เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย paveldunghd
ภาวะโลกร้อนและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ยังคงส่งผลต่อมวลมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดที่ประเทศออสเตรเลีย ก็กำลังเผชิญกับวิกฤติทางธรรมชาติอยู่เช่นกัน หลังจากต้องเจอกับพายุฝนและลมแรงที่โหมกระหน่ำเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานตลอด 1 วันเต็ม ๆ
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ ได้เผยแพร่คลิป ๆ หนึ่งของสำนักข่าวบีบีซี ถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่สามารถพัดเอากระแสน้ำจากน้ำตกไหลย้อนขึ้นเหนืออากาศ ซึ่งเป็นเหตุมาจากกระแสลมพายุที่มีความรุนแรงสูง และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
จากภาพในคลิปดังกล่าว แสดงให้เห็นกระแสน้ำที่ถูกลมพัดไหลย้อนขึ้นจากที่ควรจะตกลงสู่พื้นล่าง นอกจากนี้ยังเกิดปรากฎการณ์ "รุ้งกินน้ำ" ขึ้นกลางทะเลอีกด้วย ที่สำคัญยังเห็นภาพของเรือเฟอร์รี่ที่พยายามแล่นเข้าฝั่งท่ามกลางกระแสน้ำที่รุนแรงอีกต่างหาก
อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียรวมไปถึงอ่าวซิดนีย์ กำลังเผชิญกับภาวะอุทกภัยอย่างหนัก หลังจากที่มีฝนตกครั้งใหญ่ตลอด 1 วันเต็ม ๆ โดยตามรายงานระบุว่า ความรุนแรงของพายุฝนดังกล่าว ส่งผลทำให้เกิดคลื่นน้ำสูงถึง 5 เมตร และเป็นเหตุให้เรือเฟอร์รี่จำนวนหลายร้อยลำไม่สามารถที่จะให้บริการได้ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุจากการกระแทกกับคลื่นน้ำ รวมไปถึงส่วนที่เป็นโขดหินได้
โดยกระแสลมแรงเหล่านี้ เป็นกระแสลมพายุที่โหมกระหน่ำใส่ออสเตรเลียอย่างหนัก จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากวิกฤติอุทกภัยไปแล้วกว่า 25 ราย และมีแนวโน้มว่ากระแสลมแรงนี้จะพัดกระหน่ำต่อไปจนถึงช่วงฤดูหนาวของออสเตรเลียอีกด้วย
ด้านนายจอห์น มาเกร็ธ นักสำรวจจากองค์กรพัฒนาเอกชนสากลอ็อกซ์แฟม (Oxfam) ของออสเตรเลีย ได้กล่าวว่า "นี่ถือเป็นสัญญาณเตือนจากโลกที่บอกให้พวกเราทุกคนได้รู้ว่า มีสิ่งผิดปกติบนโลกใบนี้และมันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่านี้โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ อย่างแน่นอน"
