สธ. เผย พิษนกเตน ตาย 26 ป่วย 1.5 หมื่นคน

 


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการครอบครัวข่าว 3
 
       ปลัด สธ. สรุปความเสียหายด้านสาธารณสุข จากพายุนกเตน ในรอบ 17 วัน เสียชีวิต 26 ราย เจ็บป่วยกว่า 15,000 คน มีปัญหาสุขภาพจิต 748 คน

        น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดจากพายุนกเตน ว่า ในรอบ 17 วันหลังน้ำท่วม กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ทั้งทางเรือและทางรถยนต์ ออกให้บริการผู้ประสบภัย
จำนวน 120 ทีม มีผู้เจ็บป่วยกว่า 15,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า ไข้หวัด โรคผิวหนัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย อยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งหมด ไม่มีโรคระบาดทุกพื้นที่ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 ราย ใน 8 จังหวัด

       ส่วนการดูแลด้านจิตใจ กรมสุขภาพจิต ได้ร่วมกับสำนักงานสาธรณสุขจังหวัด ประเมินปัญหาสุขภาพจิตผู้ประสบภัย รวมทั้งหมด 748 ราย พบมีความเครียดสูง 51 ราย ซึมเศร้า 99 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 22 ราย ทั้งหมดนี้ต้องติดตามดูแลเป็นพิเศษรวม 52 ราย เพื่อป้องกันฆ่าตัวตาย

        น.พ.ไพจิตร์ กล่าวต่อไปว่า ผลจากน้ำท่วมครั้งนี้มีสถานบริการสาธารณสุข ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 19 แห่ง ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ 9 แห่ง สุโขทัย 4 แห่ง ลำพูน 2 แห่ง แพร่ 4 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ขณะนี้ระดับน้ำลดลงสามารถเปิดบริการได้ตามปกติ สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมในจังหวัดภาคกลางลุ่มเจ้าพระยา ได้ให้สถานบริการทุกแห่งป้องกันน้ำท่วมอย่างเต็มที่ เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา ได้จัดเรือ และเสื้อชูชีพสำรอง พร้อมใช้งานตลอดเวลาจำนวน 20 ลำ ขณะนี้ยังไม่มีสถานบริการแห่งใดถูกน้ำท่วม ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งยาชุดช่วยเหลือน้ำท่วม ไปให้พื้นที่ประสบภัยทั้งหมด 18 จังหวัด รวมทั้งหมด 141,000 ชุด





[9 สิงหาคม]มาแล้ว! น้ำบ่าเจ้าพระยา เตือน 7 จังหวัดริมฝั่ง
 
          อุตุฯ ระบุฝนหนักถึงปลายอาทิตย์นี้ ภาคเหนือ อีสานตอนบน เตรียมรับมือ ขณะที่กรมชลประทานเตือน 7 จังหวัดริมฝั่งเจ้าพระยารวมถึง กทม.ระวังน้ำล้นตลิ่ง เร่งขนย้ายข้าวของ
 
           กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 8-11 ส.ค.นี้ ว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันสูง 1-2 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 12-14 ส.ค. ร่องมรสุมนี้จะอ่อนกำลังลง แต่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนอยู่ในเกณฑ์เป็นแห่งถึงกระจายในระยะนี้
 
           ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 8-11 ส.ค. ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ราบลุ่มใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และเชิงเขา จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังภัยธรรมชาติในระยะนี้ไว้ด้วย
 
           นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง รวม 7 จังหวัด ได้แก่
 
            จังหวัดชัยนาท
            จังหวัดสิงห์บุรี
            จังหวัดอ่างทอง
            จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
            จังหวัดปทุมธานี
            จังหวัดนนทบุรี
            จังหวัดกรุงเทพมหานคร
 
          เตรียมรับมือน้ำล้นตลิ่งจากภาวะน้ำเหนือไหลบ่าในช่วงวันที่ 8-10 ส.ค. 2554 โดยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมถึงติดตามและปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เบื้องต้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี เขต 16 ชัยนาท และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำล้นตลิ่งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
 
            ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน เลย หนองคาย และประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 17 จังหวัด ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน รวมถึงสนับสนุนเครื่องจักรกล เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุกน้ำออกให้บริการในพื้นที่ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
 



 
 



[8 สิงหาคม] นกเตนคร่า 20 ชีวิต เสียหายกว่า 100 ล้าน
 
          ศูนย์เตือนภัยพิบัติ เตือนมรสุม-พายุโซนร้อนจะกระหน่ำอีก ส.ค.-พ.ย. ด้าน ปภ. เผยนกเตนคร่า 20 ชีวิต เสียหายกว่า 100 ล้าน ขณะที่กรมชลประทานเตือน จ.อ่างทอง จ.อยุธยา รับมือน้ำจากเหนือ

          ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งเตือนว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ให้เตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมอีกรอบ เพราะช่วงดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่ร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังเคลื่อนจากประเทศจีน ลงมาพาดผ่านประเทศไทยทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้  และจากสถิติที่ผ่านมาของกรมอุตุวิทยา พายุโซนร้อนจากทะเลจีนใต้จะเคลื่อนเข้าประเทศไทย 1-2 ลูก ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกชุกหนาแน่น ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง

          ทั้งนี้ ทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบและระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งให้ติดตามข่าวสารของทางราชการอย่างต่อเนื่อง

          ทางด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า อิทธิพลของพายุนกเตนส่งผลกระทบเป็นอย่างมากในภาคอีสาน และภาคเหนือของประเทศไทย โดยมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว 20 จังหวัด 147 อำเภอ 828 ตำบล 6,504 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดแพร่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดน่าน จังหวัดลำพูน จังหวัดลำบาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนครพนม จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย จังหวัดจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดสกลนคร จังหวัดเลย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์





  สรุปความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม

          ประชาชนได้รับความเดือนร้อน 314,732 ครัวเรือน  1,029,716 คน 
          บ้านเรือนได้รับความเสียหาย บางส่วน 217 หลัง
          พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 619,723 ไร่
          ถนนเสียหาย 1,085 สาย
          ท่อระบายน้ำ 115 แห่ง
          ฝาย/ทำนบ 20 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 72 แห่ง
          บ่อปลา/บ่อกุ้ง 558 บ่อ
          ปศุสัตว์ 474 ตัว
          ประชาชนเสียชีวิต 20 ราย (อุดรธานี 1 ราย เชียงใหม่ 2 ราย แม่ฮ่องสอน 7 ราย แพร่ 6 ราย สุโขทัย 2 ราย นครพนม 2 ราย)
          ประชาชนสูญหาย 1 ราย
          ประชาชนบาดเจ็บ 11 ราย

  จังหวัดที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟู 4 จังหวัด

          จังหวัดน่าน
          จังหวัดเลย
          จังหวัดหนองคาย
          จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

  จังหวัดที่ยังคงประสบอุทกภัยทั้งสิ้น 16 จังหวัด

          จังหวัดแพร่
          จังหวัดเชียงใหม่
          จังหวัดสุโขทัย
          จังหวัดลำพูน
          จังหวัดลำปาง
          จังหวัดแม่ฮ่องสอน
          จังหวัดอุตรดิตถ์
          จังหวัดพิจิตร
          จังหวัดพิษณุโลก
          จังหวัดตาก
          จังหวัดนครสวรรค์
          จังหวัดนครพนม
          จังหวัดอุดรธานี
          จังหวัดบึงกาฬ
          จังหวัดสกลนคร
          จังหวัดเพชรบูรณ์






สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในจังหวัดต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้

  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลลงสู่คลองบางหลวงจนล้นตลิ่งและเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอแล้ว ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา และอำเภอผักไห่

  จังหวัดอ่างทอง

          น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงสู่คลองระบายน้ำ 5 แห่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมในเขตพื้นที่การเกษตร หมู่ที่ 1-6 ตำบลเทวราช อำเภอไชโย

  จังหวัดน่าน

          หลังจากที่มีฝนตกหนักวานนี้ (7 สิงหาคม) ส่งผลให้เกิดน้ำป่าจากห้วยริม ไหลหลากพัดดินโคลนผ่าเข้าท่วมบ้านเชียงแล ,บ้านนาเตา ตำบลริม อำเภอท่าวังผา และบ้านนาทราย, บ้านฮวก หมู่ 4 น้ำไคร้ หมู่ 5 บ้านห้วยม่วง โดยระดับน้ำได้ไหลแรงและเร็ว สูงกว่า 2 เมตร ทำให้ชาวบ้านอพยพย้ายของไม่ทัน ส่งผลให้ข้าวของเสียหาย พืชไร่นาจำนวนมากจมน้ำ อีกทั้งต้นไม้ใหญ่ยังหักโค่นขวางถนนสายบ้านสบขุ่น-ดอยติ้ว ชาวบ้าน 6 หมู่บ้านไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งขณะนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลแสนทอง อำเภอท่าวังผา ร่วมกับทหารจากกองพันทหารม้าที่ 10 กำลังเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนและเปิดเส้นทางดังกล่าว

          ขณะที่การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน ขณะนี้กรมชลประทานจะใช้เขื่อนเจ้าพระยาและระบบชลประทานควบคุมและพร่องน้ำ ให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที อาจจะส่งผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำเจ้าพระยาบริเวณ โดยเฉพาะจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตาม ทางกรมชลประทานได้แจ้งให้ทั้งสองจังหวัด เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว
 
 
 
 
 


[7 สิงหาคม] จ.อยุธยา ประกาศเขตภัยพิบัติ 3 อำเภอแล้ว


          อยุธยา ประกาศเขตภัยพิบัติ 3 อำเภอแล้ว ขณะที่ จ.ตาก วอนให้กาชาดเข้าไปช่วยเหลือ

ผู้ว่าฯ อยุธยาประกาศ 3 อำเภอ ภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว

          ผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 3 อำเภอ รวม 34 ตำบล และต้นสัปดาห์หน้า ประกาศเพิ่มอีก 4 อำเภอ หลังน้ำเหนือไหลบ่าจำนวนมาก

            นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยแล้ว 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พระนครศรีอยุธยา, อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 34 ตำบล 173 หมู่บ้าน และในต้นสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศเพิ่มอีก 4 อำเภอ คือ อ.บางบาล ที่ถูกแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยไหลเข้าท่วมชุมชน อ.เสนา ถูกแม่น้ำน้อยไหลเข้าชุมชน อ.ผักไห่ ถูกแม้น้ำน้อยไหลเข้าท่วมชุมชน และ อ.บางปะหัน ที่ ต.บ้านขล้อ - ต.ตาลเอน ที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าคลองบางแก้ว และน้ำจากแม่น้ำป่าสักไหลเข้าปากคลองบางพระครู และทั้งหมดไหลตามลำคลองมาที่ ต.บ้านขล้อ - ต.ตาลเอน


  ฮ.TV3 ลงฉุกเฉิน อ.ฮอด เชียงใหม่ ฝนหนัก


          ล่าสุด มีรายงานว่า เฮลิคอปเตอร์ช่อง 3 ลงจอดฉุกเฉิน ที่โรงเรียนบ้านขุน ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เนื่องจากสภาพอากาศปิด

          ได้รับรายงานด่วนว่า เฮลิคอปเตอร์ของฝูงบินครอบครัวข่าว 3 สกายรีพอร์ต บินจาก จ.เชียงใหม่ มายังพื้นที่ผู้ประสบอุทกภัยของ อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ต้องบินลงจอดฉุกเฉินที่บริเวณสนามโรงเรียนบ้านขุน ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เนื่องจากฝนตกหนัก อากาศปิด นักบินและผู้สื่อข่าวปลอดภัย ขณะที่ชาวบ้านแตกตื่น แห่ดูเฮลิคอปเตอร์เต็มสนามโรงเรียน





ตาก น้ำท่วมยังรุนแรง กาชาดเข้าช่วยเหลือ


         ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ระบุ สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.สามเงา ยังรุนแรง เหล่ากาชาดเร่งจ่ายสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย

         นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน พื้นที่ จ.ตาก ยังรุนแรง โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สามเงา ได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากแม่น้ำวังเอ่อล้นไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ สร้างความเสียหายให้แก่ บ้านเรือน ไร่นา สวนผลไม้ และถนน ทำให้การเดินทางยากลำบาก และในบางส่วนถนนขาด ทำให้เดินทางผ่านไปไม่ได้ ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร บางแหล่งสูง 1 - 2 เมตร เช่น ต.ยกกระบัตร อ.สามเงา ที่บ้านแม่เชียงราย หมู่ 7 เสียหายทั้งหมู่บ้าน กว่า 600 หลังคาเรือน ซึ่งทางจังหวัด ได้เร่งแจกจ่ายถุงทรายไปตามจุดต่างๆ รวม 40,000 ถุง เพื่อทำแนวกันน้ำที่จะเข้าทำลายบ้านเรือน

         พร้อมตั้งจุดบรรเทาทุกข์ โดยแจกจ่ายน้ำดื่ม และยารักษาโรคให้กับผู้เดือดร้อน และจุดตรวจสอบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง นายสามารถ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 8 สิงหาคม 54 เหล่ากาชาดจังหวัดตาก จะนำเครื่องอุปโภค - บริโภค ไปช่วยเหลือราษฎรบ้านแม่สลิด ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง และจะกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม






น้ำเหนือไหลลงสู่พิจิตรแล้ว ท่วมพื้นที่เกษตร 8 หมื่นไร่

           เตือนลำปาง ฝนตกหนักต่อเนื่อง อาจส่งผลดินถล่มได้ ด้านนครพนม ประกาศ 12 อำเภอเสี่ยงภัย คาดเสียหาย 28 ล้านบาท ขณะที่น้ำเหนือไหลลงพิจิตรแล้ว


น้ำท่วมนครพนม คาดเสียหาย 28 ล้าน

         นครพนม ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งหมด 12 อำเภอ ขณะที่น้ำสงครามยังเอ่อท่วม ปภ. คาดความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท

         สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นครพนม ยังมีบางพื้นที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากแม่น้ำโขง ใกล้เคียงจุดวิกฤติ โดยอยู่ที่ 12.30 เมตร ห่างวิกฤติแค่ 15 เซนติเมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาต่าง ๆ ไม่สามารถไหลระบายลงสู่น้ำโขงได้ จึงเอ่อท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน รวมถึงพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ศรีสงคราม ได้มีน้ำไหลมาจากลำน้ำอูน จ.สกลนคร มาสมทบน้ำสงคราม ทำให้น้ำยังไหลเอ่อท่วมเข้าพื้นที่ ต.ท่าบ่อสงคราม กว่า 5 หมู่บ้าน ที่ติดกับลำน้ำสงคราม สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ภายในหมู่บ้านไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องใช้เรือสัญจรไปมา อีกทั้งยังได้รับความเดือดร้อนเรื่องห้องน้ำ ห้องส้วม ไม่สามารถใช้งานได้

         ด้าน นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ประกาศให้นครพนมทั้ง 12 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เกิดอุทกภัย พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือ นำถุงยังชีพออกไปแจกจ่ายช่วยเหลือเบื้องต้น โดยทางด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ได้มีการสรุปค่าความเสียหายเบื้องต้น มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 95 ตำบล 956 หมู่บ้าน เดือดร้อนกว่า 55,000 ครัวเรือน มีพื้นที่การเกษตรคาดว่า จะได้รับความเสียหายประมาณ 1.7 แสนไร่ รวมค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 28 ล้านบาท





  เตือนลำปางดินถล่มจากฝนตกหนัก


          ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี จ.ลำปาง เตือนฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง อาจส่งผลดินถล่มได้ เนื่องจากหน้าดินอุ้มน้ำไว้เป็นจำนวนมาก

          นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากเกิดพายุนกเตน ทำให้ในหลายพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ มีฝนตกหนัก และน้ำป่าไหลหลาก ส่วนฝนที่ตกหนักมานั้นอาจจะทำให้ดินบนภูเขา และดินตามที่ลาดเชิงเขาอุ้มน้ำไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 จ.ลำปาง ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ และยังได้กำชับไปยัง เจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ให้ระมัดระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม และห่วงว่าอาจจะเกิดดินถล่มตามมา โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก ยิ่งจะทำให้เกิดภัยดินถล่มได้ง่าย






 น้ำจากภาคเหนือตอนบนไหลท่วมพิจิตรแล้ว


          น้ำจาก จ.ภาคเหนือตอนบน เริ่มไหลเข้าสู่เขต จ.พิจิตร จนล้นตลิ่งแม่น้ำยมแล้ว ส่งผลเกินน้ำท่วมขังในพื้นที่เกษตรเป็นจำนวนมากกว่า 8 หมื่นไร่

          นายสัขเลข คำใจ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ จ.พิจิตร ที่ในขณะนี้มีน้ำก้อนใหญ่จากภาคเหนือ และ จ.สุโขทัย รวมถึงน้ำจาก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้ไหลลงสู่แม่น้ำยม ขณะนี้น้ำเอ่อล้นตลิ่งแล้ว ทำให้ท้องนาในที่ลุ่มในเขต อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพทะเล นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหาย อีกทั้งบ้านเรือนราษฎรในเขตตำบลรังนก ที่อยู่ริมแม่น้ำยม ก็ถูกน้ำท่วมบ้านเรือนแล้วเป็นจำนวนมาก

          นอกจากนี้พื้นที่ในลุ่มแม่น้ำน่าน น้ำก็เอ่อล้นตลิ่ง ประกอบกับมีฝนตกลงมา ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านได้ จึงทำให้มีนาข้าวเสียหาย โดยสรุปได้รับผลกระทบมากถึง 81,177 ไร่ ราษฎรเดือดร้อนแล้วราว 5,843 ครัวเรือน และทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่ 7 อำเภอ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมด้วยเช่นกัน แต่ยืนยันว่า เส้นทางคมนาคมในถนนเส้นหลัก ก็ยังคงสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ


น้ำท่วม

น้ำท่วมภาคเหนือ

น้ำท่วม





[6 สิงหาคม] น้ำท่วมเหนือยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร
 

          สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือขณะนี้ยังวิกฤต โดยหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังหลายวันแล้ว และการช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ถึง

          ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้สรุปสถานการณ์น้ำท่วม จากพายุนกเตนพัดถล่มภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.ถึง 6 ส.ค.ว่า มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งสิ้น 19 จังหวัด 145 อำเภอ 823 ตำบล 6,504 หมู่บ้าน ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ นครพนม อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร เลย เพชรบูรณ์ และประจวบคีรีขันธ์ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 314,732 ครัวเรือน 1,029,716 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 619,723 ไร่ มีผู้เสียชีวิต 17 คน แยกเป็น จ.อุดรธานี 1 คน เชียงใหม่ 2 คน แพร่ 6 แม่ฮ่องสอน 7 คน และสุโขทัย 1 คน มีผู้สูญหาย 1 คน กับ บาดเจ็บอีก 11 คน

น้ำท่วม อ.แม่พริก บางจุดท่วมถึง 2 เมตร

          ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.แม่พริก ได้ขยายวงกว้างเข้าท่วมพื้นที่ ต.แม่ปุ แล้ว โดยบางจุดมีน้ำท่วมถึง 2 เมตร ส่วนที่โรงเรียนบ้านต้นธงวิทยา ต.แม่ปุ อ.แม่พริก แม่น้ำวังได้ไหลเอ่อล้นทะลักเข้าท่วมโรงเรียน ทำให้น้ำเข้าท่วมอุปกรณ์การเรียน โต๊ะและเก้าอี้ได้รับความเสียหาย รวมทั้งสนามหญ้าก็ถูกน้ำท่วมด้วย ส่วนพื้นที่นาข้าวอีก 4 พันไร่ ในพื้นที่ ต.แม่ปุ ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายมากว่า 4 พันไร่ โดยขณะนี้ระดับน้ำวังยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

          ทางด้านนายสุรพล บุรินทราพันธ์ นายอำเภอแม่พริก และเจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดลำปาง นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านเพื่อแจกจ่ายถุงยังชีพ อาหาร และน้ำดื่ม ให้ชาวบ้านของ อ.แม่พริก เป็นการด่วนแล้ว

  อ.เถิน ยังหนัก เจ้าหน้าที่เร่งเสริมกระสอบทรายกั้นน้ำ

          ในพื้นที่ อ.เถิน จ.ลำปาง น้ำยังคงไหลล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำวัง สูงประมาณ 1 เมตร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลล้อมแรด เร่งขนกระสอบทรายกว่า 3,000 ลูก ทำการอุดรูรางระบายน้ำ เพื่อกั้นน้ำในแม่น้ำวังไหลเอ่อล้นตลิ่ง โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 300 แรงม้า จำนวน 3 เครื่อง ตามพื้นที่ล่อแหลม เพื่อป้องกันกระแสน้ำวัง หนุนสูงไหลทะลักมาตามท่อระบายน้ำเข้าท่วมพื้นที่ชั้นใน ซึ่งเป็นย่านคมนาคมขนส่ง และสถานที่ราชการ

สะพานขาด! ชาวบ้านแม่ตื่นกว่า 10 หมู่บ้าน ถูกตัดขาดโลกภายนอก

          ที่จังหวัดตาก ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินจากภูเขาสไลด์ลงมาปิดเส้นทางหลายแห่ง โดยเฉพาะที่เส้นทางสายแม่สอด-ท่าสองยาง-แม่สะเรียง ขณะที่บ้านแม่สลิดหลวง ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง น้ำป่าได้ซัดทำให้บ้านเรือนเสียหาย 37 หลังคาเรือน รวมทั้งโรงเรียนแม่สลิดหลวงที่ได้รับความเสียหายจนต้องสั่งปิดโรงเรียนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ชาวบ้านกว่า 10 หมู่บ้านใน ต.แม่ตื่น อ.แม่ระมาด ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะสะพานขาด

กรมชลฯ เตือนอ่างทอง-อยุธยา เตรียมรับมือน้ำล้นตลิ่ง

          กรมชลประทานประกาศเตือนชาวบ้านใน จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา เตรียมรับมือน้ำล้นตลิ่ง เนื่องจากปริมาณน้ำยม และน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแม่น้ำทั้งสองสายจะไหลมารวมกันที่จังหวัดนครสวรรค์ และจะไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา

 น้ำเหนือเริ่มทะลักท่วมอ่างทองแล้ว

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เริ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำเหนือ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใน อ.ไชโย อ.เมือง จ.อ่างทอง ซึ่งอยู่ในเส้นทางไหลผ่านของแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกับที่ อ.ป่าโมก ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ก็ได้เกิดน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว โดยบางจุดระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร


ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดต่าง ๆ มีดังนี้

จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำป่าบ้านปู่ทา ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ซึ่งพันเอกสุทัศน์ จารุมณี รักษาราชการผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7  กล่าวว่า การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ต้องนั่งรถยนต์ไปทางอ.ท่าสองยาง จ.ตาก ก่อนถึงจะลงเรือที่ท่าเรือแม่ตะวอ ล่องตามแม่น้ำเมย มุ่งสู่แม่น้ำสาละวิน จนถึงบริเวณปากลำห้วยบ้านปู่ท่า และต้องเดินทางอีก 2 ชั่วโมง เข้าไปยังจุดประสบภัย

         ทั้งนี้มีรายงานระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มในพื้นที่บ้านปู่ทาเพิ่มอีกรายแล้ว รวมผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 7 ราย และมีผู้สูญหายมี 1 ราย

จังหวัดน่าน

        สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชาระวังดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย 7 อำเภอ  10 ตำบล 16 หมู่บ้าน  เนื่องจากวัดปริมาณน้ำสะสมได้มากกว่า 300 มิลลิเมตร ทำให้ดินภูเขาชุ่มน้ำ อาจจะทำให้ดินถล่มลงมาได้


จังหวัดแพร่

       ระดับน้ำยมเริ่มลดลงแล้ว แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านพื้นที่น้ำท่วม ล่าสุดเกิดดินทรุดในพื้นที่ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น ทำให้บ้านเรือนที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำยมเดือดร้อนไปด้วย 3 หลังคาเรือน

จังหวัดตาก

       ฝนยังคงตกต่ออย่างเนื่อง ทำให้เส้นทางสายแม่สอด-ท่าสองยาง-แม่สะเรียง มีดินสไลด์ลงมาปิดเส้นทางหลายแห่ง ขณะที่บ้านแม่สลิดหลวงตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง ที่ถูกน้ำป่าถล่ม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งเข้าไปฟื้นฟู โดยพบว่า บ้านเรือนเสียหาย 37 หลังคาเรือน ทางโรงเรียนแม่สลิดหลวงต้องสั่งปิดอย่างไม่มีกำหนด ล่าสุดสะพานขาดช่วงตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด ทำให้ชาวบ้านกว่า 10 หมู่บ้าน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และยังขาดแคลนเรื่องถุงยังชีพ

จังหวัดพิจิตร

          ปริมาณแม่น้ำยมที่ไหลผ่าน อ.สามง่าม และ อ.โพธิ์ประทับช้าง มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ ต.สามง่าม และ ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม น้ำล้นตลิ่งไหล เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่บ้านรายชะโด ชาวบ้านต้องขนย้ายทรัพย์สินและสิ่งของไปไว้บนชั้นสองของบ้านและบนถนน ทั้งนี้ เทศบาลเมืองพิจิตร เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ตลอดแนวของแม่น้ำในเขตเทศบาล เพื่อเตรียมรับมือกับน้ำเหนือที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง








[5 สิงหาคม] เชียงใหม่ - ลำปาง อ่วม!!! น้ำท่วมเสียหายหนัก

          สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดน่าห่วง  โดยสธ.เผยผู้เสียชีวิตจากมหันตภัย "นกเตน" เพิ่มเป็น 9 ราย ป่วยเฉียดหมื่น สูญหายอีก 6 ขณะที่ "ปภ." ระบุน่าน-หนองคาย น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ 16 จังหวัดยังอ่วม ด้านทหารส่งกำลัง 200 นายเข้าหมู่บ้าน "ปู่ทา" ค้นหาผู้สูญหายจากโคลนถล่ม แต่ต้องเดินทางเพราะมีดินถล่มทับถนนตลอดเส้นทาง "ประยุทธ์" สั่งใช้ยุทโธปกรณ์ช่วยชาวบ้าน กำชับห้ามพังเพราะของแพง

 น้ำก้อนใหญ่ถล่มลำปาง-รับไม่ไหวเสียหายยับ

          น้ำวังเอ่อล้นไหลท่วม บ้านวังสำราญ ต.แม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง กระสอบทรายกั้นน้ำ รับไม่ไหวพังถล่ม ระดับน้ำสูงกว่า 1.50 เมตร  

          วันนี้ (5 กรกฎาคม) เกิดเหตุน้ำวัง เอ่อล้นไหล ทะลักเข้าบ้านวังสำราญ ต.แม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง มีบ้านเรือนราษฎร จำนวน 70 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบแล้ว หลังชาวบ้าน ได้เฝ้าระวังกันมาตลอดทั้งคืน โดยการนำกระสอบทรายมาขวางกั้นลำน้ำวังไว้ แต่น้ำวังก้อนใหญ่ ที่ไหลมาแรง และเชี่ยวกราก ทำให้กระสอบทรายรับน้ำไม่อยู่ กระสอบทรายจึงพัง ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วม บ้านเรือนประชาชน บ้านวังสำราญ ดังกล่าว ระดับน้ำสูงกว่า 1.50 เมตร ซึ่งชาวบ้านได้อพยพ และขนของ เตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งไม่ได้รับความสูญมากเท่าไรนัก มีเพียงบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมเท่านั้น ส่วนพืชผลทางการเกษตร เช่น นาข้าว ไร่ข้าวโพดเสียหายเป็นจำนวนมาก 

          ด้าน นายสุรพล บุรินทราพันธุ์ นายอำเภอแม่พริก และเจ้าหน้าที่ ปภ. ลำปาง นำเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ เข้าช่วยเหลือชาวบ้านของ อ.แม่พริก เป็นการด่วนแล้ว

ปภ.สรุปน้ำท่วม ตายพุ่ง 13 รายแล้ว
 
          นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดจากอิทธิพของพายุ "นกเตน" เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังมี 14 จังหวัด ที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร และประจวบคีรีขันธ์ รวม 92 อำเภอ 491 ตำบล 600 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 125,513 ครัวเรือน 441,316 คน

          ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ประกอบด้วย อุดรธานีเสียชีวิต 1 ราย เชียงใหม่ 2 ราย แม่ฮ่องสอน 7 ราย แพร่ 2 ราย สุโขทัย 1 ราย สูญหาย 1 ราย บาดเจ็บ 11 คน


 น้ำท่วมเชียงใหม่ เสียหายยับ 
 

 

 

น้ำท่วมเชียงใหม่

 


 


          ปภ.เชียงใหม่ เผย 21 อำเภอ เสียหายเป็นวงกว้าง ประชาชนได้รับผลกระทบกว่าสองแสนคน คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 70-80 ล้านบาท

          นายคมสัน สุวรรณอำภา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ กล่าวสรุปสถานการณ์ผลกระทบอุทกภัยของ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม ถึงวันนี้ ว่า เหตุพายุนกเตน ทำให้จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่น้ำท่วม และได้รับความเสียหายทั้งหมด 21 อำเภอ 115 ตำบล 808 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 186,528 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 40,848 ไร่ และมีผู้เสียชีวิต 2 คน มูลค่าความเสียหายไม่ตำกว่า 70-80 ล้านบาท

          ทั้งนี้ แม้ภาพรวมหลายพื้นที่ สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือที่ อ.อมก๋อย ซึ่งมีสะพานขาดหลายแห่ง ทำให้การสัญจรลำบาก เบื้องต้นทางจังหวัด ได้แจกถุงยังชีพ และกระสอบทรายรวมทั้งการระดมสูบน้ำ ส่วนกรณีที่ผู้เสียชีวิต 1 รายที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต.ยางเปียง อ.อมก๋อย ทางการจะได้ดูและเรื่องการฌาปนกิจศพ และครอบครัวอย่างเต็มที่

 อยุธยา กังวลน้ำมาก เฝ้าระวังโบราณสถาน 

          
ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรอยุธยา เผย กังวลปริมาณน้ำมีมากใน 4-5 วันนี้ เฝ้าระวังโบราณสถานสำคัญเต็มที่

          นายสุพจน์ พรหมมาโนช ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า มีความกังวลกับปริมาณน้ำที่จะไหลมาสมทบในอีก 4 – 5 วันข้างหน้า ในพื้นที่โบราณสถานสำคัญ เพราะทราบว่าหากถึงวันนี้จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นจากนี้ประมาณ 1 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำ ในระดับน้ำจะล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และวัดที่อยู่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างแน่นอน ซึ่ง 3 จุดใหญ่ คือ วัดไชยวัฒนาราม วัดธรรมาราม และโบราณสถานป้อมเพชร อยู่ในจุดเสี่ยง ที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา มีการเตรียมการป้องกันน้ำท่วมอย่างดี แต่ยังเกิดน้ำท่วมในพื้นที่โบราณสถานป้อมเพชรได้

          ส่วนที่พระตำหนักสิริยาลัย ฝั่งตรงข้ามวัดไชยวัฒนารามนั้น ผู้รับเหมาทำเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ได้ติดตั้งบานเหล็กแบบน็อคดาวน์ป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว หลังจากที่มีการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้รับกับแรงดัน และปริมาณน้ำได้ดี ส่วนบริเวณด้านทิศใต้ มีการเร่งทำแนวเขื่อนปูน ป้องกันน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้การดำเนินการผ่านไปแล้วกว่าร้อยละ 85 ซึ่งเขื่อนทั้ง 2 แบบ นี้ จะรองรับปัญหาน้ำท่วมได้อย่างดี

 เซ่นมหันตภัยนกเตน 9 ศพ 16 จังหวัดยังอ่วม
 

 

 


 


 

           นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตนจนถึงวันที่ 4 ส.ค. ว่า ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. แม้ปัจจุบันภาวะฝนตกจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตนคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน 16 จังหวัด 105 อำเภอ 542 ตำบล 3,889 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 125,513 ครัวเรือน 441,316 คน  บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 29,510 ไร่ ถนน 264 สาย


          นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิต 7 คน (อุดรธานี 1 ราย, เชียงใหม่ 2 ราย, แม่ฮ่องสอน 3 ราย, แพร่ 1 ราย) ผู้สูญหาย 4 คน ผู้บาดเจ็บ 12 คน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่านและหนองคาย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 14 จังหวัด 92 อำเภอ 491 ตำบล 3,600 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 125,513 ครัวเรือน 441,316 คน  ได้แก่ จังหวัดแพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร และประจวบคีรีขันธ์ 

          นายวิบูลย์ กล่าวว่า เบื้องต้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจัดสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน รวมถึงสนับสนุนเครื่องจักรกล เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุกน้ำออกให้บริการในพื้นที่ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง 

          ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ดินโคลนถล่มสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ปภ.จะประสานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วนต่อไป

          
วันเดียวกัน ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 รักษาราชการผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ได้ปล่อยแถวกำลังชุดปฏิบัติการ 200 นาย เพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านปู่ทา หมู่ที่ 6 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่เช้า หลังจากที่ได้เกิดดินถล่มทับบ้านเรือนราษฎร จำนวน 10 หลังคา และมีราษฎรเสียชีวิต 3 ราย สูญหายอีก 4 ราย และบาดเจ็บอีก 12 ราย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.
 

          พ.อ.สุทัศน์ กล่าวว่า ชุดปฏิบัติการทั้ง 200 นาย จะต้องเดินเท้าลัดเลาะตามสันเขาไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง เพราะเส้นทางรถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากมีดินถล่มลงมาทับถนนตลอดเส้นทางสายแม่สะเรียง-แม่สามแลบ และเมื่อเข้าถึงพื้นที่ จะต้องรีบค้นหาผู้สูญหายอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าฝนจะตกลงมาซ้ำอีก ทำให้การค้นหาผู้สูญหายไปเป็นด้วยความลำบาก อีกทั้งผู้บาดเจ็บ 12 รายก็กำลังรอการรักษาพยาบาล

          ส่วนราษฎรที่เสียชีวิตทหารพรานที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุสามารถนำศพขึ้นมาจากลำห้วยได้แล้ว โดยให้ญาติไปดำเนินการตามประเพณี

          สำหรับหมู่บ้านปู่ทา หมู่ที่ 6 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย มีบ้านเรือนราษฎรอาศัยอยู่ประมาณ 59 หลังคาเรือน และถูกดินถล่มทับเสียหาย 10 หลังคาเรือน


          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)  กล่าวถึงยุทโธปกรณ์ของกองทัพที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า ได้สั่งการในการใช้ยุทโธปกรณ์หรือกำลังพลให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ต้องปฏิบัติบำรุงรักษา ซึ่งได้ย้ำเสมอว่าน้ำท่วมเกิดอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นทุกคนต้องมีความพร้อม ไม่ใช่ว่าเครื่องมือใช้กันจนพังแล้วซ่อม ต้องซ่อมบำรุงตามระยะเวลา

          "เหมือนกับรถเมื่อขับเสร็จ พลขับต้องไปดูแลสภาพรถ ถ้าทำไม่ดีพลขับต้องถูกขัง เพราะทำให้รถพัง ซึ่งทรัพยากรของกองทัพบกราคาแพง ไม่ใช่ดูแลรถ บ้าน ตัวเองเรียบร้อย แต่รถทางราชการเสียหาย ผมจะโกรธเพราะผมรักรถ รักยุทโธปกรณ์ ซึ่งของต่าง ๆ เหล่านี้กว่าจะซื้อมาได้ใช้เวลานาน งบประมาณสูง กองทัพบกถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก เพราะฉะนั้นคนใช้ต้องรักษาให้ดี ให้คุ้มค่ากับที่ผู้บังคับบัญชาเอาหน้าตาออกมา ต่อจากนี้ผมจะสอบสวนว่ามีการดูแลยุทโธปกรณ์ดีหรือไม่ รวมทั้งประสิทธิภาพของกำลังพล ฉะนั้นผู้บังคับหน่วยผู้บังคับกองพันต้องรับผิดชอบ"


          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเส้นทางที่ถูกกระแสน้ำตัดขาดต้องใช้เรือไปก่อน พร้อมจะระดมเครื่องมือต่าง ๆ และประสานไปยังกองทัพไทยให้ช่วยกันซ่อมแซมถนนให้สามารถใช้การได้ ในขั้นต้นเราจะบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนไปก่อน


 

 



          นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการติดตามของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข (วอร์รูม สธ.) กรณีปัญหาน้ำท่วมว่า ขณะนี้มีรายงานจากพื้นที่พบผู้เสียชีวิตรวม 9 ราย แบ่งเป็น ชาว จ.เชียงใหม่ 2 ราย,  แม่ฮ่องสอน 3 ราย, สุโขทัย สกลนคร แพร่ และอุดรธานี จังหวัดละ 1 ราย โดยสาเหตุเกิดจากการจมน้ำ ไฟดูด และดินถล่ม ขณะที่ตัวเลขผู้สูญหายรวม 6 ราย ใน จ.แพร่ แม่ฮ่องสอน และสกลนคร

          นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือจากส่วนกลางนั้น ยังคงเน้นที่การบริการกระจายยาที่จำเป็นรวม 79,000 ชุด แบ่งเป็น ยาชุดน้ำกัดเท้า 10,000 ชุด, ยาตำราหลวง 2,000 ชุด, ยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย 67,000 ชุด ขณะเดียวกันได้มอบหมายองค์การเภสัชกรรม (อภ.) มีการสำรองยาไว้แจกจ่ายอีก 250,000 ชุด อย่างไรก็ตาม สธ.ยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเฝ้าระวังและติดตามปัญหาติดน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และ พิจิตร เนื่องจากอาจรับน้ำที่ทะลักต่อจาก จ.น่าน ขณะที่พื้นที่อื่นซึ่งจำเป็นต้องเฝ้าระวังดินถล่ม ได้แก่ จ.อุตรดิตถ์ จ.น่าน จ.แพร่ และ จ.พิษณุโลก

          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. กล่าวว่า ผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จนถึงวันนี้ พบผู้ป่วย 7,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า ไข้หวัด ผื่นคัน มีบาดแผล ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ายามีเพียงพอ หากประชาชนรายใดที่เจ็บป่วยและเดินทางออกมาไม่ได้ ขอให้โทร.แจ้งทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ 1669 กระทรวงสาธารณสุขจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเป็นการด่วน



 




 


[4 สิงหาคม] ดินถล่มสบเมย ตาย 3 หายอีก 4 มาร์ค เร่งช่วย

          นกเตนไปแล้ว แต่น้ำยังท่วม 15 จังหวัด เดือดร้อนกว่า 4หมื่นครัวเรือน "สุโขทัย" อ่วมสุด น้ำสูงเกือบ 2 เมตร แถมไฟชอร์ตตาย 1 ส่วนแพร่แย่ไม่แพ้กัน ดับ 4 หาย 1 แม่ฮ่องสอนวิกฤติดินถล่มซ้ำ ตาย 3หาย 4 เจ็บอีก 12 นายกฯ ถกคอนเฟอเรนซ์ทุกหน่วยเร่งช่วย เตรียมงบเยียวยาจังหวัดละ 50 ล้าน

          เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เรื่องการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอันเนื่องมาจากพายุนกเตนในพื้นที่ จ.สุโขทัย

          นายจักรินกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สุโขทัย ได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะ อ.ศรีสำโรง อ.เมืองสุโขทัย และ อ.กงไกรลาศ ซึ่งมีปริมาณน้ำเกินจุดวิกฤติ โดยปริมาณน้ำที่เข้ามาที่ อ.สวรรคโลก มีปริมาณน้ำ 1,900 ลบ.ม.ต่อวินาที และคาดว่าปริมาณน้ำจาก จ.แพร่ จะลงมาที่ จ.สุโขทัย ประมาณวันที่ 5 ส.ค. 

          นายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่หนักสุดอยู่ที่ จ.สุโขทัย ที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ซึ่งพยายามป้องกันในพื้นที่เศรษฐกิจ ดังนั้นที่ได้รับผลกระทบขณะนี้ก็จะเป็นพื้นที่การเกษตรเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จากสภาพฝนที่ยังตกและน้ำที่มาตามลำน้ำยมและลำน้ำน่าน ก็จะมีผลกระทบที่จะต้องให้ทาง จ.พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ต้องระมัดระวังต่อไป ส่วนในภาคอีสานจะต้องดูในแง่ของระดับน้ำในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีตลิ่งต่ำอย่างมุกดาหาร ซึ่งต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อีก 3 - 4 วัน


 

 



          เมื่อถามว่า จะลงพื้นที่ไปดูปัญหาด้วยตัวเองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังดูเวลาอยู่ เพราะมีภารกิจอยู่ ทั้งประชุมสภาและประชุมพรรคในช่วง 2-3 วันนี้ พื้นที่ไหนที่มีความเสี่ยงก็มีการเตือนตลอด และวันนี้ก็มีการซักซ้อมทำความเข้าใจกัน จะระดมความช่วยเหลือเฉพาะหน้า และพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้กระทบเป็นวงกว้างกับชุมชน ที่อยู่อาศัยและพื้นที่เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดงบประมาณช่วยเพิ่มเติม เพราะเงินสำรองที่ทางจังหวัดมีอยู่ก็น่าจะเพียงพอ

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณให้ทุกจังหวัด จังหวัดละ 50 ล้านบาท หากงบประมาณไม่เพียงพอจะประสานงานไปยัง ปภ.

          นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดี ปภ. แถลงว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตนที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. แม้ขณะนี้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ก็ยังส่งผลให้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม รวม 16  จังหวัด ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย น่าน  ลำพูน  ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครพนม อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และประจวบคีรีขันธ์ 105 อำเภอ 542 ตำบล 3,889 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 125,000  ครัวเรือน 441,000 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 29,510 ไร่ มีผู้เสียชีวิต 7 ราย (จ.อุดรธานี 1 ราย จ.เชียงใหม่ 2 ราย จ.แม่ฮ่องสอน 3 ราย จ.แพร่ 1 ราย) สูญหาย 4 คน และบาดเจ็บ 12 คน (จ.แม่ฮ่องสอน สาเหตุจากดินโคลนถล่ม) 

          ทั้งนี้ ขอประกาศเตือนประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและที่ราบลุ่ม รวม 12 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เลย และหนองบัวลำภู เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก เนื่องจากพายุเคลื่อนตัวผ่าน อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ช่วงวันที่ 3-4 ส.ค.นี้

          นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานสรุปข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุนกเตน พบว่ามีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 80 โรง และปิดเรียน 27 โรง ซึ่งเบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)จะมอบเงินช่วยเหลือเร่งด่วนให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไปก่อนเขตละ 200,000 บาท

          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดเร่งจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้การดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดที่มากับน้ำท่วม เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคฉี่หนู จนถึงวันนี้ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการไปแล้ว 60 ทีม พบผู้เจ็บป่วยกว่า 5,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า

          นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า คาดการณ์ว่าจะมียอดน้ำสูงสุดไหลถึงเขื่อนเจ้าพระยาประมาณ 2,500 ลบ.ม./วินาที ในวันที่ 6-7 ส.ค.นี้ ทางกรมชลประทานจึงประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล จากเดิมวันละ 30 ล้าน ลบ.ม./วัน ให้เหลือ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน รวมทั้งควบคุมน้ำเข้าระบบชลประทานที่ได้ทำการพร่องน้ำไว้แล้ว และควบคุมน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที เพื่อไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและ กทม.

          นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์  หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นและค่ำวันที่ 3 ส.ค.นี้ การรถไฟฯสามารถเดินรถในเส้นทางสายเหนือ รับ-ส่งจากสถานีกรุงเทพฯ ตลอดปลายทางถึงเชียงใหม่ได้แล้ว


 



 


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหลายพื้นที่ใน จ.สุโขทัย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสวรรคโลก เพราะมีน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร รวมทั้งที่ ต.ย่านยาว ต.คลองกระจง ต.เมืองบางยม อ.สวรรคโลก ก็มีน้ำท่วมหมู่บ้านสูงเกือบ 2 เมตร นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ทราบชื่อนายอำนาจ ทองยัง อายุ 35 ปี ถูกไฟดูดตายคาบ้าน ขณะกำลังเร่งขนของหนีน้ำเมื่อคืนที่ผ่านมา

          ส่วนจุดวิกฤติที่ อ.ศรีสำโรง อยู่ที่หมู่ 3, 4 และหมู่ 6 ต.วังทอง ชาวบ้าน 650 ครัวเรือน เดือดร้อนหนัก ไฟฟ้าน้ำประปาถูกตัดขาด และมีเสาไฟหลายจุดโค่นลงแม่น้ำยม รวมทั้งมีบ้านพัง 3 หลัง ขณะนี้ชาวบ้านขาดน้ำดื่มจำนวนมาก ต้องการความช่วยเหลือด่วน

          ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองแพร่ยังคงวิกฤติ ถึงแม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลง แต่ลงอย่างช้าๆ ระดับน้ำยังคงสูงกว่า 2 เมตร และที่ อ.วังชิ้น ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำที่เขตเทศบาลเมืองแพร่ที่ลดลงไหลบ่าไปสู่อำเภอวังชิ้นแทน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตใน อ.วังชิ้นแล้ว 2 ราย คือ นายธัชพล ศรแก้ว อายุ 16 ปี ที่เสียชีวิตจากลื่นตกน้ำขณะเดินทางไปกับบิดาเพื่อดูบ้านตนเองที่ถูกน้ำท่วม และนายวิเชียร ก้านเงิน อายุ 56 ปี ออกไปหาปลาแล้วเรือล่มเสียชีวิต และยังมีผู้สูญหายอีก 1 ราย ขณะเดียวกันที่ อ.สูงเม่น มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสุบิน สุนันทพงษ์ อายุ 45 ปี และที่ อ.ร้องกวาง 1 ราย คือ นายมัย อิสี อายุ 60 ปี ออกไปหาปลาถูกน้ำพัดลงท่อจนเสียชีวิต

          ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เวลา 06.00 น. ได้เกิดเหตุดินโคลนถล่มในหมู่บ้านปู่ทา หมู่ที่ 6 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ส่งผลให้มีราษฎรเสียชีวิต 3 ราย เป็นหญิงชรา 1 ราย และเด็ก 2 ราย และมีผู้สูญหายอีก 4 ราย รวมทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 12 ราย นอกจากนี้ที่หมู่บ้านแม่สามแลบ หมู่ที่ 1 มีบ้านเรือนถูกน้ำพัดพาสูญหายไปอีก 11 หลังคาเรือน และในพื้นที่บ้านแม่คะตวน บ้านแม่สวด น้ำป่าไหลหลากส่งผลให้ถนนสายสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กับ อ.แม่สวด จ.ตาก ถนนชำรุดไม่สามารถใช้การได้

 
 

 

 
ดินถล่มสบเมย ตาย 3 หายอีก 4 รัฐเร่งช่วย
 

 
ดินถล่มสบเมย ตาย 3 หายอีก 4 รัฐเร่งช่วย
 

 
          สำหรับสภาพอากาศในช่วง 1 - 2 วันข้างหน้านี้ นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า อาจมีฝนตกในภาคใต้ ส่วนข่าวลือเรื่องที่จะมีพายุ 10 -20 ลูก พัดผ่านประเทศไทย ในช่วงเดือนกันยายนนั้น คาดว่า จะมีพายุเพียง 1 ลูกเท่านั้น เมื่อดูจากสถิติ 52 ปี ของพายุที่พัดเข้ามาในไทยในช่วงเวลาดังกล่าว ในช่วงเดือนกันยายน ตามที่เป็นข่าว หากจะมีจริง ก็มีเพียง 1 ลูกเท่านั้น ซึ่งเป็นสถิติ 52 ปี ของพายุที่พัดเข้าไทยในช่วงนี้

 
          ด้าน นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย ถึงสถานการณ์น้ำท่วมจากผลกระทบของพายุนกเตนว่า ในพื้นที่ 17 จังหวัดที่ประสบภัยนั้น พบว่า มีผู้ป่วย 7,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า ไข้หวัด และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย โดยในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งยาชุดน้ำท่วม 10,000 ชุด ไปให้จังหวัดแพร่และลำปาง จังหวัดละ 5,000 ชุด และสั่งการให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตยาชุดน้ำท่วมเพิ่มอีก 300,000 ชุด รวมที่ส่วนกลางมียาสำรอง 500,000 ชุด พร้อมจัดส่งให้จังหวัดอย่างเต็มที่ และหากประชาชนรายใดที่เจ็บป่วยและเดินทางออกมาไม่ได้ขอให้โทรแจ้งทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ 1669 กระทรวงสาธารณสุข จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเป็นการด่วน
 

ดินถล่มสบเมย ตาย 3 หายอีก 4 รัฐเร่งช่วย

ดินถล่มสบเมย ตาย 3 หายอีก 4 รัฐเร่งช่วย

 

 
สถานการณ์อุทกภัยในแต่ละจังหวัด
 

 
 จังหวัดตาก
 

 
          หลังจากที่มีน้ำป่าจากเทือกเขา ทั้งในพื้นที่ อำเภออมก๋อย และ อำเภอบ้านตาก ได้ไหลทะลักลงแม่น้ำแม่ตื่น ประกอบกับกระแสน้ำป่า ได้พัดพาต้นไม้ และต้นซุงขนาดใหญ่จำนวนมากมาด้วย ทำให้ท่อนซุงจำนวนมาก ไหลไปชนตอม่อสะพานแม่ตื่น ที่เชื่อมฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ของ ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก จนสะพานพังครืนลงมา ทำให้ประชาชนทั้งสองฝั่ง ไม่สามารถข้ามไปมาได้ ซึ่งฝั่งตรงข้ามมีหมู่บ้านกว่า 10 หมู่บ้าน ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เร่งเข้าไปให้ช่วยเหลือแล้ว
 

 
 จังหวัดเลย
 

 
          สภาพน้ำท่วมในจังหวัดเลย หลังจากที่ฝนหยุดตกมาแล้ว 2 วัน ทำให้บางอำเภอเริ่มกลับเข้าภาวะปกติ และพื้นที่หลายแห่งที่น้ำท่วมเริ่มลดลงแล้ว ได้แก่ อำเภอเชียงคาน อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูเรือ  และอำเภอนาแห้ว ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เร่งระดมตรวจสอบความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเลย
 
 จังหวัดลำปาง
 

          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดลำปาง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลลำปาง เริ่มคลี่คลาย หลังจาก เทศบาล ใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำวังในหลายจุด พร้อมกันนี้ ได้มีประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อำเภอเถิน และ อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง เฝ้าระวังระดับน้ำจากลำน้ำวัง เนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำวังยังคงมีระดับสูงและไหลเชี่ยวกรากอยู่

 จังหวัดลำพูน


          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดลำพูน พบว่า มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนัก 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอลี้ อำเภอบ้านธิ ประกอบกับในพื้นที่ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกวง, น้ำลี้ ยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง จนน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน วัด โรงเรียน หลายแห่ง ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมต้องปิดการจราจร และหากฝนยังคงตกติดต่อกันและมีน้ำเหนือไหลเข้ามาสมทบ มีโอกาสที่ระดับน้ำจะเข้าท่วมตัวเมืองลำพูน บริเวณถนนหน้าศาลากลางจังหวัดได้

 
 
 จังหวัดสุโขทัย
 

 
          นายปรีชา ด้วงบุญมา หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุโขทัย ได้ออกประกาศเตือนประชาชน ในพื้นที่ อำเภอศรีสัชนาลัย และอำเภอสวรรคโลก เตรียมรับมือน้ำระลอกใหม่ที่จะไหลลงมาสมทบ ในวันพรุ่งนี้ (5 สิงหาคม) พร้อมขอให้ทุกภาคส่วน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่เสียหายนั้น ทางจังหวัดสุโขทัยได้ใช้เงินสำรองจ่ายเยียวยาเบื้องต้นแล้ว

 
 จังหวัดอุดรธานี
 

 
          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอุดรธานี ขณะนี้ ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นพบว่า มี 5 อำเภอ 17 ตำบล 500 หมู่บ้าน ที่ได้รับความเสียหาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 20,702 ครอบครัว ซึ่งขณะนี้ ทุกภาคส่วนได้เข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว ทั้งเรื่องเครื่องอุปโภคและบริโภค
 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
            


          
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สธ. เผย พิษนกเตน ตาย 26 ป่วย 1.5 หมื่นคน อัปเดตล่าสุด 11 สิงหาคม 2554 เวลา 08:49:52 85,776 อ่าน
TOP
x close