สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เดลินิวส์, ข่าวสด
สืบเนื่องมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2551 ได้เกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกเดี่ยวเข้าปล้นธนาคารออมสิน สาขาย่อยลาดพร้าว ปากซอยลาดพร้าว 1/1 ขณะที่แบงก์กำลังจะปิดทำการ กวาดเงินไปกว่า 2.3 แสนบาท ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการสอบปากคำพยานพบว่า คนร้ายเข้ามาก่อเหตุน่าจะมีการมาดูลาดเลาภายในธนาคารก่อน ก่อนเข้ามาก่อเหตุคนร้ายน่าจะเป็นคนพื้นที่เพราะรู้เส้นทางหลบหนีได้ดี ไม่มีผู้ใดเห็นคนร้ายก่อนที่จะเข้ามาก่อเหตุ ในตอนนั้นเบาะแสเพียงอย่างเดียวที่ตำรวจมี คือภาพสเก็ตซ์คนร้ายสวมหมวกกันน็อคออกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นผู้ที่เข้ามาดูแลคดีในขณะนั้น กล่าวว่าพยานสุภาพสตรี 2 ท่าน เห็นลักษณะคนร้ายทุกประการ การสเก็ตซ์ภาพนี้ถือเป็นการสเก็ตซ์ภาพอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของคนร้าย ไม่ใช่ใบหน้าคนร้าย เนื่องจากคนร้ายปิดบังใบหน้าด้วยการสวมหมวกกันน็อค ซึ่งการสเก็ตซ์ภาพหมวกกันน๊อคเต็มใบแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน แค่เคยมีที่สวมหมวกกันน๊อคแล้วเก็บบางส่วนของใบหน้าเช่น ดวงตา พล.ต.ท.พงศพัศ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับภาพสเก็ตซ์ที่ได้ก็ถือว่ามีประโยชน์ในการสืบสวน เนื่องจากเป็นภาพคนร้ายที่สวมหมวกกันน็อคชนิดที่เคลือบสารปรอทบริเวณหน้ากากซึ่งมีราคาแพง และมีเพียงเจ้าเดียวที่นำเข้าหมวกกันน็อครุ่นนี้จากประเทศแคนาดา และผู้ที่ขายก็ขายไปเพียงไม่กี่ราย ฝ่ายสืบสวนก็จะเริ่มหาคนร้ายจากตรงนั้นได้สืบหาได้ว่ามีการส่งไปขายที่ไหนใครมาซื้อไปบ้าง
ล่าสุด จากการออกอากาศของรายการนาทีฉุกเฉิน ได้นำความคืบหน้าของคดีนี้มาให้ได้รับชมกัน เพื่อเป็นข้อเตือนใจว่าจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณคิดว่าไม่สำคัญ สามารถจุดประกายให้การดำเนินคดีลุล่วงไปได้ ตำรวจสามารถตามแกะรอยคนร้ายได้จากหมวกกันน๊อคใบพิเศษใบนั้น ประกอบกับคนร้ายยังใช้หมวกกันน๊อคใบเดิมอยู่และพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย จนทำให้นำไปสู่การจับกุม แต่คนร้ายได้ยิงต่อสู้ จึงถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด
เห็นไหมคะ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ เราอาจจะมองข้ามไป แต่จริง ๆ แล้ว อาจมีประโยชน์ในที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, 
, pantip.com, pantip.com
