โฆษก ปชป. เรียกร้องทุกฝ่าย ยุติเพิ่มชนวนขัดแย้ง (ไทยรัฐ)
วันนี้(3 ต.ค.) นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปฏิรูปทางการเมืองว่า จากกรณีที่วิป 3 ฝ่ายเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการสร้างความสมานฉันท์ ทั้งนี้พรรคขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันให้โอกาสประเทศชาติโดยร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ ทุกภาคส่วนร่วมรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกันนี้ทุกฝ่ายต้องยุติการกระทำที่อาจก่อให้เพิ่มชนวนเหตุความขัดแย้งเพิ่มเติมให้กับสังคม
นอกจากนี้ นายแพทย์บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยรับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนากยรัฐมนตรี เข้าเป็นสมาชิกใหม่ว่า สังคมคาดหวังในคำพูดของ พล.อ.ชวลิต 2 เรื่อง คือ 1.หวังว่า พล.อ.ชวลิต จะมีบทบาทในการช่วยรักษาและปกป้องสถาบันองคมนตรีไม่ให้ถูกดึงสู่ความขัดแย้งทางการเมือง 2.หวังว่าจะมีบทบาทในการช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง หยุดการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตาต่างชาติ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า พรรคขอปฏิเสธที่ พล.อ.ชวลิต ระบุคนใกล้ชิดของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นคนกล่าวให้ร้ายกลุ่มการเมืองก่อน ซึ่งถือว่าไม่ใช่ ความจริงเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลแรกที่พูดชื่อประธานองคมนตรีโดยตรง ส่วนกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยระบุ อยากเห็นการจับขั้วใหม่ และอยากเป็นคนของประชาธิปัตย์ ไปอยู่บนเวทีของพรรคเพื่อไทยนั้นขอชี้แจงว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเชื่อในการเมืองขั้วเดียว การรวมกลุ่มและไม่มีเหตุผลที่จะร่วมกลุ่มจับขั้วใหม่ เพราะไม่ใช่การตอบโจทย์ปัญหาของชาติ
ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุพรรคเพื่อไทยแอบยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรม และอภัยโทษไว้แล้วนั้น นายแพทย์บุรณัชย์ กล่าวว่า ตนอยากย้อนถามว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ พรรคหวังว่า พรรคเพื่อไทยจะอาศัยช่วงนี้สร้างความสมานฉันท์ด้วยการหยุดขับเคลื่อนการเมืองนอกสภา ที่อาจนำสู่ความวุ่นวายในช่วงเดือนตุลาคมนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวปฏิเสธถึงปัญหาความไม่เป็นเอกภาพในพรรค โดยยืนยันว่า พรรคไม่มีปัญหาในเรื่องเอกภาพ สมาชิกพรรค รัฐมนตรีทุกคนยึดถือแนวทางที่รัฐบาลภายในการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรีได้ ให้สัญญากับสภาผู้แทนราษฎร ข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลต่อความขัดแย้งหรือการแบ่งกลุ่มในพรรคแต่อย่างใด รัฐมนตรีทุกคนยังทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการให้ข่าวที่สร้างความสับสน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
