โครงการไทยเข้มแข็ง
ห่วง ไทยเข้มแข็ง เหมือนรูดบัตรเครดิต ลุ้นอีก 5 ปี จ่ายเงินคืนทัน (มติชนออนไลน์)
เอกชนห่วงงบโครงการ "ไทยเข้มแข็ง" เหมือนรูดบัตรเครดิต ลุ้นอีก5ปีจ่ายเงินคืนทัน แนะรัฐจัดงบให้สมดุลถึงใช้หนี้ได้ จี้ตัดสินใจเลือกทางอุตสาหกรรมภาคผลิตหรือภาคบริการ
กรมส่งเสริมการส่งออกจัดงานประเทศไทยสดใส ผู้ประกอบการไทยช่วยชาติ โดยนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวบรรยายเรื่องปี 2553 ภาวะเศรษฐกิจไทย ใครร่วง ใครรอดว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้รัฐบาลทุกประเทศใช้นโยบายการเงินและการคลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยนโยบายการเงินใช้การลดดอกเบี้ย ส่วนนโยบายการคลังใช้การกู้เงิน ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นผลขึ้น โดยไทยมีโครงการไทยเข้มแข็ง นำเงินลงสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
"งบฯ ไทยเข้มแข็งที่รัฐบาลจะเริ่มใช้ เหมือนกับประเทศไทยกำลังรูดบัตรเครดิต ซึ่งหลังจากนี้อีกประมาณ 5 ปี อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะมีปัญหาการจ่ายเงินคืนหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลต้องทำหลังหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ คือการจัดสรรงบของประเทศให้มีความสมดุลให้สามารถใช้หนี้คืนได้" นายศุภวุฒิ กล่าว
นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรีบตัดสินใจว่าจะดำเนินธุรกิจหลักของประเทศในรูปแบบใดระหว่างการเป็นประเทศอุตสาหกรรมภาคผลิตกับอุตสาหกรรมภาคบริการ ถ้าเลือกอุตสาหกรรมการผลิตจะมีปัญหา เช่น กรณีฟ้องร้องในพื้นที่มาบตาพุด ที่ทำให้การลงทุนใหม่ชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีโครงการเหล็กต้นน้ำที่ไทยอยู่ระหว่างศึกษา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนักที่จะส่งผลเสียด้านสิ่งแวดล้อม และอาจเกิดการฟ้องร้องกันอีก โดยไทยพยายามผลักดันเรื่องนี้ เพราะส่วนหนึ่งต้องการตอบสนองการลงทุนจากต่างชาติ แต่ต้องดูว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ขณะที่อุตสาหกรรมภาคบริการ เช่น ลองสเตย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีโอกาสมากกว่า เพราะมีความชำนาญ ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ แต่ติดปัญหาที่การถือครองกรรมสิทธิ์และที่อยู่อาศัยของต่างชาติ ซึ่งคนไทยสามารถควบคุมได้ คือ ออกกฎหมายมารองรับ เพราะปัจจุบันมีต่างชาติหลายรายใช้นอมินีในการถือกรรมสิทธิ์อยู่แล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
