เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
มติ ครม.ไฟเขียวขึ้นเงินเดือน อบต. เผยใช้งบ 1,055 ล้านบาท มีผล 1 ม.ค.54
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2553 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบขึ้นเงินเดือนให้ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเสนอ แต่ทั้งนี้ ต้องให้มีความชัดเจน โดยต้องปรับเพิ่มเพื่อลดช่องว่างทางรายได้ของหน่วยงานท้องถิ่น แต่หน่วยงานที่มีค่าตอบแทนสูงอยู่แล้วก็ต้องรอไปก่อน ซึ่งการขึ้นเงินเดือน อบต.ครั้งนี้ ใช้งบประมาณ 1,055 ล้านบาท โดยจะเริ่มมีผลวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554
ส่วนการปรับขึ้นค่าตอบแทนของ ส.ก.(สมาชิกสภากรุงเทพฯ) และ ส.ข.(สมาชิกสภาเขต) ขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งก็ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ โดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชนเป็นหลัก
ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าไปพบกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เพื่อเคลียร์ใจปัญหาเรื่องการปรับเพิ่มเงินเดือนของ อบต.ว่า ไม่ทราบว่าใครไปพบใครที่ไหน เมื่อวานตนเจอท่านพร้อมนายกรัฐมนตรีที่เมืองทองฯ แล้วตนก็กลับไปก่อน
ขณะที่ นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ รับทราบผลการจัดเก็บภาษีและฐานะการคลัง 2 เดือนแรก และแนวโน้มปีงบประมาณ 2554 ตามที่กระทรวงการคลังรายงาน โดยคาดการณ์ฐานะการคลังตลอดปีงบประมาณว่า น่าจะจัดเก็บรายได้ได้ถึง 1.75 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 6.1% จากที่ตั้งไว้ 1.65 ล้านล้านบาท
ส่วนด้านรายจ่าย คาดว่ารัฐบาลจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณปี 2554 ได้ 93% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย 2.07 ล้านล้านบาท หรือเบิกจ่ายได้ 1.925 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับการเบิกจ่ายงบประมาณปีก่อน ๆ อีก 1.14 แสนล้านบาท จะส่งผลให้มีรายจ่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 2.039 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 14.3%
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้รายงาน ครม.เศรษฐกิจ ว่าสถานการณ์จัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ สามารถเก็บได้เกินเป้ากว่า 2.35 หมื่นล้านบาท หรือ 9.6% โดยจัดเก็บรายได้สุทธิกว่า 2.68 แสนล้านบาท โดยเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ที่เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้เกินเป้า ทำให้ภาพรวมเกินเป้ากว่า 1.84 หมื่นล้านบาท กรมสรรพสามิตที่เก็บภาษีจากการนำเข้ารถยนต์ได้เกินเป้า ทำให้ภาพรวมเก็บได้เกินเป้า 4,432 ล้านบาท และกรมศุลกากรที่เก็บอากรขาเข้าได้เกินเป้า 620 ล้านบาท
ส่วนการเบิกจ่ายในช่วง 2 เดือนแรกนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 4.3 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.51 แสนล้านบาท หรือ 54.4% โดยเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 4.01 แสนล้านบาท คิดเป็น 19.4%
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในเดือน พ.ย.53 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.44 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.71 หมื่นล้านบาท หรือ 13.4% สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 12% เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจัดเก็บภาษีส่วนใหญ่สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 9,824 ล้านบาท นอกจากนี้ การที่เงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้มีการนำเข้ารถยนต์เป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสุราและยาสูบ คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษี จึงเร่งชำระภาษี
"จากทิศทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มการจัดเก็บรายได้รัฐบาลที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่าปีงบประมาณ 2554 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.65 ล้านล้านบาท" นายนริศกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก