x close

พสกนิกรปลื้มปีติ ชื่นชมพระบารมี

ถวายพระพร



สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ

           เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 45 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับรักษาพระวรกายที่ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จลงจากที่ประทับทรงลอยพระประทีป ณ ท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์แจ่มใส พระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมทั้งทรงโบกพระหัตถ์ ทรงแย้มพระสรวลให้กับประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จตลอดทั้งสองข้างลาดพระบาท ทำให้พสกนิกรทุกต่างปลื้มปีติที่ได้ชื่นชมพระบารมี
 
           สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ย. ที่ศาลา 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช คณะบุคคลจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน นักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก พสกนิกรทุกหมู่เหล่าทั้งจาก กทม. และต่างจังหวัด โดยส่วนใหญ่พร้อม ใจกันสวมเสื้อผ้าสีชมพูมาลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง

           โดยเวลา 09.00 น. ชมรมผู้สูงอายุจาก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ชมรมผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอาการดีขึ้นมาก และเสด็จฯ ทรงลอยพระประทีปกับพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งทอดพระเนตรบรรยากาศลอยกระทง
 
           นอกจากนี้ คณะครูและนักเรียนชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง จากโรงเรียนบ้านแม่ตะละ ตำบลสันสะหลี อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย คณะนักเรียนจากมูลนิธิสถาบันบ้านแสงสว่าง นำเด็กพิเศษ สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมลงนามถวายพระพร จากนั้น พ.อ.จอห์น แบซแบลน หัวหน้าผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำประเทศไทย นำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำประเทศไทย จำนวน 20 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย แคนาดา สเปน ญี่ปุ่น จีน เยอรมนี เกาหลี ร่วมลงนามถวายพระพร เจ้าหน้าที่และพนักงานการประปานครหลวง นำรายชื่อจำนวน 7,764 รายชื่อ มาร่วมถวายพระพร
 
           ด้านนายทรงเสถียร หรือน้องกัณฑ์ ท้าวทัน อายุ 17 ปี พร้อมด้วย ด.ช.ชุติมัน หรือน้องกี้ ท้าวทัน อายุ 13 ปี ซึ่งทั้งสองป่วยเป็นโรคพันธุกรรมเมทาบอลิค เดินทางมาพร้อมด้วยพ่อแม่ เพื่อร่วมถวายพระพร โดยน้องกัณฑ์ซึ่งนั่งบนรถเข็น กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาร่วมถวายพระพร ขอให้ในหลวงมีพระพลานามัยแข็งแรงและทรงพระเจริญ ขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เพื่อเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยต่อไป
 
           "ในหลวงเปรียบเสมือนพ่อ ประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้าน ประชาชนชาวไทยก็เปรียบเสมือนลูก ถ้าเกิดลูกทะเลาะเบาะแว้ง พ่อหลวงจะมีความสุขได้อย่างไร และถ้าพ่อหลวงรู้ว่า ลูก ๆ ไม่สามัคคีปรองดองกัน พ่อหลวงจะมีความสุขได้อย่างไร ผมอยากให้พ่อหลวงมีความสุขกาย สุขภาพจิตดี ถ้าสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็จะดีตามมาด้วย จึงอยากให้ประชาชนชาวไทยทั้งหลายที่เปรียบเสมือนลูกของพระองค์ รู้รักสามัคคีทำให้พ่อหลวงมีความสุข" น้องกัณฑ์กล่าว

           ขณะที่ ด.ญ.ขวัญนที มิตรประสิทธิ์ อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนประถมทวีธา ภิเษก กล่าวว่า วันนี้มาร่วมลงนามถวายพระพรและนำการ์ดที่วาดเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งเขียนคำอวยพรว่า ขอให้ทรงพระเจริญมาทูลเกล้าฯ ถวาย ตนรู้สึกรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิใจที่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเรา และปกครองพวกเราถึงทุกวันนี้ พระองค์ทรงเสียสละ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาเห็นพระองค์ทรงลอยพระประทีปก็รู้สึกดีใจ ที่ได้เห็นพระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง และอยากให้ในหลวงทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
 
           ด้านนางวรรณรัตน์ รักตระกูลธรรม อายุ 47 ปี ชาวบางพลัด หัวหน้ากลุ่มเสื้อสีชมพู เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระวรกายที่แข็งแรง มีพระพักตร์ที่แจ่มใส และทุกครั้งที่พระองค์ทรงพระประชวรตนรู้สึกไม่สบายใจ และทุกครั้งตนก็จะเดินทางมาเฝ้าพระองค์ ที่ผ่านมาได้เห็นพระพักตร์พระองค์ 30 กว่าครั้ง และทุกครั้งที่เห็นก็รู้สึกมีความสุข โดยตนจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตราสัญลักษณ์ของพระองค์ เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคลของชีวิต
 
           ต่อมาในเวลา 12.12 น. นายกิตติพงษ์ ทวายกาญจน์ หัวหน้าสำนักงานสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย นำผู้พิการ 10 คน มาลงนามถวายพระพร จากนั้นตัวแทนคนตาบอดจากมูลนิธิคอลฟิลด์ เพื่อคนตาบอด ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กลุ่มประชาชนคนพิการจากสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ประกอบไปด้วยคนพิการหูหนวก คนตาบอด ประมาณ 800 คน ได้เดินทางมาลงนามถวายพระพรด้วยเช่นกัน
 
           ขณะที่นางยอด จันทร์ศรีอ่อน อายุ 65 ปี ชาวนา อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า เมื่อทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร รู้สึกเป็นห่วง จากนั้นเดินทางมายัง กทม. ทันที โดยมาพักกับลูกชายย่านบางแค และนั่งรถแท็กซี่มาเฝ้าพระองค์ตั้งแต่ 08.00 น. ทุกวัน และจะกลับประมาณ 19.00 น. ซึ่งตลอดทั้งวันก็จะนั่งสมาธิ สวดมนต์ทุกบทเท่าที่จำได้ เพื่อให้พระองค์หายจากพระอาการประชวร ทั้งนี้จะเฝ้าพระองค์ที่ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมราชชนก จนกว่าพระองค์จะเสด็จฯ กลับ
 
           "เมื่อคืนเห็นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินลง มาทรงลอยพระประทีป ที่ท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช รู้สึกซาบซึ้งใจ รู้สึกชื่นฉ่ำในจิตใจ วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้ทานข้าว เพราะรู้สึกอิ่มบุญ และเห็นท่านมีพระพลานามัยแข็งแรงก็สบายใจ ขอให้ท่านทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน" นางยอดกล่าว
 
           ด้านนางถนอมศรี เกียรติไพบูลย์ อายุ 54 ปี ชาวพระโขนง เปิดเผยว่า มาเฝ้าในหลวงตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. โดยจะมาทุกวัน เพื่อมานั่งปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ แผ่เมตตา เพื่อเป็นพระมหากุศลให้กับพระองค์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนมาไม่ทันรับเสด็จพระองค์ รู้สึกเสียใจมาก แต่เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา ได้เห็นพระองค์เสด็จลงมาลอยพระประทีป นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นพระองค์อย่างใกล้ชิดแบบนี้



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พสกนิกรปลื้มปีติ ชื่นชมพระบารมี อัปเดตล่าสุด 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา 15:13:30 12,807 อ่าน
TOP