มะกุด ต่ออำนาจ เมื่อหัวใจไม่พิการ

มะกุด ต่ออำนาจ

มะกุด ต่ออำนาจ



"มะกุด ต่ออำนาจ" เมื่อหัวใจไม่พิการ (ฅ ตน)

          ผู้หญิงคนนี้ชื่อ มะกุด ต่ออำนาจ เธออายุ 44 ปี พิการมาแต่กำเนิด เคลื่อนที่ด้วยการหมุนกลิ้งตัวไปกับพื้น

          ร่างกายของเธอมีเพียงครึ่งท่อน แขนขายื่นออกมาเป็นเหมือนติ่งเนื้อสั้นๆ ตอนแรกที่เกิดมามีชาวบ้านบอกผู้เป็นแม่ให้ฆ่าเธอทิ้งเสีย เพราะถ้าเก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นภาระเปล่า ๆ

          โชคดีของมะกุดที่แม่ของเธอไม่เคยมีความคิดแย่ ๆ เช่นนั้นอยู่ในหัวสมองหญิงชาวนาเลี้ยงลูกคนสุดท้องของเธออย่างดี รวมทั้งเฝ้าบอกเด็กหญิงตัวน้อยอยู่เสมอว่าไม่ต้องไปคิดอะไรมาก และให้คิดว่าเราก็เป็นเหมือนกับคนปกติทั่วไป ความรักความอบอุ่นจากแม่ส่งผลให้มะกุดเติบโตขึ้นมาโดยไม่ได้รู้สึกว่าความขาดพร่องทางร่างกายเป็นปมด้อยของชีวิต

          หญิงวัย 44 ไม่เคยแพ่งโทษแขนขาที่หดสั้น ว่าเป็นต้นเหตุให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกับคนอื่น หรือเอาความพิกลพิการมาเป็นข้อเรียกร้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งความสงสารเห็นใจและการช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้าง ตรงกันข้าม เธอกลับต้องการจะหยัดยืนอย่างสง่างามด้วยการพึ่งตนเองให้มากที่สุด

          "เราเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 18 โดยการรับจ้างถักโครเชต์ ถ้าเป็นผ้าพันคอ ราคาจะอยู่ที่ 200 บาท ปลอกหมอนไซส์เล็กก็ 250 บาท แต่ถ้าเป็นสไบก็คิดผืนละ 1,000 บาท นั่นเป็นครั้งแรกที่เรามีรายได้จากการทำงานแบบเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งก็ไม่ได้มีใครในครอบครัวบังคับให้เราทำ แต่เราคิดของเราเองว่าจะพึ่งคนอื่นไม่ได้"

          "เราอยากที่จะทำงานด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้มีเงินเอาไว้เลี้ยงตัวเรากับแม่เรา"

          มะกุดผ่านการทำงานมาแล้วมากมายหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นขายอาหารทะเลแห้ง ขายต่างหู หรือแม้กระทั่งเป็นตัวแทนขายเครื่องสำอาง ฯลฯ เธอยินดีที่จะทำงานทุกอย่าง ขอให้งานนั้นเป็นงานสุจริตและมีรายได้ให้เธอไปจุนเจือครอบครัว

          ปัจจุบันมะกุดประกอบอาชีพรับซื้อของเก่า ควบคู่ไปกับการขายส้มโอในบางฤดูกาล โดยอาศัยเพื่อนคู่หูอีก 2 คนเป็นคนขับรถบรรทุกของเก่าให้ ซึ่งทั้งคู่ก็ล้วนเป็นผู้ทุพพลภาพเช่นเดียวกับเธอ คนหนึ่งเป็นโรคลมชักตั้งแต่เด็ก ทำให้ร่างกายฝั่งขวาทั้งหมดไม่มีแรง ขณะที่อีกคนตาทั้งสองข้างเป็นต้อหิน มองเห็นแบบเลือนราง

          ทุก ๆ วันแก๊งสามทหารเสือจะนั่งมอเตอร์ไซค์พ่วงท้าย 2 ค้น ตระเวนไปทั่ว อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เพื่อตระเวนรับซื้อของเก่าจากชาวบ้านไปขาย รายได้เฉลี่ยต่อวันหลัง หักค่าน้ำมันและอาหารกลางวัน จะตกอยู่ที่ 300 บาท ซึ่งมะกุดจะแบ่งสันปันส่วนกับเพื่อนเท่า ๆ กัน โดยหากวันใดที่แบ่งเงินได้มากกว่า 100 มะกุดก็จะนำเงินที่เกินมานั้นให้บุพการีเอาไว้ใช้จ่าย แน่นอนว่าเงินดังกล่าวคงไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไรนัก แต่มันก็มากไปด้วยคุณงามความดีที่ผู้หญิงไม่ครบถ้วนคนหนึ่งทำเพื่อคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต

          แม้จะต่อสู้ชีวิตด้วยความยากลำบากมากกว่าคนปกติ แต่มะกุดก็ไม่เคยทดท้อถอยหลัง เธอยังคงมองโลกในแง่บวกรวมทั้งพยายามที่จะนำพาชีวิตของตัวเองและคนใกล้ชิดให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

          มะกุด บอกว่า สิ่งที่ต้องการและเป็นความฝันเพียงอย่างเดียวของเธอในวันนี้ก็คือ อยากได้รถสามล้อคันใหม่ เพื่อที่จะเอาไว้ขายลูกชิ้นปิ้งกับไก่ย่าง หากได้มาเธอจะยังทำงานร่วมกันกับอีกสองเพื่อนคู่ใจเหมือนเดิม คนหนึ่งมีหน้าที่ขับรถคนหนึ่งทำหน้าที่ปิ้งย่าง ส่วนเธอจะคอยเรียกลูกค้าและควบคุมเรื่องการเงิน

          "มะกุดเขาสู้ชีวิตไม่เคยท้อถอย ผมมองว่าเขาเป็นคนดีและคิดอ่านในเรื่องการทำมาหากินอยู่ตลอด ที่สำคัญเขาไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง ขนาดเป็นอย่างนี้แต่เขายังคิดถึงพวกเรา อยากให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน เรานับถือเขาจริง ๆ" พรชัย แอ่นจันทร์ หนึ่งในผู้ร่วมงานรับซื้อของเก่ากล่าวถึงเพื่อนรักด้วยความชื่นชม

          แม้ร่างกายจะขาดพร่อง แต่หัวใจของมะกุดยังแข็งแรงสมบูรณ์ดี


คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

หนังสือ ฅ คน ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (49) พฤศจิกายน 2552 

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มะกุด ต่ออำนาจ เมื่อหัวใจไม่พิการ อัปเดตล่าสุด 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา 11:03:24 20,053 อ่าน
TOP
x close