ห้ามวิ่ง! รถเมล์บุโรทั่งสาย 8 ประเดิม 27 คัน หวั่นเกิดอุบัติเหตุ (ไทยโพสต์)
ขสมก.เอาจริง สั่งพักรถเมล์สาย 8 รวดเดียว 27 คันอย่างไม่มีกำหนด หลังพบนำรถสภาพทรุดโทรมมาวิ่งให้บริการ ระบุสิ้นเดือน มิ.ย.นี้จะตรวจสอบอีกครั้ง เตรียมเสนอบอร์ด 29 มิ.ย. พิจารณาเห็นชอบมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ ด้านเอกชนวอนรัฐปรับค่าโดยสาร แจงที่ผ่านมาปรับสภาพรถให้อยู่ในมาตรฐานแล้ว
นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก .) เปิดเผยว่า ขสมก.ได้สั่งพักรถโดยสารประจำทางสาย 8 ที่วิ่งในเส้นทางแฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ จำนวน 27 คัน จากทั้งหมดที่วิ่งอยู่ 60 คัน โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาจนกว่าผู้ประกอบการจะไปปรับปรุงตัวรถให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานการให้บริการ เนื่องจาก ขสมก.ตรวจพบว่าที่ผ่านมาได้นำรถเก่ามาให้บริการ อย่างไรก็ตาม ทาง ขสมก.จะประเมินผลอีกครั้งในสิ้นเดือนนี้ ว่าจะอนุญาตให้วิ่งต่อไปได้หรือไม่
"การดำเนินการในครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงโทษผู้ประกอบการเดินรถที่รุนแรงพอสมควร เพราะการสั่งพักรถจะส่งผลให้ขาดรายได้เป็นจำนวนมาก และยอมรับว่าการสั่งพักรถโดยสารดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้บริการบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของผู้ใช้บริการที่ดีขึ้น ก็ต้องยอมลำบากไปสักระยะหนึ่งก่อน อย่างไรก็ตาม ขสมก.จะมีการจัดรถเสริมเข้าไปเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน"
นายโอภาสกล่าวว่า ในวันที่ 29 มิถุนายน 2554 นี้ จะนำเสนอมาตรการป้องกันอุบัติเหตุที่มาจากรถโดยสารสาธารณะ เช่น การติดตั้งเครื่องจำกัดความเร็วรถเมล์ ขสมก. รถร่วมบริการ และรถตู้โดยสาร ให้วิ่งไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะนี้ได้ทยอยดำเนินการแล้ว การกำหนดอายุคนขับรถโดยสารสาธารณะจากเดิมที่อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุ 22 ปีขึ้นไป เป็น 25 ปีขึ้นไป ถึงจะสามารถขับรถโดยสารสาธารณะได้ มีการแก้ไขระเบียบ ขสมก.แล้ว หากบอร์ดอนุมัติมาตรการดังกล่าวก็จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 นี้
นอกจากนี้ ในส่วนของมาตรการให้รถโดยสารสาธารณะขับชิดซ้ายและห้ามแซง ได้ประกาศใช้และมีผลบังคับใช้ไปแล้ว ดังนั้นหากพบเห็นรถเมล์หรือรถโดยสารสาธารณะไม่ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ก็สามารถร้องเรียนมายัง ขสมก.ได้ทันที
นายโอภาสกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้หารือกับผู้ประกอบการรถร่วมบริการและรถตู้โดยสารแล้ว ทุกฝ่ายเข้าใจและยินดีที่จะดำเนินการตามมาตรการที่ออกมา แต่ทางภาคเอกชนได้ก็ขอความเห็นใจจาก ขสมก. เพราะที่ผ่านมารถโดยสารสาธารณะได้ปรับปรุงตัวรถและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของค่าโดยสารนั้นยังคงอยู่ในอัตราเดิม โดยรถเมล์ร้อน 7 บาท รถร่วมเอกชน 8 บาท รถแอร์ยูโร 2 เก็บ 12-24 บาทตามระยะทาง รถร่วมเอกชนปรับอากาศ 11-23 บาทตามระยะทาง ดังนั้นอยากให้ภาครัฐพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งทาง ขสมก.ได้ให้เอกชนจัดทำรายละเอียดมาให้พิจารณา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
