เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย TheGuardianAngle1
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง อย่าง "ปู วาสนา เขียวราชา" หลังจากสามีของเธอตัดสินใจถอยห่างจากครอบครัวไป ก็ทำให้ "แม่ปู" กลายเป็น "แม่" ที่มีหัวใจกล้าแกร่งดุจหินผา และพร้อมจะเป็นเสาหลักให้ลูก ๆ ทั้ง 3 คน ได้ดำเนินชีวิตต่อไป แม้ว่า "แม่ปู" จะต้องเลี้ยงลูก ๆ ทั้ง 3 คน เพียงลำพัง...
ด้วยฐานะลูกจ้างชั่วคราวของสถานีอนามัยแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก แน่นอนว่ามันไม่ได้สร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูลูก ๆ ทั้งสามชีวิต รวมทั้งพ่อและแม่ของเธอ ซึ่งป่วยเป็นโรคสารพัด ซ้ำร้ายกว่านั้น ลูก ๆ ทั้ง 3 คนของเธอยังไม่ปกติเหมือนเด็ก ๆ คนอื่นเขา และต้องใช้เงินค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล
อย่างเช่น "น้องวา" ลูกชายคนเล็กวัย 3 ขวบ ที่เป็นเด็กออทิสติก และมีอารมณ์เกรี้ยวกราดฉุนเฉียวอย่างรุนแรงทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ดั่งใจ และเมื่อไม่นานมานี้ แพทย์ยังตรวจพบว่า "น้องวา" ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกโรค ซึ่งจะทำให้ในอนาคตกล้ามเนื้อแขน ขา ค่อย ๆ ลีบเล็กลง
ขณะที่ลูกสาวคนรอง "น้องโม" วัย 5 ปี ดูจะมีอาการหนักกว่าใครเพื่อน นอกจากป่วยเป็นออทิสติกไม่ต่างจากน้องชายแล้ว "น้องโม" ยังป่วยเป็นโรคภาวะปิดกั้นการนำไฟฟ้าในหัวใจชนิดรุนแรง ซึ่งโรคนี้จะทำให้หัวใจเต้นช้ากว่าคนทั่วไป และหัวใจทำงานได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น ทำให้ทุกวันนี้ ชีวิตของ "น้องโม" สามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยแบตเตอรี่ที่ถูกฝังในร่างกาย และหากเมื่อใดที่แบตหมด นั่นหมายความว่า ผู้เป็นแม่ต้องหาเงินหลักแสนไว้ใช้เปลี่ยนแบตเตอรี่ เพื่อต่อชีวิตให้ลูกสาว
ส่วนลูกสาวคนโต "น้องพรีม" ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว จะเห็นได้ว่า เธอเป็นเด็กหญิงที่แข็งแรงกว่าน้อง ๆ ทั้งสองคน แต่หากมองเข้าไปลึก ๆ จะเห็นได้ชัดเจนว่า สภาพภายในจิตใจของ "น้องพรีม" บอบช้ำจากประสบการณ์ที่เคยพบเห็นมาในอดีต จนทำให้เธอเป็นเด็กที่มีอาการหวาดระแวง เก็บกด และไม่อยากสุงสิงกับคนภายนอก
เมื่อลูก ๆ ทั้งสามคน ป่วยด้วยอาการที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ภาระหนักอึ้งทุกอย่างจึงตกมาอยู่กับ "แม่ปู" ซึ่งต้องออกไปหารายได้เสริม ด้วยการทำงานทุกอย่างที่พอจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้ตั้งแต่เช้าจรดดึก ไม่ว่าจะเป็นการออกไปซื้อของให้แม่ขายที่บ้าน ขับรถซาเล้งไปรับซื้อของเก่า และออกไปขายของที่ตลาดนัดในตอนเย็น ซึ่งก็พอมีรายได้เสริมอยู่บ้าง แต่บางครั้ง ก็ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลให้ลูก ๆ เธอจึงต้องไปกู้เงินมาใช้จ่าย จนเป็นหนี้ เป็นสิน
"บางทีก็เหนื่อย ทำมากมาย แต่ก็ต้องทำ เพราะคนต้องกินทุกวัน หากไม่ทำก็ไม่มีกิน ลูก ๆ ก็มาช่วย เราก็บอกแกว่า ทำแล้วจะได้มีตังค์ไว้กินขนม เราก็บอกเขาว่า มันต้องทำงานนะ ลำบากนะ กว่าจะได้มา" แม่ปูบอก
เมื่อถามถึง "พ่อ" ของเด็ก ๆ ทั้งสามคน "แม่ปู" ก็บอกว่า พ่อของเด็กหันหลังให้ครอบครัวไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว โดยตลอดเวลา เขามักจะพูดเสมอว่า ทำงานได้เงินมาเท่าไหร่ก็ไม่มีเหลือ เพราะต้องใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลลูก ๆ จนหมด จึงไม่อยากแบกรับภาระอีก หนำซ้ำยังไม่อยากให้เธอดันทุรังต่อไปเช่นกัน
"ไม่ได้เสียใจที่เขาไปมีแฟนใหม่ แต่น้อยใจที่เด็ก ๆ ก็เป็นลูกของเขา ทำไมเขาไม่ช่วยกันดูแล ไม่ทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อบ้าง ทำไมเขาไม่ทำ..." แม่ปู ตัดพ้ออย่างน้อยใจ
ทุกวันนี้ "แม่ปู" ห่วงอาการของ "น้องโม" มากที่สุด เธอจึงพาลูกสาวคนนี้ออกไปทำงานข้างนอกด้วยเสมอ เนื่องจากอาการป่วยที่หัวใจของ "น้องโม" ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะแม้แต่แพทย์ก็ยังบอกไม่ได้ว่า หนูน้อยวัย 5 ขวบเศษคนนี้ จะมีชีวิตอยู่ดูโลกใบนี้ได้อีกนานแค่ไหน แต่แม่ปูก็ยังหวังลึก ๆ ไว้ในใจว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ วิวัฒนาการทางการแพทย์อาจจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถรักษาลูกสาวของเธอให้หายจากโรคนี้ได้
"บางครั้งก็ท้อ บางครั้งก็เครียด เคยมีเหมือนกันที่แวบขึ้นมาว่า อยากจะตายให้หมดทุกคน ทั้งตัวเอง และลูก แต่มีอยู่ครั้งนี้ที่ น้องโม ป่วยเป็นไข้สูง แล้วแกพูดขึ้นมาว่า แกไม่อยากตาย คำนี้คำเดียวเลย ทำให้เราคิดว่า ใครเขาก็รักชีวิตเขาทั้งนั้น แล้วเราเป็นแม่ เราจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร หน้าที่ของแม่คืออะไร เราผ่านเรื่องร้าย ๆ มามากมายแล้ว ทำไมเราจะทนเรื่องแค่นี้ไม่ได้ พวกเขาคือกำลังใจหนึ่งของเรา ถ้าไม่มีเขาเราก็อยู่ไม่ได้" แม่ปู ระบายความอัดอั้นตันใจ
แม่ปู บอกว่า น้องโม เคยอาการทรุดจนหยุดหายใจไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังโชคดีที่ "น้องโม" สามารถกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้ เธอจึงต้องเฝ้าดูแลเอาใจใส่ลูกสาวคนนี้ทุกลมหายใจ เพราะกลัวว่าวันใดวันหนึ่งเธอจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนั้นอีก แล้วต้องมานั่งเสียใจว่า เพราะวันนั้นไม่ดูแลลูกให้ดี จึงยอมเหนื่อยดีกว่าที่จะเอาชีวิตลูกมาแลก
อย่างไรก็ตาม เพราะความที่ "แม่ปู" ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคนทั้งครอบครัว พร้อมกับการทำหน้าที่พ่อกับแม่ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้เธอละเลยการพักผ่อน จนประสบปัญหาสุขภาพ ซ้ำยังป่วยเป็นโรคนิ่วในไตด้วย โดยคุณหมอก็ได้แนะนำให้แม่ปูดูแลตัวเองให้มาก ๆ เพราะหากแม่ไม่ดูแลตัวเองดี ๆ ก็จะไม่สามารถดูแลลูก ๆ ได้ ซึ่งแม่ปูก็หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพราะกลัวว่า หากเธอเป็นอะไรไป หรือล้มไปสักคน สี่ห้าชีวิตที่เหลือในครอบครัวคงไม่เหลือ
"ถามว่าห่วงตัวเองไหม ก็ห่วงนะ แต่ตอนนี้ได้แต่หวังว่า ให้ลูก ๆ สามารถอยู่ร่วมกันกับคนอื่นในสังคมได้อย่างปกติก็พอแล้ว ถามว่าอยากให้เขาเป็นอะไรไหม เราไม่คาดหวังตรงนั้นอยู่แล้ว แต่ขอให้เขาใช้ชีวิตกับคนปกติได้ ให้เขามีความสุข อยู่ดี ไม่ต้องเจ็บป่วย ก็พอใจแล้ว" แม่ปู ทิ้งท้ายด้วยความหวัง
ไม่ว่าจะทุกข์ยาก เหนื่อยหนักสักแค่ไหน แต่สัญชาติญาณความเป็นแม่ของ "ปู วาสนา" ก็เป็นแรงผลักดันให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคได้ทุกอย่าง ซ้ำยังทำหน้าที่แม่ผู้ให้ความรัก และความอบอุ่นกับลูก ๆ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงที่หัวใจเปี่ยมล้นด้วยคำว่า "แม่"
สำหรับใครที่ได้ติดตามเรื่องราวของ "แม่ปู" แล้วอยากจะช่วยเหลือ ก็สามารถติดต่อไปยัง รายการคนค้นฅน หรือร่วมแบ่งปันน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาริมปิง เลขที่บัญชี 785-010-406-4 ชื่อบัญชี วาสนา เขียวราชา เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณแม่หัวใจเพชรคนนี้ค่ะ
คนค้นฅน ปู วาสนา แม่หัวใจเพชร ตอนที่ 1
คนค้นฅน ปู วาสนา แม่หัวใจเพชร ตอนที่ 2
คนค้นฅน ปู วาสนา แม่หัวใจเพชร ตอนที่ 3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ทีวีบูรพา