สุวิทย์ บุญไพโรจน์
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ, คมชัดลึก
วันนี้ (2 ต.ค.) นางสมใจ(นามสมมติ) ภรรยาของนาย สุวิทย์ บุญไพโรจน์ อายุ 24 ปี มือฆ่าข่มขืนพนักงานโรงแรมเสียชีวิตคาป่าหลังป้ายรถเมล์ ตรงข้ามวัดศรีบุญเรือง ย่านถนนรามคำแหง เดินทางมาขอเยี่ยมสามีที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก พร้อมด้วยลูกชายวัย 3 ขวบ และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ทราบเรื่องจากข่าวและไม่คาดคิดมาก่อนว่าสามีจะทำเรื่องแบบนี้ได้
"ดิฉันถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาบอกว่าเขาเมามาก ไปดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ มา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสามีไม่เคยกินเหล้าเมายา และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ดื่มเหล้า ก่อนเกิดเหตุเขาพยายามโทรติดต่อหาดิฉันแต่โทรศัพท์เปียกน้ำ จึงอยากจะขอเหรียญผู้ตายมาโทรศัพท์หาดิฉัน แต่ผู้ตายไม่ยอมให้ บวกกับความเมาจึงพูดจาข่มขู่ผู้ตาย ก่อนจะพลั้งมือฆ่าจนเสียชีวิตในที่สุด"
นางสมใจ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ตนให้อภัยแฟนทุกอย่าง เนื่องจากทำไปเพราะความเมา ทั้งที่จริงแล้วแฟนเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะตบตีตน อีกทั้งทำงานหาเลี้ยงครอบครัวสร้างอนาคต เมื่อทางบ้านของตนทราบว่าสามีไปก่อเหตุแบบนี้ จึงต้องการจะให้ตนพาลูกไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดแต่ตนคงไม่กลับไป เพราะอยากจะอยู่ใกล้ ๆ สามี ถึงแม้สามีจะติดคุกก็จะไปเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง รู้สึกสงสารสามีมาก หากย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
"เขาบอกดิฉันว่าให้ดิฉันไปทำบุญให้คนตายด้วย เขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด และฝากขออโหสิกรรมญาติผู้ตาย สำหรับสิ่งที่สามีทำลงไปทั้งหมดรู้ดีว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าสังคมจะให้อภัย แต่ด้วยความที่ดิฉันเป็นภรรยา จึงไม่สามารถที่จะตัดเขาออกจากชีวิตได้" นางสมใจ (นามสมมุติ) กล่าว
ขณะเดียวกัน นายบุญภพ วิงวอน อายุ 50 ปี และนางแสงดาว วิงวอน อายุ 48 ปี บิดา และมารดา ของผู้ตายพร้อมด้วยเพื่อนร่วมงานและญาติ ได้เดินทางมารับศพที่สถาบันนิติเวช เวลา 13.00 น. บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เบื้องต้นผลการผ่าพิสูจน์ศพ ระบุผู้ตายเสียชีวิตโดยการขาดอากาศหายใจ ถูกบีบคอ และสำลักน้ำ
"อยากให้ลูกสาวเป็นรายสุดท้าย ตนเองไม่สามารถอโหสิกรรม ให้คนร้ายได้เพราะลูกสาวไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับคนร้ายแต่มาทำแบบนี้กับลูก ทำใจไม่ได้ อยากบอกคนร้ายว่าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเขาคนที่เขารัก เขาจะรู้สึกอย่างไร ก่อนหน้านี้ตนเองกับลูกจะคุยกันเรื่องการแต่งงานของลูกกับแฟนหนุ่มในสัปดาห์นี้ แต่มาเกิดเรื่องร้ายเสียก่อน" นางแสงดาว กล่าว
สำหรับเหตุการณ์คนร้ายฆ่าข่มขืนพนักงานโรงแรมคนนี้ เกิดขึ้นประมาณช่วงเช้ามืดของเมื่อวาน (1 ต.ค.) โดยเวลา 09.00 น. ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้หญิงถูกทำร้ายเสียชีวิต บริเวณหลังป้ายรถเมล์ใกล้กับซอยรามคำแหง 64 ตรงข้ามวัดศรีบุญเรือง ซึ่งเป็นป่ากระถินเปลี่ยว เจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี พนักงานต้อนรับโรงแรมเดวิส ย่านสุขุมวิท สภาพศพเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ไว้ผมยาว สวมเสื้อยืดสีขาว ท่อนล่างเปลือย
ต่อมามีชาวบ้านแจ้งว่า พบผู้ต้องสงสัยวิ่งเข้าไปภายในซอยรามคำแหง 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงระดมกำลังทั้งสายสืบและสายตรวจ พร้อมด้วยชาวบ้านในละแวกนั้น เข้าปิดล้อมโดยรอบที่เกิดเหตุ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้ ทราบชื่อ นายสุวิทย์ บุญไพโรจน์ อายุ 24 ปี พนักงานส่งสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง จึงได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
โดย นายสุวิทย์ รับสารภาพว่า ลงมือบีบคอฆ่าผู้ตายจริง แต่ไม่ได้ข่มขืน ก่อนก่อเหตุตนเดินมาที่ป้ายรถเมล์ช่วง 05.00 - 06.00 น. เห็นผู้ตายนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพียงลำพัง ด้วยความเมา จึงเข้าไปขอเงินผู้ตายเพื่อไปหาแฟนที่รัชดาฯ แต่ผู้ตายไม่ให้ จึงตะคอกใส่ว่าจะให้ดี ๆ หรือจะให้ใช้กำลัง ตอนนั้นผู้ตายพยายามต่อสู้ขัดขืน ตนจึงผลักผู้ตายล้มแล้วลากเข้าไปในป่าหลังป้ายรถเมล์ หลังจากนั้นก็ต่อยเข้าที่ใบหน้า และบีบคอ แต่ผู้ตายยังดิ้นพยายามต่อสู้ ตนจึงบีบคออย่างแรงจนผู้ตายแน่นิ่ง แล้วล้วงเอาเงินของผู้ตาย 120 บาท
"ไม่อยากให้คนรู้ว่าฆ่าผู้ตายเพราะชิงเงินเพียง 120 บาท จึงตัดสินใจถอดกางเกงผู้ตายออกแล้วใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศทำให้เหมือนข่มขืน แต่ตอนนั้นข่มขืนไม่ได้เพราะอวัยวะเพศไม่แข็ง หลังก่อเหตุพบว่ามีคนมาเห็น จึงรีบไปที่ห้องพักด้านหลังโฮมโปร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะหลบหนี หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มาเดินวนเวียนใกล้ที่ก่อเหตุ แต่มีคนจำหน้าได้จนถูกล้อมจับกุมในที่สุด" นายสุวิทย์ กล่าว
เบื้องต้นแจ้งข้อหาต่อนายสุวิทย์ 3 ข้อหา คือ ชิงทรัพย์ผู้อื่น ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน ทั้งนี้ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากแพทย์ว่ามีคราบอสุจิ หรือร่องรอยการถูกข่มขืนหรือไม่ หากมีจะแจ้งข้อหาข่มขืนเพิ่มเติม
ขณะที่ นายสุทัศน์ อายุ 31 ปี แฟนของผู้ตาย ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนกับผู้ตายทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่โรงแรมแห่งเดียวกัน พักอยู่ที่อพาร์ตเม้นต์ตรงข้ามที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นศพแฟนถึงกับเข่าอ่อนทำอะไรไม่ถูก และวันนี้นัดกันว่าจะพาแฟนไปพบพ่อกับแม่ตนที่ย่านดอนเมือง มีโครงการหมั้นหมาย และแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ แต่มาเกิดเหตุร้ายเสียก่อน ตนเสียใจมากที่ปล่อยให้แฟนมาขึ้นรถเมล์เพียงลำพังตอนเช้ามืดจนเกิดเหตุร้ายขึ้น
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า รู้สึกใจไม่ดี กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับแฟน จึงเดินออกมาตามหา เมื่อข้ามสะพานลอยมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นรองเท้าแฟนตกหล่นอยู่ที่ป้ายรถประจำทาง เมื่อมองเข้าไปในป่ากระถินห่างจากป้ายรถเมล์ประมาณ 5 เมตร ยิ่งตกใจเพราะเห็นร่มของแฟนตกอยู่ในป่า เชื่อว่าต้องเกิดเหตุร้ายกับแฟนแน่นอน จึงตะโกนเรียกให้คนที่อยู่ในละแวกนั้นช่วยกันตามหาแฟน จากนั้นตนรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เมื่อย้อนกลับมาก็พบชาวบ้านช่วยกันนำศพแฟนออกมาไว้ที่ป้ายรถประจำทางแล้ว
ขณะที่ นายบุญนำ พลสวัสดิ์ อายุ 63 ปี อาชีพเก็บของเก่าขาย ให้การว่า เวลาประมาณ 06.00 น. ขณะที่ตนเดินหาของเก่าบริเวณป่ากระถิน ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังมาก มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จึงเดินตามเสียงไปเพื่อช่วยเหลือแต่ไม่พบใคร จนกระทั่งเดินออกมาที่ป้ายรถประจำทาง ก็พบพลเมืองดีกำลังนำศพผู้ตายออกมาที่ป้ายรถประจำทาง โดยใช้เสื้อแขนยาวปิดคลุมร่างกาย ขณะนั้นสังเกตเห็นคนร้ายรูปร่างสันทัด ผิวดำ สวมกางเกงขาสั้น ขาขาดรุ่งริ่งเดินออกมาจากป่า ตนจึงตะโกนร้องให้คนช่วยจับ แต่คนร้ายวิ่งกลับเข้าไปหลบอยู่ในป่า
นายสมชาย สืบเทศ พยานที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ได้ยินแฟนของผู้ตายร้องตะโกนให้ช่วยตามหา ตนจึงถือจอบเพื่อเป็นอาวุธในการตามหาคนร้าย เมื่อตนเดินตามร่องรอยเข้าไปในป่าเกือบ 20 เมตร ก็พบคนร้ายกำลังลงมือทำร้ายผู้ตายอยู่ สังเกตเห็นศีรษะผู้ตายจมอยู่ในบ่อน้ำ จึงตะโกนบอกให้หยุด คนร้ายทำท่ายึกยักแล้ววิ่งหนีไป ตนจึงรีบไปดูผู้ตายก็พบว่าตั้งแต่ศีรษะถึงลำตัวอยู่ในน้ำ ท่อนล่างเปลือย จึงอุ้มออกมาที่ป้ายรถประจำทาง ตอนแรกคิดว่ายังไม่เสียชีวิต แต่ปรากฏว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว