เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ตำรวจหญิง บช.น.ร้องสื่อ ถูกตำรวจชายแอบถ่ายในห้องน้ำ ร้องเรียนไปกว่า 1 เดือนเรื่องไม่คืบ ด้านโฆษก บช.น.รับมีเรื่องนี้จริง กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน เชื่อไม่กระทบภาพลักษณ์ตำรวจนครบาล ล่าสุดมีคำสั่งให้ ส.ต.ต.ผู้ต้องสงสัยแอบถ่ายตำรวจหญิงกลับสังกัดไปแล้ว
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ส.ต.ต.หญิง รายหนึ่ง สังกัด บก.อก.บช.น. ได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ได้ถูกคนโรคจิตแอบถ่ายขณะเข้าห้องน้ำบริเวณชั้น 2 ฝั่งห้องทำงานนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. แต่เรื่องผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้วกลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
โดยตำรวจหญิงคนดังกล่าว เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะที่ตนทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ สังเกตเห็นไฟสีแดงที่ผ้าเช็ดมือตรงลูกบิดประตู จึงรีบเปิดประตูออกมาดู ก็พบว่า มีตำรวจชายคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในสำนักงานรอง ผบช.น. รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว แม้ตนจะตะโกนเรียก นายตำรวจคนดังกล่าวก็ไม่ยอมหยุดเดิน ตนจึงตามไปถาม และพบว่า ตำรวจคนดังกล่าวพกกล้องดิจิตอลที่มีลักษณะคล้ายปากกา แต่เมื่อขอดูภาพในกล้องกลับไม่พบภาพใด ๆ และนายตำรวจคนดังกล่าวยังได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้แอบถ่ายตนด้วย
ตำรวจหญิงคนดังกล่าว เล่าต่อว่า ตนได้นำเรื่องไปร้องเรียนต่อ ผบก.อก.บช.น. ให้รับทราบ ก่อนที่สารวัตรผู้บังคับบัญชาของตน จะร้องขอให้กู้ข้อมูลตรวจสอบกล้องปากกาของนายตำรวจคนดังกล่าว และเมื่อกู้ข้อมูลดูแล้ว กลับพบภาพตำรวจหญิง 8 ราย ถูกแอบถ่ายขณะทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ และยังมีภาพใบหน้าของนายตำรวจคนดังกล่าวด้วย
เหยื่อถูกแอบถ่ายเล่าต่อว่า ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ สน.ดุสิต ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยกับตำรวจคนดังกล่าว และจนถึงวันนี้ล่วงเลยไปกว่า 1 เดือนแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เกิดขึ้น จนตำรวจหญิงใน บช.น. วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นเพราะพ่อของตำรวจคนดังกล่าว เป็นเพื่อนกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน บช.น. เรื่องจึงเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ทำให้ตำรวจหญิงใน บช.น.ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะกลัวผู้บังคับบัญชาจะไม่พอใจ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ดุสิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย พ.ต.อ.จักรภพ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่เพราะผู้เสียหายไม่ยินยอมมอบกล้องดิจิตอลที่ยึดมาได้ ให้ใช้เป็นหลักฐานทางคดี เนื่องจากกลัวภาพจะถูกเผยแพร่ออกไปเป็นที่อับอายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เรื่องคดีจึงขึ้นอยู่กับผู้เสียหาย หากประสงค์จะให้ดำเนินคดี ทางตำรวจก็พร้อมจะทำทันที ไม่ได้พยายามช่วยเหลือผู้กระทำผิดแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างดำเนินการขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งจากการตรวจสอบมีผู้เสียหายเพียงหนึ่งคนเท่านั้น ส่วนคดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร ทั้งนี้ มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องปกติที่ทุกหน่วยงานจะพบเจอปัญหาในองค์กรของตน และจะไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยที่กระทำการดังกล่าวเป็นตำรวจชาย ยศ ส.ต.ต. ซึ่งเป็นคนขับรถของนายพลนายหนึ่งใน บช.น. แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ แต่ล่าสุดผู้บังคับบัญชาสั่งให้ส่งตัวกลับต้นสังกัดไปแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
