กทช.คุมค่าโทรมือถือ (ไทยโพสต์)
กทช.ประกาศค่าบริการโทรคมนาคมกำหนดอัตราขั้นสูง 99 สตางค์ต่อนาที ขั้นต่ำ 51 สตางค์ต่อนาที "กรณ์" โบ้ย "ทีโอที" ต้องบี้ค่าเสียหายคืนเอง
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ (กทช.) เปิดเผยว่า ประชุมบอร์ด กทช.เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา มีมติกำหนดอัตราค่าบริการโทรคมนาคมตามประกาศ กทช. โดยคิดอัตราขั้นสูง 99 สตางค์ต่อนาที และอัตราขั้นต่ำ 51 สตางค์ต่อนาที ซึ่งยังไม่รวมกับค่าเชื่อมต่อเลขหมาย (อินเตอร์คอนเน็กชั่นชาร์จ)
สำหรับประกาศดังกล่าวจะมีผลทันที่หลังจากที่ กทช.ได้มีมติ โดยจะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รับทราบประกาศดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) มีอัตราค่าบริการเฉลี่ยที่ 80 สตางค์ต่อนาที บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) มีอัตราค่าบริการเฉลี่ยที่ 69 สตางค์ต่อนาที และ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด อยู่ที่ 71 สตางค์ต่อนาที
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีมีการเสนอให้เอไอเอสกลับไปจ่ายส่วนแบ่งรายได้ในระบบพรีเพด (เติมเงิน) จำนวน 30% และจะต้องจ่ายในอัตราก้าวหน้าสิ้นสุดที่ 35% จากที่ได้มีการแก้ไขปรับลดเหลือ 20% นั้น เรื่องดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำพิพากษาว่าการแก้สัญญาสัมปทานมือถือของเอไอเอสไม่เป็นธรรม
ส่วนเรื่องที่มาตรา 22 พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ที่ดูแลสัญญาสัมปทานดังกล่าว จะเสนอให้ บมจ.ทีโอที ในฐานะเจ้าของสัมปทานดำเนินการฟ้องร้องนั้น ถือเป็นเรื่องที่ทีโอทีต้องพิจารณาเองโดยต้องยอมรับว่าจากการแก้ไขสัญญา สัมปทานดังกล่าวทำให้รายได้ของรัฐหายไป
"เมื่อต้องแก้สัญญากลับไปเหมือนเดิม จึงมีประเด็นตามมาคือเรื่องรายได้ของรัฐที่หายไปว่าเอไอเอสต้องจ่ายคืนด้วยหรือไม่ ซึ่งตรงนั้นก็ต้องว่ากันไป และความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางทีโอทีก็ต้องไปตามเอาเองรวมถึงภายในของทีโอทีเองด้วย" นายกรณ์กล่าว