วิรัช ร่มเย็น
ปชป.ท้า พท. ยุบพรรครอบ 3 (ไทยรัฐ)
พรรคประชาธิปัตย์ ท้าเพื่อไทย ยุบพรรครอบ 3 หากมั่นใจข้อมูล 2 พยาน ของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พร้อมโชว์หลักฐานมัดคอ ชวการ โตสวัสดิ์
ที่รัฐสภา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่นำนายชวการ โตสวัสดิ์ และนายสุขสันต์ ชัยเทพ พยาน 2 ปากในคดียุบพรรคไทยรักไทยกลับลำ โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จ้างวานและขู่เข็นทั้ง 2 คนให้ร้ายพรรคไทยรักไทย
โดยนายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ในการดำเนินการยุบพรรคไทยรักไทยขณะนั้น พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะฝ่ายค้านเป็นไปไม่ได้ที่จะข่มขู่รัฐบาล แต่พยานทั้งสองคน เกรงว่าจะมีความผิดที่ได้กล่าวคำเท็จต่อศาลและเกรงถึงความไม่ปลอดภัยจึงได้เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
โดยให้เหตุผล 4 ประการคือ 1. กลัวว่าจะไม่มีความปลอดภัย 2. การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงอยากให้เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ คอยดูแลความปลอดภัย 3. พรรคประชาธิปัตย์เป็นนักต่อสู้อย่างแท้จริง และ 4. ร้องขอให้พรรคประชาธิปัตย์ และเลขาธิการพรรคดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจัง ให้ถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทย
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้พยานทั้งสองคนได้ให้การต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และศาลรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรถึงสองครั้งและไม่ปรากฎข้อเท็จจริงใด ๆ ในขณะนั้นว่า ศาลรัฐธรรมนูญและกกต. ได้บังคับ นายชวการและนายสุขสันต์ให้กล่าวคำเท็จ แต่ตอนนี้มีการกลับคำให้การดังกล่าว ดังนั้นสิ่งที่ พล.อ.พัลลภ และพยานทั้งสองกล่าวเป็นการพยายามดิสเครดิสพรรคประชาธิปัตย์และลดความน่าเชื่อถือในหลาย ๆ เรื่อง
โดยสังเกตได้ว่ามีการนำพยานหลักฐานไปกลับคำให้การอย่างน้อย 2 กรณี คือ กรณีการยุบพรรคไทยรักไทย และกรณีเงินบริจาค 258 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ และมีพยานบางคนออกมากล่าวอ้างว่า ได้รับงานและทำงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างโปร่งใส แต่พยานทั้งสองถูกพรรคเพื่อไทยนำตัวไปเพื่อมาใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์
และนอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่า พล.อ.พัลลภ เป็นเพียงสมาชิกพรรคตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่สวมแจ็คเก็ตพรรคเพื่อไทยไม่มีความหมายไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมา พล.อ.พัลลภ ทำแต่เรื่องไร้สาระมามาก ทั้งเรื่องคาร์บอมบ์ คาร์บ๊อง ครั้งหนึ่งก็ไปอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ และต่อมาก็ขอเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 แต่พอถูกปฏิเสธและผิดหวังก็มาซบพรรคเพื่อไทย คนอย่างนี้ไม่มีคุณค่า ไม่มีความสำคัญไม่มีจุดยืน กลับสร้างแต่ความชั่วร้าย
นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อไปว่า หากพรรคประชาธิปัตย์กระทำการผิดกฎหมายจนถึงขั้นให้ยุบพรรคจริง ตนขอเพียงอย่างเดียวคือ ให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ห้วหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวด้วยตัวเอง ว่าพรรคประชาธิปัตย์ใส่ร้ายกลั่นแกล้ง บีบบังคับบิดเบือนข้อมูลจนถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทย และจะเดิมพันด้วยการยุบพรรคอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากแน่ใจก็ขอให้ออกมา อย่าหลบอยู่หลัง พล.อ.พัลลภ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดจริงก็ถึงขั้นยุบพรรค แต่หากพรรคเพื่อไทยยังมีพฤติกรรมโกหก ตลบแตลงก็คงต้องมีการยุบพรรคครั้งที่ 3
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะฟ้องร้องที่ตัวบุคคลหรือพรรคเพื่อไทย นายนิพิฏฐ์ตอบว่า เบื้องต้นหากการกระทำดังกล่าวทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเสียหาย คงต้องดำเนินการฟ้องร้องตัวบุคคล โดยมีพล.อ.พัลลภ เป็นจำเลยที่ 1 แต่ยังไม่สามารถดำเนินการกับพรรคเพื่อไทยได้ เพราะหัวหน้าพรรคยังไม่มีการออกมาแถลง ซึ่งเชื่อว่านี่คือแผนการปกป้องพรรคไม่ให้ถูกดำเนินคดีที่ให้สมาชิกตัวเล็ก ๆ ออกมาโจมตี อย่างไรก็ตามเชื่อว่า พล.อ.พัลลภ จะโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ หากทุกฝ่ายรู้ความจริง เมื่อถามว่าหลักการแล้ว สามารถรื้อฟื้นคดีความที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปเรียบร้อยแล้วได้หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ตอบว่า ไม่มีบทบัญญัติใดกำหนดให้มีการรื้อฟื้นคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวนายนิพิฏฐ์ได้นำหนังสือ "การเมืองโครตบัดซบ" ที่เขียนโดยนายชวการ ตีพิมพ์ปี 2550 มีเนื้อหาบางส่วนระบุว่า ถูก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหักหลัง เพราะจ่ายเงินไม่ครบตามจำนวน จึงเกรงว่าจเกิดความไม่ปลอดภัย จึงนำเรื่องไปแจ้งยังเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมระบุว่า หากนายชวการ อ้างว่าถูกบังคับ ข่มขู่ให้ร้ายพรรคไทยรักไทยจริง ก็ต้องกล่าวด้วยว่าถูกบังคับให้เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วย แต่หากไม่ถูกบังคับก็แสดงว่าเนื้อหาที่กล่าวอ้างในหนังสือเป็นเรื่องจริง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
