ทึ่งหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ทอล์กโชว์ครั้งแรกในเมืองไทย คุยเรื่องวิวัฒนาการโลกตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ให้เรียนรู้ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ จัดแสดงในงานมหกรรมวิทย์ 7-22 ส.ค.นี้ นำเสนอด้วยเทคนิคเสมือนจริงสุดตระการตา พร้อมนิทรรศการที่น่าเรียนรู้อีกมากมาย อาทิ โลกแห่งผีเสื้อและป่าแห่งชีวิต
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2553 โดยรวบรวมสุดยอดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้แนวคิดจุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ ระหว่างวันที่ 7-22 สิงหาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ดร.พิชัย สนแจ้ง ผอ.อพวช. ในฐานะผู้จัดงานครั้งนี้ ระบุว่า ขณะนี้มีโรงเรียนติดต่อนำนักเรียนเข้าชมงานประมาณ 600,000 คน คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 1,200,000 คน รูปแบบการจัดงานมหกรรมแบ่งออกเป็น 2 นิทรรศการหลักคือ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ นำเสนอพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 "พระบิดาวิทยาศาสตร์ไทย" และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย" และ "พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย" พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ทรงมีบทบาทและความสำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย
อีกส่วนคือ นิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์ จัดกิจกรรมร่วมฉลองปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ โดยจำลองสภาพเส้นทางเดินธรรมชาติจากใต้ทะเลลึกจรดยอดเขาสูง ให้ผู้ชมสามารถเรียนรู้ระบบนิเวศอันหลากหลายทั้งในแนวปะการังชายหาด พื้นที่ชุ่มน้ำและป่าชายเลน พร้อมกับสัมผัสโลกแห่งผีเสื้อโบยบินรอบพันธุ์ไม้และดอกไม้ ก่อนที่จะเข้าสู่ป่าแห่งชีวิตเพื่อผจญภัยในผืนป่าหลากหลายรูปแบบของประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการแสดง สร้างประสบการณ์เปิดมุมมองการเรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสผ่านสื่อระบบ 3 มิติและ 4 มิติ เพื่อสร้างความสนุกสนานและเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ที่ไม่ควรพลาดคือ ไดโนเสาร์ทอล์กโชว์ครั้งแรกในเมืองไทย มีหุ่นยนต์สัตว์โลกดึกดำบรรพ์ 2 ตัวพูดคุยกันเรื่องวิวัฒนาการ จุดเริ่มต้นหรือจุดจบของความหลากหลายทางชีวภาพ นำเสนอด้วยสื่อมัลติมีเดียที่จะพาผู้ชมย้อนอดีตกาลในยุคไดโนเสาร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร จนเกิดเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกและโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้งนี้ จนมาถึงยุคเริ่มต้นของวิวัฒนาการเริ่มจากลิงมาสู่มนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ฉลาดมากที่สุด แต่มนุษย์เราก็ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบนิเวศและความหลากหลายทางธรรมชาติเท่านั้น" ดร.พิชัยกล่าว
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการวิกฤติโลก เรียนรู้สาเหตุของการเกิดวิกฤติโลกต่างๆ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านสถานการณ์จำลองให้ผู้เข้าชมงานได้อพยพหนีภัยพิบัติขึ้นเรือกู้ภัย ด้วยเทคนิคเสมือนจริงที่สามารถสัมผัสภาพ กลิ่น เสียงและความรู้สึกตื่นเต้นลุ้นระทึก
นิทรรศการแสงและเลเซอร์ ร่วมฉลอง 50 ปีการค้นพบแสงเลเซอร์ นำเสนอพัฒนาการจากแสงไปสู่เลเซอร์ ประโยชน์ของเลเซอร์ สถานีทดลอง คุณสมบัติของแสง ความมหัศจรรย์ของการหักเหของแสงกับการมองเห็นภาพ 3 มิติในอุโมงค์ห้องกระจกเอียง 120 องศา ห้องกระจกสะท้อน 6 ด้าน และห้องกระจกกึ่งโปร่งแสง และนิทรรศการนิติวิทยาศาสตร์ เพิ่มพูนทักษะความรู้ความเข้าใจในนิติวิทยาศาสตร์ที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคมไทย โดยมีห้องจำลองเหตุการณ์ ฝึกฝนและทดลองใช้วิทยาศาสตร์ร่วมกับการสังเกต เพื่อไขปริศนาและการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
ส่วนนิทรรศการนานาชาติ ประเทศจีนได้นำนิทรรศการ "เสือ" มาร่วมแสดงในงาน ซึ่งแบ่งการแสดง 4 ส่วนคือ คนและเสือ วิถีแห่งเสือ การล่าของเสือและการอนุรักษ์เสือ โดยในนิทรรศการนี้มีลูกเสือจากสวนเสือศรีราชามาร่วมแสดงในนิทรรศการด้วย
ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าชมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2553 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 7-22 สิงหาคมนี้ (ยกเว้นวันที่ 9 สิงหาคม) ณ ไบเทค บางนา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
