หน.ช่างเครียด ฆ่าตัวพิสดารในรถ (เดลินิวส์)
หนุ่มใหญ่หัวหน้าช่างเชื่อม ฆ่าตัวตายพิสดาร กินยาฆ่าแมลงผสมเครื่องดื่มชูกำลัง นอนในรถติดเครื่อง จนน้ำมันหมดให้ขาดอากาศหายใจ ดับอนาถ เผยพบจดหมายลาตาย ระบุ "จงใจฆ่าตัวตายเอง เพราะเป็นคนเลว ทำผิดกับ ภรรยามามากแล้ว"
หนุ่มใหญ่หัวหน้าช่างเชื่อม ฆ่าตัวตายพิสดาร รายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 23 ต.ค. พ.ต.ต.วีรฤทธิ์ ดิษเจริญ พงส. สภ.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์ บนถนนสายมอเตอร์เวย์ตอน 2 บ้านหนองข่า หมู่ 11 ต.บางพระ อ.ศรีราชา ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.มนตรี รอดปราณี รักษาการ ผกก. พ.ต.ต.ศิริศักดิ์ วงษ์วิวัฒน์ สว.สส. และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา ที่เกิดเหตุพบเป็นรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ สีเทา-ดำ ทะเบียน ษก 7656 กรุงเทพมหานคร จอดสงบนิ่งอยู่โดยประตู ทุกบานถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา เจ้าหน้าที่ต้องตามช่างกุญแจมาเพื่อเปิดประตูรถ ภายในพบศพ นายคลึง แสงอรุณ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/1 หมู่ 1 ต.คลองพริกไทย ต.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เป็นหัวหน้าช่างเชื่อมบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา
ตรวจสอบภายในรถพบจดหมาย เขียนด้วยลายมือผู้ตายถึงภรรยาว่า ตนจงใจฆ่าตัวตายเอง ที่ทำเช่นนี้เป็นเพราะเป็นคนเลว ทำผิดกับภรรยามามากแล้ว ขอฝากดูแลลูก แล้วขอให้ภรรยาตัวเองตั้งใจเรียนให้จบสูง ๆ จะได้ไม่ลำบาก นอกจากนี้ยัง พบว่ากุญแจยังสตาร์ตคาทิ้งไว้จนน้ำมันหมดถังและเครื่องยนต์ดับไปเอง ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ใกล้ศพพบขวดยาฆ่าแมลงยี่ห้อ พลาส 505 และขวดเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนนายประวิทย์ แม้นมาส อายุ 59 ปี ผู้พบศพให้การว่าเห็นรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. แต่ไม่ได้เอะใจ กระทั่งผ่าน มาหลายครั้งก็ยังเห็นจอดอยู่ที่เดิม จึงไปชะโงกมองพบว่ามีคนเสียชีวิตอยู่ในรถจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตาย คงเครียดจากปัญหาในครอบครัวหาทางออกไม่ได้จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยวิธีพิสดาร โดยการซื้อยาฆ่าแมลงมาผสมกับเครื่องดื่มชูกำลังดื่ม พร้อมทั้งปิดกระจกรถสตาร์ตเครื่องทิ้งไว้ จนน้ำมันหมด เครื่องดับจะได้ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้นำศพส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งพร้อมติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ (ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล)
