น้ำตานาเช่า...ของชาวนาผู้ (ยังไม่) สิ้นหวัง









เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

             เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ "อาภากร พรหมศาสตร์" หนุ่มใหญ่วัย 45 ปี ยืนหยัดทำหน้าที่ "หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน" บนผืนนาเช่ากว่า 40 ไร่ ณ บ้านโคกแดง ต.โคกตูม อ.หนองแค จ.สระบุรี แต่แล้ววันนี้...กลับเกิดจุดเปลี่ยนบางอย่างขึ้นในชีวิต ซึ่งมันสั่นคลอนต่ออาชีพกระดูกสันหลังของชาติที่เขารักและหวงแหน

             นั่นก็เพราะท้องนาที่เคยออกรวงเขียวชอุ่มไปทั่วผืนดินบ้านโคกแดง ณ วันนี้ กลับมีแผ่นสังกะสีสีเขียวกั้นอาณาเขตรุกคืบเข้ามา พร้อม ๆ กับรถแบ็กโฮลของนายทุนที่เข้ามาเหยียบย่ำเมล็ดข้าวที่ชาวนาเพิ่งจะหว่านไปเมื่อไม่กี่วัน และป้ายประกาศ "เขตก่อสร้าง" ที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้า

             "เพิ่งหว่านข้าวไป ผู้รับเหมาเขาก็เอารถแบ็กโฮลมาขุด ชาวบ้านก็เข้าไปบอกว่า ทำไม่ได้นะ เพิ่งหว่านข้าว แต่เขาก็บอกว่านี่มันที่ของเขา เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เสียใจ เพราะเราเป็นแค่ชาวนามีแค่มือเปล่าจะไปทำอะไรได้" อาภากร บอกอย่างตัดพ้อ

             และสาเหตุที่ทำให้อาภากร ต้องเสียผืนนา ซึ่งเป็นทั้งบ้าน ที่ทำกิน และความทรงจำทั้งหมดในชีวิต ก็มาจากการที่เจ้าของผืนนาที่ครอบครัวของอาภากรเช่าต่อกันมานับสิบ ๆ ปี ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า บอกขายที่นาผืนนี้ให้ผู้อื่นไป โดยที่ไม่ได้มาบอกพวกเขาว่าได้ขายให้ผู้อื่นไปแล้ว จนเมื่อเห็นผู้รับเหมานำรถมาขุดที่นา ชาวบ้านจึงได้รู้....

             "ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอปัญหาแบบนี้ จะมาโดนไล่แบบนี้ เพราะชีวิตมันอยู่กับนามาตลอด คิดว่าคงจะตายอยู่กับนานี่แหละ เพราะคงทำนาจนกระทั่งตาย แต่ตอนนี้ใจคิดแต่ว่า มันไม่มีนาทำแล้ว ก็คิดอยู่ว่าจะไปทำอะไรกิน...เสียใจ และเสียดาย นาข้าวเขียว ๆ ที่เดินดูตั้งแต่เช้าจรดเย็น เราก็พูดคุยกับนา มีความสุขไปวัน ๆ ใครจะว่าบ้าก็ช่าง แต่ตอนนี้เห็นสภาพก็ไม่อยากจะมองแล้ว เพราะมันไม่มีข้าวแล้ว..."

             แม้อาภากรจะดูสิ้นหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่เขาก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อเขาได้ไปยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรตำบล (คชก.ตำบล) เพื่อขอให้สามารถทำนาต่อไปได้ตามสิทธิการเช่านาที่มีอยู่ โดยมี อารีวรรณ ถุงสุวรรณ ผู้ซึ่งเป็นน้องสาว คอยช่วยดูแลเรื่องเอกสาร ข้อกฎหมาย และให้กำลังใจพี่ชายในการเรียกร้องสิทธิตามชอบธรรมที่ตัวเองควรได้รับ ทำให้ อาภากร ผู้ซึ่งไม่รู้กฎหมาย แต่ ณ วันนี้ ถึงเวลาจำเป็นที่เขาจะต้องศึกษากฎหมาย และลุกขึ้นสู้ เพื่อเอาผืนนาเช่าของเขากลับมา

             อย่างไรก็ตาม หลังจากยื่นหนังสือไปแล้ว 7 วัน ความหวังของอาภากร และชาวบ้านก็ยังไม่มีวี่แววจะสัมฤทธิ์ผล พวกเขายังทำได้แต่เพียงยืนมองผืนนา แต่เข้าไปทำอะไรไม่ได้ อาภากรและชาวบ้านจึงกลับไปทวงถามความคืบหน้าจากทางการอีกครั้ง แต่ทางกำนันกลับบอกว่า ไม่มีอำนาจสั่งการ ชาวบ้านจึงเริ่มทำใจกับความช่วยเหลือที่ไม่มีใครหยิบยื่นให้ และตั้งตารอความหวังที่แสนจะริบหรี่ที่กำลังจะหมดลงไปเมื่อถึงวันหมดสัญญาเช่านา

             และนอกจากชาวบ้านจะไร้ที่ทำกินแล้ว พวกเขายังต้องต่อรองกับเทคโนโลยีที่เข้ามาทำลายระบบนิเวศ เมื่อผู้รับเหมาเข้ามาถมที่ดิน ทำให้น้ำไหลลงมายังบ้านของอาภากร นอกจากนี้ การถางป่าตัดต้นไม้ของผู้รับเหมายังส่งผลให้นกไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องย้ายมาอยู่ในผืนนาสีเขียวส่วนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ที่สำคัญ เมื่ออาภากรไม่สามารถทำนาได้ ก็ไม่มีรายได้ ไม่มีเงิน ทำให้เงินเก็บที่ใช้เลี้ยงปากท้องครอบครัวเริ่มร่อยหรอ ซ้ำยังต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งมาใช้ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม

             เมื่อไม่มีที่นาเป็นของตัวเอง สิ่งที่อาภากรทำได้ตอนนี้ ก็คือการไปรับจ้างทำนา ซึ่งได้ค่าแรงวันละ 250 บาท และนับวันก็จะหานาทำได้ยากขึ้น เพราะชาวนาส่วนใหญ่แทบไม่มีผืนนาเป็นของตัวเองแล้ว

             "ก็เดือดร้อน...ตอนนี้ก็เป็นหนี้อยู่สามแสนเกือบสี่แสน คิดอยู่ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เขา ถ้าไปรับจ้าง ใช้ไปกินไป มันก็หมด แต่ถ้าทำนา มันได้เป็นเงินก้อน ถ้ามารับจ้างแบบนี้ คิดว่าจนกระทั่งตายก็คงใช้หนี้ไม่หมด เพราะไม่มีนาแล้ว จะกู้ยืมใครเขาก็ไม่ให้"

             เมื่อเป็นเช่นนี้ อาภากรจึงต้องหาลู่ทางสำรองให้กับชีวิต ด้วยการตระเวนออกไปหานาเช่าผืนใหม่ในหลาย ๆ บ้าน แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่เขาได้กลับมามีแต่เพียงความผิดหวัง เพราะทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "จะเอานาที่ไหนมาให้ทำ" เพราะทุกวันนี้แทบจะไม่เหลือนาไว้ทำนาอีกแล้ว หลังจากนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ไปสร้างโรงงานเสียเกือบหมด ส่วนผืนดินที่ว่างเปล่าก็มีคนรวยเข้าจับจองเป็นเจ้าของกันหมดแล้ว

             สุดท้ายแล้ว ความหวังเดียวของอาภากร ก็คือการเดินหน้าต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จากสิทธิการเช่านาที่เขามีอยู่ ซึ่งแม้ความหวังจะเลือนรางเหลือเกิน และไม่รู้ว่าตัวเองจะได้รับความเป็นธรรมนั้นหรือไม่ แต่นี่ก็เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะสามารถประคับประคองชีวิตครอบครัวกระดูกสันหลังของชาติให้ดำเนินต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำตานาเช่า...ของชาวนาผู้ (ยังไม่) สิ้นหวัง อัปเดตล่าสุด 27 สิงหาคม 2554 เวลา 16:00:16 22,539 อ่าน
TOP
x close