เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คุณยายชาวปกาเกอะญอ สุดยอด! ฝากคนในหมู่บ้านมาจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลคืน ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หลังค้างจ่ายมานานถึง 43 ปี เพราะยากจน
วานนี้ (18 สิงหาคม) นายสิริ เจริญธรรม อายุ 42 ปี ชาวตำบลท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำซองจดหมายที่บรรจุเงินจำนวน 3,000 บาท มามอบให้ น.พ.วัฒนา สินธุนาวา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยระบุว่า เป็นเงินค่ารักษาพยาบาลที่นางส่าพอ พาคลึ คุณยายวัย 66 ปี ชาวปะกาเกอะญอ ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตน ได้ค้างจ่ายไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510
โดยนายสิริ เล่าให้ฟังว่า หลังจากนางส่าพอ คลอดบุตรสาวเมื่อปี พ.ศ.2510 ก็เกิดป่วยด้วยอาการมดลูกอักเสบ จึงได้เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลนี้ โดยยืมเงินจากเพื่อนบ้านจำนวน 23 บาท มาเป็นค่าเดินทางและค่าอาหารในช่วงนั้น เนื่องจากฐานะทางบ้านของคุณยายยากจนมาก
หลังจากแพทย์ได้รักษาคุณยายส่าพอ ได้ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการของคุณยายก็ดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้าน พร้อมแจ้งค่ารักษาพยาบาล แต่คุณยายไม่มีเงินจ่าย แพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้าน และหากมีเงินเมื่อไหร่ค่อยนำมาจ่ายภายหลังได้
นายสิริ กล่าวต่อว่า หลังจากนางส่าพอกลับมาที่บ้าน ก็ได้ประกอบอาชีพรับจ้าง ทำสวนผัก เพื่อเก็บเงินมาชดใช้ค่ารักษาพยาบาล แม้ว่าทางโรงพยาบาลไม่เคยทวงถามก็ตาม จนเมื่อไม่นานมานี้ นางส่าพอ ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พร้อมไหว้วานให้ตนนำเงินมาคืนที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ นางส่าพอไม่ทราบจำนวนเงินที่แท้จริง เพราะในครั้งนั้นมีปัญหาเรื่องภาษาที่ใช้สื่อสารกัน จึงได้มอบมาให้ 3,000 บาท
โดยนางส่าพอ ให้เหตุผลที่ฝากเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ค้างไว้ถึง 43 ปีว่า ตนเองอายุมากแล้ว เมื่อเป็นหนี้แล้วไม่ชดใช้จะรู้สึกไม่สบายใจ และคงตายตาไม่หลับ เพราะปู่ย่าตายายสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์ หากคดโกงจะตกนรก
ด้าน น.พ.วัฒนา นาวาเจริญ ผอ.โรงพยาบาล เผยว่า ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลได้ให้การรักษาผู้ป่วยยากจนโดยไม่คิดเงินปีละกว่า 100 ล้าน แต่หลังจากมีหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรายจ่ายส่วนนี้ก็ลดลง สำหรับกรณีของนางส่าพอ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม และน่าชื่นชมอย่างมาก เพราะถึงแม้จะยากจน แต่ก็มีความซื่อสัตย์ และกรณีเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลมาก่อน
อย่างไรก็ตาม น.พ.วัฒนา ระบุว่า ประวัติการรักษาต่าง ๆ ของนางส่าพอ ปัจจุบันทางเวชระเบียนคงลบไปหมดแล้ว จึงไม่ทราบว่า แพทย์ท่านใดเป็นผู้รักษา และค้างชำระเท่าไหร่ แต่จำนวนเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นเรื่องที่โรงพยาบาลทุกแห่งให้ความสำคัญมากที่สุด สำหรับเงินจำนวน 3,000 บาทนี้ จะนำเข้าสมทบกองทุนราชสมาทร เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้รายอื่น ๆ ต่อไป
ร่วมปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย ได้ที่นี่ค่ะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก