม./ชั่วโมง ช่วงเร่งด่วนเย็น 28 กม./ชั่วโมง "ซึ่งจะเห็นว่าบนถนนพหลโยธินมีปริมาณรถวิ่งผ่านแยกรัชโยธินน้อยกว่ารถบนถนนรัชดาภิเษก แต่กลับมีความเร็วเฉลี่ยในการเดินทางน้อยกว่าถนนรัชดาภิเษก หมายความว่ารถบนถนนพหลโยธินใช้เวลาผ่านทางแยกนานกว่ารถบนถนนรัชดาภิเษก"
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานจราจร เปิดเผยว่า หลังจากปิดซ่อมสะพานข้ามแยกรัชโยธิน คาดว่าความเร็วเฉลี่ยของรถบนถนนรัชดาภิเษกจะไม่ลดลงจากเดิมมาก เนื่องจากรถทางตรงยังสามารถผ่านทางแยกโดยใช้สะพานสวนทางได้ฝั่งละ 1 ช่องจราจร และยังสามารถใช้พื้นราบวิ่งตรงผ่านทางแยกได้อีก แต่รถที่ใช้ถนนพหลโยธินจะได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะต้องใช้เวลารอสัญญาณไฟที่ทางแยกเพิ่มอีก 1 จังหวะ ให้รถในถนนรัชดาภิเษกวิ่งตรงผ่านทางแยก ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ารถบนถนนพหลโยธินต้องใช้เวลารอผ่านทางแยกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-10 นาที เมื่อรวมกับเวลาปัจจุบันที่ใช้วิ่งผ่านทางแยกในช่วงเร่งด่วนที่ต้องรอนานถึง 30-45 นาที รวมแล้วเกือบ 1 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กดสัญญาณไฟ ไม่ให้ปล่อยวงรอบสัญญาณไฟแต่ละรอบนานเกิน 4 นาที เพื่อให้รถแต่ละด้านสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับ สน.ท้องที่โดยรอบพื้นที่ก่อสร้าง 5 สน. ได้แก่ สน.บางเขน สน.วิภาวดี สน.บางซื่อ สน.ประชาชื่น และ สน.ดินแดง เพิ่มเติมจาก สน.พหลโยธินที่ดูแลพื้นที่โดยตรง ให้ประสานข้อมูลด้านการจราจรกันอย่างใกล้ชิดไม่ให้เกิดผลกระทบจราจรเป็นวงกว้าง เนื่องจากช่วงปิดซ่อมสะพานจะต้องมีรถส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงเส้นทางไปยังพื้นที่รอบๆ ซึ่งทุกท้องที่ต้องมีความพร้อมจัดการจราจรให้รองรับกับปริมาณรถที่อาจเพิ่มขึ้น และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด
"ส่วนการเลือกใช้เส้นทางเลี่ยง เส้นทางลัดในซอยลัดต่างๆ จะเหมาะสมกับผู้ที่คุ้นเคยเส้นทางเท่านั้น ซึ่งหากเป็นผู้ใช้เส้นทางขาจร ขอแนะนำให้เดินทางบนถนนสายหลัก เพื่อป้องกันปัญหาหลงทางซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการเดินทางมากขึ้นไปอีก อีกทั้งซอยลัดบางซอยมีเส้นทางแคบ หากพลัดหลงเข้าไปอาจยิ่งสร้างปัญหาการจราจรให้ขยายวงกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตามประชาชนควรเผื่อเวลาออกเดินทางให้เร็วขึ้น และระมัดระวังการขับขี่ผ่านบริเวณที่มีงานก่อสร้าง ทั้งนี้หากมีข้อซักถามสามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 1555 และ 1197"
คิดจะอยู่ในเมืองกรุง ก็ต้องทำใจอย่างหนักกับปัญหารถติดที่ จะต้องประสบพบเจอ เพราะการพัฒนาเมืองย่อมต้องมีการ "ซ่อม" "สร้าง" สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการเดินทางให้เกิดขึ้นอย่างพอเพียง ซึ่งแน่นอนว่าช่วงระหว่างการก่อสร้างย่อมส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์
