ปชป.เตือน คมช.ระวังปฏิวัติซ้อน
ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ มีกระแสข่าวอาจนำไปสู่การปฏิวัติอีกครั้งว่า เรื่องนี้รัฐบาลและ คมช.ต้องระมัดระวังที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะต้องยอมรับมีทหารบางกลุ่มไม่พอใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกโยกย้ายหลังการปฏิวัติ เนื่องจากสูญเสียอำนาจในการคุมกองกำลัง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะปฏิวัติซ้อนขึ้น เพื่อเอาอำนาจกลับคืนมา เมื่อถามว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะมีส่วนด้วยหรือไม่ ที่จะสนับสนุนในการปฏิวัติ นายองอาจตอบว่า ที่ผ่านมา กลุ่มอำนาจเก่ากับทหารบางกลุ่มที่ไม่พอใจก็ปรากฏให้ เห็นว่ามีการสนับสนุนซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ความน่าจะเป็นระหว่างทหารบางกลุ่มและกลุ่มอำนาจเก่าร่วมมือกันปฏิวัติซ้อน กับนายทหารใน คมช.ปฏิวัติกันเอง นายองอาจตอบว่า การปฏิวัติซ้อนไม่น่าจะเกิดจากภายใน คมช. เพราะไม่มีสัญญาณใดๆว่านายทหารใน คมช.มีปัญหากันอย่างรุนแรง
เร่งแจงประชาชนและปราบโกง
นายองอาจกล่าวว่า ส่วนมาตรการป้องกันการปฏิวัติซ้อนนั้น มี 2 แนว คือ 1. ไม่ให้ทหารบางกลุ่มเคลื่อนไหวจนสามารถนำกำลังไปปฏิวัติซ้อนได้ 2. รัฐบาล และ คมช. ต้องเร่งสร้างผลงานให้ประชาชนเกิดความยอมรับในการดำเนินการยึดอำนาจว่า มีเหตุผลเพียงพอ และจะต้องสร้างความเข้าใจถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณ พร้อมกับทำให้เห็นว่า 4 ข้ออ้างในการยึดอำนาจมีจริง เช่น การตรวจสอบการทุจริตของนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยส่วนใหญ่การปฏิวัติซ้อนมักจะไม่สำเร็จ เพราะหลายปัจจัยด้วยกัน โดยเฉพาะปัจจัยที่ประชาชนไม่เอาด้วย และในปัจจุบันก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศชาติในด้านต่างๆอย่างรุนแรง
แนะให้จับตาบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
นายองอาจกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีรัฐบาลได้ตั้งนายทหารเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า ไม่เหมาะสมว่า เรื่องนี้รัฐบาล และ คมช.อ้างว่านายทหารเหล่านี้มีความรู้ความสามารถจะเข้าดูแลด้านความมั่นคงและป้องกันการทุจริต แม้มีเจตนาดีแต่เป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ และการปฏิวัติที่ผ่านๆมา นายทหารเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจแล้วได้ไปแสวงหาผลประโยชน์ ทุจริตกัน และแสวงหาอำนาจ ไม่ได้เข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ดังนั้น คมช.และรัฐบาลต้องระมัดระวังความรู้สึก ของประชาชนด้วย และบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่มาจากนายทหารจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเหมือนในอดีต
บี้ยกเลิกประกาศ คปค.15, 27
นายองอาจกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ได้ยกเลิกประกาศคปค.ฉบับที่ 5 ห้ามชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไปนั้น ขอให้รัฐบาลและ คมช.พิจารณายกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และฉบับที่ 27 ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ส่วนกรณีมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ประกาศ คปค.หลายฉบับขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 3 ที่กำหนดให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนนั้น เรื่องนี้มีนักวิชาการศึกษาอยู่ ส่วนจะมีการยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ต้องดูแนวการปฏิบัติของรัฐบาลก่อนว่าไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ส่วนกรณีมีการเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น เรื่องนี้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในสายตาต่างประเทศ หากยกเลิกกฎอัยการศึกจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ส่วนจะยกเลิกทั้งหมดหรือคงไว้เฉพาะบางพื้นที่นั้น ขึ้นอยู่ที่เหตุผลของรัฐบาลจะชี้แจงต่อสาธารณะให้รับทราบและเข้าใจ
หนุน-ต้าน
