x close

กบง. ลดเก็บเงินเข้ากองทุน หนุนโซฮอล์ลดลง วันนี้






สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม


            ที่ประชุม กบง. มีมติ ลดเก็บเงินเข้ากองทุน พร้อมอุดหนุนแก๊สโซฮอล์เพิ่มวันนี้ (31 สิงหาคม) ทำให้ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 1.07 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 , E20 ลง 1.60 บาท

            นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. มีมติให้ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

           แก๊สโซฮอล์ 95  จากเดิมเก็บอยู่ 2.40 บาทต่อลิตร เหลือเก็บ 1.40 บาท
      
           แก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิมต้องส่งเงินเข้ากองทุน 10 สตางค์ต่อลิตร เป็นชดเชย 1.40 บาท

           อี 20 จากเดิมชดเชยอยู่ 1.30 บาทต่อลิตร เป็นชดเชย 2.80 บาทต่อลิตร

            ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ในวันพรุ่งนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 ปรับลดลงได้ 1.70 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมัน อี 20 ปรับลดลงได้ 1.60 บาทต่อลิตร เมื่อรวมกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

            อย่างไรก็ตาม จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีรายรับหายไป 464 ล้านบาท โดยมีเงินสนสุทธิที่เหลืออยู่ 15,833 ล้านบาท






[30 สิงหาคม] กรณ์ ชี้ มาตรการน้ำมัน ทำรายได้รัฐลด รายจ่ายเพิ่ม


          กรณ์ ชี้ มาตรการน้ำมัน กำไรตกอยู่ที่บริษัทน้ำมัน ทำรายได้รัฐลด รายจ่ายเพิ่ม เตือนรัฐบาลกลับไปคิดให้รอบคอบ อย่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

          วันนี้ (30 สิงหาคม) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงกรณีผลกระทบจากการยกเว้นจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชั่วคราว โดยรัฐบาลชุดนี้ได้เตรียมขึ้นภาษีสรรพสามิตเพื่อขยายฐานราคาของแก๊สโซฮอล์กับราคาน้ำมันเบนซินให้กว้างขึ้น  ทำให้เมื่อราคาน้ำมันเบนซินถูกลง ประชาชนก็เลิกใช้แก๊สโซฮอล์ แล้วหันมาใช้น้ำมันเบนซินแทน

          โดย นายกรณ์ ได้กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดจากนโยบายการใช้น้ำมันทดแทนนั้นก็คือ ชาวไร่ทั้งหมด โดยเฉพาะชาวไร่มันสำปะหลัง เพราะราคามันสำปะหลังถูกปรับลดลงมา 1 บาท เนื่องจากไม่มีความแน่นอน อีกทั้งโรงกลั่นเอทานอลยังยกเลิกซื้อ ทางด้านชาวไร่เองก็ยังขาดมาตรการรองรับ ซึ่งจากเดิมเคยมีนโยบายประกันรายได้มาคอยช่วยอยู่บ้าง แต่คราวนี้ทางรัฐบาลกลับพยายามแก้ปัญหาปลายทาง และไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุดด้วย ทั้งนี้ แทนที่รัฐบาลจะจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน เอาไว้ช่วยประชาชนเมื่อยามจำเป็น แต่ตอนนี้ส่วนที่จัดเก็บเพิ่มกลายเป็นกำไรเพิ่มเติมให้บริษัทค้าน้ำมันไปโดยปริยาย

         อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ชัดเจนที่ไม่ได้ยกเลิกกองทุนน้ำมันตามที่เคยได้ให้สัญญาไว้ เป็นเพราะว่าต้องการรักษากองทุนน้ำมันไว้เป็นที่ซุกหนี้ หนี้ทั้งหมดไม่ได้เป็นหนี้โดยตรงของรัฐบาล แต่กลับไปปรากฏที่กองทุนน้ำมัน และเมื่อลดภาษีสรรพสามิต รายได้หลักของทางกระทรวงการคลังจะลดไปส่วนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันรายจ่ายของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น

        พร้อมกันนี้ นายกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า นโยบาลของรัฐที่เคยพูดไว้ตอนหาเสียงนั้น ตอนนี้กลับทำไมได้ รัฐจึงต้องแสดงออกด้วยการทำเรื่องอื่น ๆ  เช่น การยกเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชั่วคราว ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลได้ทำแล้ว และทำเร็ว แต่รัฐบาลกลับคิดไม่รอบและเกิดผลอย่างที่เห็น อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้รัฐบาลทบทวนว่า ดำเนินมาตรการดังกล่าวนี้ คุ้มหรือไม่กับคะแนนเสียงที่ได้มา และอย่าเอาการแข่งขันทางการเมืองมาเป็นตัวกำหนดมาตรการ


เพิ่มส่วนต่างโซฮอล์-เบนซิน ด้านศิษย์หลวงตาบัวขวางตั้งกองทุนซื้อบ่อน้ำมัน

             การตลาดกระชากน้ำมันเริ่มป่วน ปตท.-บางจากปรับราคาวันเดียว 2 ครั้ง แรกลดราคาโซฮอล์ลง 60 สตางค์ ตามด้วยเพิ่มเบนซินอีก 60 สตางค์ หวังเพิ่มส่วนต่าง "ยิ่งลักษณ์" อ้อมแอ้มดูแลพลังงานทดแทนแน่ ปัดบีบเอกชนลดราคาทั้งสินค้า-ค่าโดยสาร มึนเรื่องหารายได้ชดเชย "สรรพสามิต" ชงขึ้นภาษีกระบะ รถดัดแปลง "เหล้า-เบียร์-บุหรี่" ไม่รอด ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวขวางตั้งกองทุนมั่นคงซื้อบ่อน้ำมัน "เครือสหพัฒน์" ยันคงราคาเดิม
 
             การยกเว้นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซลและเบนซิน เพื่อกระชากราคาน้ำมันให้ลดต่ำลงมาก ยังคงเป็นที่วิจารณ์ในสังคม ทั้งเรื่องนโยบายพลังงานทางเลือกอย่างแก๊สโซฮอล์ ราคาสินค้าและบริการที่ไม่ได้มีการปรับลด รวมถึงการหารายได้มาชดเชยเงินที่หายไป

             โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงราคาสินค้าที่ยังไม่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันว่า ต้องค่อย ๆ ทำงาน จุดเริ่มต้นคือเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งต้องไปหารือกัน โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเริ่มไปคุยกับผู้ประกอบการหลายราย เพื่อขอความร่วมมือ

             "เราอยากใช้วิธีหารือ กัน บางอย่างก็เป็นไปตามกลไกการแข่งขันด้านราคาด้วย ซึ่งบางที่ยินดีจะลดราคาให้ ถือเป็นกลไกการตลาด หากจุดใดที่ให้ราคาเหมาะสม คนก็จะไปใช้บริการมากขึ้น" น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบคำถามที่ว่า หากเอกชนยังไม่ยอมลดราคา รัฐบาลจะเข้าไปสั่งการหรือไม่

             น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังชี้แจงเรื่องพลังงานทดแทน โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ว่า ภาพรวมระยะสุดท้าย เราอยากเห็นกระบวนการส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ ซึ่งเป็นพลังงานทดแทน แต่ที่ผ่านมาด้วยโครงสร้างราคาน้ำมันไม่เป็นไปตามกลไกอย่างแท้จริง เราต้องค่อย ๆ กลับมาจัดระบบและปรับให้เข้าสู่กลไก ช่วงนี้เป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนให้เข้าสู่กลไกการตลาด โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ ในที่สุดต้องมีมาตรการที่จะส่งเสริมให้มีคนใช้แก๊สโซฮอล์อยู่แล้ว

             สำหรับกรณีกรมสรรพสามิตเตรียมเสนอให้รัฐบาลเก็บภาษีบาป เช่น เหล้า บุหรี่ เพื่อมาทดแทนรายได้กองทุนน้ำมันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องพูดคุยกับกระทรวงการคลังก่อน ซึ่งเงินที่หายไปไม่ถึง 3 แสนล้านบาท แต่อย่าเพิ่งไปคำนวณตรงนั้น รัฐบาลต้องดูในส่วนของงบประมาณอื่นและการเก็บจากส่วนอื่นเข้ามาด้วย

             นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลควรเร่งทำ 3 เรื่องซึ่งยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน คือ

            1.ติดตามการปรับลดราคาสินค้า เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาขน
            2.เร่งหาคำตอบในการช่วยดูแลพลังงานทดแทน
            3.ภาระที่เกิดขึ้นอาจจะถึง 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน

             ทั้งนี้ ต้องมีคำตอบว่า แนวทางในวันข้างหน้าคืออะไร โดยอยากให้มีการคิดเรื่องการแก้ปัญหาผลกระทบไว้ให้ชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นประโยชน์ที่ได้จะไม่สมดุลกับภาระที่เกิดขึ้น

             "ชัดเจนอยู่แล้วว่ารัฐบาลนี้ต้องกู้ ทั้งที่ช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็มักจะกล่าวหารัฐบาลอื่นว่าเป็นรัฐบาลที่กู้เงิน แต่รัฐบาลนี้คงจะต้องกู้เงินค่อนข้างมากจากแผนที่มีอยู่" นายอภิสิทธิ์ระบุ

             นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ว่าที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเช่นกันว่า รัฐบาลมีมาตรการอะไรที่จะไปช่วยเหลือผู้ปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง เพราะประชาชนผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ลดลงชัดเจน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเรามีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน แต่เมื่อทำนโยบายออกมาแบบนี้ก็ต้องมีมาตรการรองรับ เช่นเดียวกับเรื่องราคาสินค้า จะทำให้มีการปรับลดลงมาอย่างไร เพราะขณะนี้ภาคการขนส่งก็พูดชัดว่าจะไม่ลดค่าโดยสาร

             "อยากถามพรรคเพื่อไทยว่า ทำไมไม่ไปจัดการดูแลให้ราคาสอดคล้องกัน หรือผู้ประกอบการรายนั้นเป็นพวกเดียวกับท่าน การลดราคาน้ำมันเป้าหมายคือให้ลดราคาสินค้าลงมา เมื่อราคาน้ำมันลดลงแล้วราคาค่าโดยสารไม่ลดก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย" นายชวนนท์กล่าว

ศิษย์หลวงตาบัวขวาง นำเงินมาสำรองน้ำมัน
 
             นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จะเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องส่วนต่างราคาแก๊สโซฮอล์กับน้ำมันเบนซินโดยเร็วที่สุด ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สั่งการ ซึ่ง เบื้องต้นได้สั่งให้ บมจ.ปตท. และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม ปรับลดราคาแก๊สโซฮอล์ลงลิตรละ 60 สตางค์ มีผลในวันที่ 30 ส.ค.แล้ว เพื่อขยายส่วนต่าง ส่วนข้อเสนอว่าส่วนต่างแก๊สโซฮอล์กับเบนซินควรอยู่ที่ 2.50 บาทต่อลิตร ถือเป็นข้อเสนอทางเลือกหนึ่ง ต้องไปดูรายละเอียดให้ครบทุกด้าน แล้วค่อยหาตัวเลขที่เหมาะสมออกมา

             "ยืนยันว่ารัฐบาลยังเดินหน้าส่งเสริมพลังงานทดแทนต่อเนื่อง และได้เร่งแก้ไขให้แก๊สโซฮอล์มีส่วนต่างราคากับเบนซินเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด ซึ่งทำให้กองทุนน้ำมันฯ ต้องกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น จากเดิมที่คาดว่าจะกู้ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 30 ส.ค. จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะเดินหน้าอุดหนุนพลังงานทดแทนอย่างไร รวมทั้งภาพรวมเรื่องการยืดลดภาษีดีเซลด้วย" นายพิชัยกล่าว

             สำหรับแนวคิดการตั้งกองทุนความมั่นคงแห่งชาติ โดยจะนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศส่วนหนึ่งไปจัดหาแหล่งพลังงานและน้ำมัน นั้น ล่าสุด พระครูอรรถกิจ นันทคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ในฐานะตัวแทนคณะสงฆ์ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ออกมาระบุว่า ได้ยื่นหนังสือผ่านตัวแทนถึงนายพิชัยให้ทบทวนแล้ว แต่หากยังยืนยันแนวคิดนี้ก็ขอให้เปลี่ยนไปใช้การระดมทุนอื่น ๆ แทน

             "เงินสำรองระหว่างประเทศก็คือคลังหลวง ที่หลวงตามหาบัวท่านได้สร้างและสะสมไว้โดยเฉพาะทองคำที่ท่านได้รับบริจาคก็ มาจากประชาชนด้วยความศรัทธา จึงขอยืนยันว่าอย่าได้รบกวนท่าน ถ้าจะตั้งไปเอาเงินจากที่อื่นเราไม่ว่า" พระครูอรรถกิจกล่าว

             นายพิชัยกล่าวเรื่องนี้ว่า ต้องเคารพความเห็นจากทุกคน และเมื่อมีเสียงคัดค้านรัฐบาลก็อาจจะออกพันธบัตรไปซื้อได้ เพียงแต่จะดำเนินการอย่างไรต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง

รมว.พลังงานกำหนดภาษี!

             นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การกำหนดโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น รมว.พลังงานจะเป็นผู้กำหนด เพราะนโยบายน้ำมันเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน ส่วนภาษีเป็นเพียงเครื่องมือใช้กำหนดโครงสร้าง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเราก็จะเดินหน้าไปตามนั้นก่อน แต่ก็ตระหนักดีว่า จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องโครงสร้างราคาน้ำมันที่อาจไม่จูงใจ และปริมาณการใช้น้ำมันแต่ละประเภทจะเปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนจะปรับโครงสร้างภาษีให้เมื่อไหร่นั้นยังบอกไม่ได้

             นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.การคลัง ในฐานะกำกับดูแล 3 กรมภาษี กล่าวว่า ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ จะหารือกับกรมสรรพสามิตถึงการต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลออกไป โดยจะสรุปว่าจะต่อไปเป็นเวลาเท่าใด ซึ่งการดำเนินการเรื่องโครงสร้างภาษีน้ำมันนั้น จะไม่ทำอะไรที่ขัดกับนโยบายการลดค่าครองชีพแน่

             และในช่วงเช้า ปตท.และบางจากได้ปรับลดราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ลง 60 สตางค์ต่อลิตร ให้มีผลเช้าวันที่ 30 ส.ค.นี้ โดยนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เผยว่า เพื่อแสดงความขอบคุณผู้ใช้ที่ยังยืนหยัดใช้พลังงานทดแทน และบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลที่ผสมในแก๊สโซฮอล์

             "หลังปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ส่งผลให้ยอดขายแก๊สโซฮอล์ลดลง 18% ขณะที่การขายเบนซิน 91 เพิ่มสูงถึง 200% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา" นายอนุสรณ์กล่าว

ขึ้นเบนซิน 60 สต.ตามต่างชาติ

             ต่อมาในช่วงเย็น ปตท.และบางจากได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกเบนซินออกเทน 91 อีกลิตรละ 60 สตางค์ มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันที่  30 ส.ค.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการปรับตามคาลเท็กซ์ ที่ได้ขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดอีก 60 สตางค์ต่อลิตร และมีผลในวันที่ 29 ส.ค. โดยอ้างหตุผลค่าการตลาดที่เหลือเพียง 80-90 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ปรับราคาดังนี้...

            น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 35.37 บาท
            แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 36.44 บาท
            แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 33.94 บาท
            น้ำมัน E20 อยู่ที่ 32.44 บาท
            น้ำมัน E85 อยู่ที่ 21.32 บาท
            ดีเซลยังคงราคาที่ 26.99 บาท

             ด้านความเคลื่อนไหวของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังนั้น นายปราโมทย์ กงทอง นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยอมรับว่า มีผลโดยตรงต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแน่นอน และขณะนี้โรงงานเอทานอลก็เริ่มชะลอการสั่งซื้อแล้ว ทำให้ราคามันสำปะหลังตกลงอย่างมาก จากช่วงเดียวกันที่ขายได้ 3.60 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 2.60 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่มีการรณรงค์เรื่องพลังงานทดแทนมากว่า 10 ปี

             "เป้าหมายที่เคยจะให้ผลิตเอทานอล 3 ล้านลิตรต่อวันปีนี้นั้นไม่ต้องพูดถึงแล้ว เอาแค่รักษาฐานการผลิตเดิม 1.4 ล้านลิตรต่อวันก็ยากแล้วในภาวะนี้ รัฐบาลจึงควรทำส่วนต่างเบนซินและแก๊สโซฮอล์ให้เหมือนก่อน ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อดึงราคามันสำปะหลัง หรือไม่ก็ต้องเข้ามาแทรกแซงราคาโดยด่วน" นายปราโมทย์กล่าว

             ส่วนการหารายได้เพื่อชดเชยนั้น แหล่งข่าวกรมสรรพสามิตระบุว่า กรมจะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มอัตราภาษีหลายรายการ ทั้งภาษีรถยนต์กระบะซึ่งเก็บที่ 3% จะเพิ่มเป็น 5% ภาษีรถยนต์ดัดแปลงจาก 12% เป็น 15% ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่ม 20,000 ล้านบาท สามารถชดเชยภาษีที่จะหายไปจากการคืนภาษีสรรพสามิตคันแรก ที่คาดว่ารายได้จะหายไป 7,000 ล้านบาทได้

             นอกจากนี้ ยังเสนอเก็บภาษีสุรา เบียร์ และบุหรี่เพิ่มอีก โดยภาษีสุราจะมีรายได้เพิ่ม 8-9 พันล้านบาท เบียร์ 8-9 พันล้านบาท และบุหรี่ได้ 4-5 พันล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายนโยบาย

             ขณะที่การปรับลดค่าโดยสารและราคาสินค้านั้น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ระบุว่า  ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดลดค่าโดยสารลงตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป โดยรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปรับอากาศจะลดลง 1 บาท รถโดยสารประจำทางธรรมดา (รถร้อน) ลดลง 50 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารรถโดยสารปรับอากาศสีน้ำเงินเหลือ 10-22 บาท ยูโร 2 เหลือ 11-23 บาท รถร้อนเหลือ 6.50 บาท ส่วนรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จะลดระยะทางละ 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร ส่วนเรือคลองแสนแสบลดลง 1 บาท เรือข้ามฟากลดลง 50 สตางค์

เล็งล็อบบี้เจ๊เกียว

             "กรณีนางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว หรือผู้ประกอบการเอกชนอื่นๆ นั้น จะไปเจรจาเพื่อให้มีการปรับลดค่าโดยสาร" พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวและว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคมศึกษาโครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่าจะทำได้โดยไม่ต้องรอโครงการรถไฟฟ้าครบทั้ง 10 สายได้หรือไม่ด้วย

             นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 2 ก.ย.นี้ จะเชิญผู้ประกอบการสินค้ากลุ่มต่างๆ มาหารือ เพื่อขอความร่วมมือลดราคาสินค้าในส่วนที่ปรับลดได้ โดยเน้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มปัจจัยการเกษตร และกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการปรับลดราคาน้ำมัน เช่น วัสดุก่อสร้าง ส่วนสินค้า 4 รายการ ได้แก่ เหล็ก สายไฟฟ้า แบตเตอรี่ และยางรถยนต์ ที่ขอปรับขึ้นราคานั้น ได้ให้ชะลอไปก่อน และให้ยื่นรายการต้นทุนเข้ามาใหม่ 

              นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนลดราคาสินค้าในเครือลง เพราะนโยบายลดส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น และแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังผันผวนและมีโอกาสสูงขึ้น ผู้ผลิตจึงไม่สามารถลดราคาสินค้าได้

             "การปรับลดราคาสินค้าต้องอยู่ภายใต้ปัจจัยน้ำมันถูกลงเป็นเวลานาน และดีเซลลงมาอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร แต่หากกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐบาลต้องการบังคับให้ลดราคา บริษัทก็พร้อมชี้แจงข้อมูลตามจริง"นายบุญชัยกล่าว



 

[29 สิงหาคม] สรรพสามิต เล็งลดภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพิ่มภาษีเบนซิน

         "ปู" ยันไม่ทิ้ง "แก๊สโซฮอล์" รมว.พลังงานชี้มีแผนอยู่แล้วแต่ขออุบไว้ก่อน "สรรพสามิต" เตรียมชงลดภาษีดีเซลต่ออีก 1 เดือน พร้อมชงหั่นภาษีโซฮอล์จาก 6.30 บาท เหลือ 1.50 บาท พ่วงขึ้นเบนซินจาก 7 บาทเป็น 10 บาท เพื่อเป็นทางเลือก พร้อมเล็งขึ้นภาษีบาป บุหรี่ เหล้า สถานบันเทิง สนามกอล์ฟ ภาษีรถยนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ชดเชยภาษีน้ำมัน ผงะ! อุ้มคนใช้รถทำฐานะการคลังปี 55 บักโกรก เงินหาย 3 แสนล้าน

         น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ถึงการลดราคาน้ำมันในขณะที่แก๊สโซฮอล์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงว่า นโยบายหลักรัฐบาลยังส่งเสริมพลังงานทดแทนอยู่ ไม่ได้หายไป แต่การชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันครั้งนี้ถือว่าเป็นการช่วยผู้บริโภค และค่าครองชีพเบื้องต้น แต่ในระยะยาวเราต้องคุยกันในเรื่องการส่งเสริมพลังงานทดแทนอยู่แล้ว ได้ฝากให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและผู้ที่เกี่ยวข้องในการปรึกษาหารือในเรื่องมาตรการที่จะช่วยเหลือดูแลปัญหาในเรื่องผลกระทบดังกล่าวแล้ว" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบกรณีการช่วยเหลือแก๊สโซฮอล์

         นายพิชัย กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้สั่งการให้ข้าราชการติดตามสถานการณ์การขายน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์อย่างใกล้ชิด ยืนยันว่ากระทรวงยังมีนโยบายหลักสนับสนุนพลังงานทดแทน และไม่อยากให้นำเรื่องการลดเงินกองทุนน้ำมันไปโยงกับการส่งเสริมพลังงานทดแทน มันเป็นคนละส่วนกัน เพราะการลดเงินกองทุนน้ำมันจะดำเนินการระยะสั้นไม่ถึง 1 ปี แต่การส่งเสริมพลังงานทดแทนเป็นแผนระยะยาว และเป็นแผนหลักของกระทรวง

         "พรรคเพื่อไทยสัญญาว่าจะลดเงินกองทุนน้ำมันในส่วนดีเซลกับเบนซินให้กับประชาชน เมื่อมาเป็นรัฐบาลต้องลดให้ตามสัญญา ส่วนแก๊สโซฮอล์จะมาพิจารณาอีกทีว่าจะสนับสนุนหรือกระตุ้นการใช้อย่างไร โดยได้เตรียมแผนต่างๆ ไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน" นายพิชัยระบุ

         นายพิชัยยังกล่าวถึงปัญหาน้ำมันที่ขาดแคลนในปั๊มหลายแห่งว่า ได้ประสานไปยัง ปตท.และบางจากในการจัดส่งน้ำมันให้มีเพียงพอแล้ว โดยได้สำรองน้ำมันเบนซิน 91 ถึง 45 ล้านลิตร จึงยืนยันว่ามีเพียงพอแน่นอน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะประชาชนไปเติมมากเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติในเร็ว ๆ นี้

          นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกพรรค ชี้แจงกรณีพรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเรื่องน้ำมันว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ทำให้ค่าครองชีพประชาชนลดลง สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่เคยมาแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม จนถูกตั้งฉายาว่าเป็นดีแต่พูด และเมื่อเป็นฝ่ายค้านยังติดนิสัยเดิมๆ มาคือดีแต่ด่า แทนที่จะเดินหน้าตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ กลับมากล่าวหาว่าซ้ำเติมประชาชน ทั้งที่นโยบายได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชน และนักวิชาการว่าทำให้ค่าครองชีพ และค่าขนส่งลดล

          "ผู้ประกอบการขนส่งบางรายที่ไม่ยอมลดค่าขนส่งลดลงนั้น อยากให้พิจารณาถึงต้นทุนอย่างแท้จริง และถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนเกินไปหรือไม่ หากยังไม่ลดราคา เราก็พร้อมใช้มาตรการสังคมไปตรวจสอบต่อไป" นายพร้อมพงศ์กล่าว

          ด้านนายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เผยว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ปตท.มียอดคำสั่งซื้อน้ำมันเบนซิน 91จากปั๊มเครือข่ายถึงวันละ 4 ล้านลิตร จากปกติที่มีการซื้อขายวันละ 2 ล้านลิตร แต่ยังไม่สามารถวัดได้ ต้องใช้เวลา 7 วันจึงจะเช็กได้ว่ายอดใช้เบนซิน 91 เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ส่วนเบนซิน 95 นั้น คาดว่าคงไม่เพิ่มขึ้นเกิน 1 แสนลิตรต่อวัน เพราะปัจจุบันปั๊มส่วนใหญ่ไม่ได้ขายเบนซิน 95 แล้ว

          นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า สัปดาห์นี้กรมจะหารือกับกระทรวงพลังงานเพื่อขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลน้ำมันที่ลดเหลืออัตราการจัดเก็บอยู่ที่ 0.005 บาทต่อลิตรออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมจะสิ้นสุดเดือน ก.ย.นี้ และจะดูสถานการณ์เดือนต่อเดือน หากยังไม่เหมาะสมก็จะยืดต่อไปทุกเดือนจนกว่าราคาน้ำมันจะไม่เป็นภาระกับประชาชน

          "การลดภาษีดีเซลจะทำให้รายได้หายไปเดือนละ 9,000 ล้านบาท แต่การลดภาษีที่ไม่กำหนดเวลาชัดเจนจะกระทบกับการประเมินรายได้ในปี 2555 ซึ่งหากต้องลดทั้งปีก็จะทำให้รายได้หายไป 1 แสนล้านบาท นายพงษ์ภาณุกล่าว และว่า จะหารือเรื่องลดภาษีแก๊สโซฮอล์ที่เก็บอยู่ที่ 6.30 บาทต่อลิตรให้เหลือ 1.50 บาทต่อลิตร และจะเสนอให้เพิ่มภาษีเบนซินเป็น 10 บาทต่อลิตร จากที่เก็บอยู่ที่ 7 บาท เพื่อให้มีส่วนต่างราคา 20-30% เพื่อให้เกิดแรงจูงใจใช้พลังงานทางเลือก และคงไม่สามารถลดภาษีแก๊สโซฮอล์อย่างเดียวได้ เพราะจะกระทบการจัดเก็บรายได้ของกรมเพิ่มขึ้น เพราะภาพรวมการจัดเก็บรายได้น้ำมันควรอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 7-10% ของรายได้รัฐบาลโดยรวม

          นายพงษ์ภาณุ ยังระบุว่า ต้องชี้แจงให้กระทรวงพลังงานเข้าใจว่า การลดภาษีระยะยาวจะมีผลกระทบอย่างน้อย 4 ด้านคือ

           1.กระทบต่อรายได้รัฐ

           2.มีการใช้น้ำมันมาก สั่งนำเข้าเพิ่ม มีผลต่อดุลการค้าและดุลชำระเงินของประเทศ

          3.มีปัญหาต่องบประมาณ

          4.ผลต่อสิ่งแวดล้อม และยังกังวลการบิดเบือนการใช้น้ำมัน และพฤติกรรมการใช้น้ำมันด้วย

          ขณะที่มีแหล่งข่าวจากกรมสรรพาสามิต ได้เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ประเมินผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลในการยกเลิกจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันว่า จะกระทบฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2555 ไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท จากสมมติฐานว่าหากไม่ขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลกลับไปที่ระดับ 5.80 บาทต่อลิตร จะทำให้รายได้หายไป 1.5 แสนล้านบาท ส่วนอีก 1.5 แสนล้านบาทที่หายไป คาดว่าจะเป็นผลมาจากการลดภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ รวมทั้งการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันทำให้ต้องกู้เงินเพื่อมาชดเชยเดือนละ 6-7 พันล้านบาท หรือปีละ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ภาคการคลังมีปัญหามากขึ้น โดยเฉพาะการทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นกว่าเดิม

          "ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) คลังได้เสนอให้จัดเก็บภาษีดีเซลเพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบรายได้รัฐบาล แต่นายกฯ, รมว.พลังงาน และ รมว.คลัง ไม่เห็นด้วย" แหล่งข่าวกล่าว

          ทั้งนี้ ทางกรมสรรพสามิตเตรียมจะหารือเรื่องอัตราภาษีน้ำมันดีเซลอีกครั้งในสัปดาห์นี้ หากปรับขึ้นไปที่ระดับเดิมไม่ได้ จะเสนอให้ทยอยปรับขึ้น และยังมีแนวคิดจะเก็บภาษีแก๊สแอลพีจีและเอ็นจีวี จากภาคขนส่งและอุตสาหกรรมตามที่แยกตลาดออกจากภาคครัวเรือน ด้วยการเก็บจากหัวจ่ายเหมือนน้ำมัน เพราะปัจจุบันมีปั๊มเปิดเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลอุดหนุนราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริงมานานแล้ว

          นอกเหนือจากแนวทางดังกล่าว แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า กรมสรรพสามิตยังเตรียมเสนอ รมว.คลัง ให้พิจารณาปรับขึ้นภาษีบาป ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ภาษีสินค้าที่ก่อมลพิษ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป โดยจะเสนอให้ขึ้นภาษี 7-8 รายการหลัก เช่น ภาษีเหล้า ภาษีเบียร์ ภาษีบุหรี่ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ร่วมกันประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท พร้อมกับพิจารณาปรับขึ้นภาษีรถยนต์ ภาษีน้ำมันหล่อลื่น ภาษีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาจัดเก็บภาษีไนท์คลับ อาบอบนวด สถานบันเทิงที่มีที่เต้นรำ สนามกอล์ฟ ซึ่งจะเก็บภาษีเป็นอัตราเปอร์เซ็นต์จากรายรับ โดยเบื้องต้นจะเริ่มเก็บที่อัตรา 3% ของรายรับก่อน

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางกรมสรรพสามิตจะมีแนวทางการจัดเก็บภาษีบาปเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป แต่แหล่งข่าวก็ยืนยันว่า น่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาเพียง 1 แสนล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอกับเงิน 3 แสนล้านบาทที่หายไปกับการยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแน่นอน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลโดยรวมที่อาจต้องขาดดุลเพิ่ม

          นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) กล่าวว่า ในวันที่ 29 ส.ค. จะทำหนังสือไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอความเห็นชอบอนุมัติใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ ลดอัตราค่าโดยสาร 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บ.ข.ส.ประมาณ 5-6 ราย ยินดีปรับลดอัตราค่าโดยสารแล้ว และหากได้รับการอนุมัติ จะดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์นี้

บางจาก ลดแก๊สโซฮอล์ 60 สต. มีผลพรุ่งนี้ (30 ส.ค.)

          ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทฯ จะปรับลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด ทั้งแก๊สโซฮอล์ 91, 95, E20, E85 ลิตรละ 60 สตางค์ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ใช้รถที่ยังยืนหยัดใช้พลังงานทดแทน และบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลที่ผสมกับเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์

          โดยราคาน้ำมันบางจากแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร ถูกกว่าเบนซิน 91 ลิตรละ 83 สตางค์ แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 36.44 บาทต่อลิตร ถูกกว่าเบนซิน 95 ลิตรละ 4.48 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 ราคา 32.44 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ E85 ราคา 21.32 บาทต่อลิตร

          ทั้งนี้ ดร.อนุสรณ์ ยังกล่าวว่า การผลิตและใช้พลังงานทดแทนจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากฟอสซิล และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยช่วยประหยัดเงินปีละหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งยังช่วยสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ปลูกพืชพลังงานอีกด้วย




[28 สิงหาคม] ควักภาษี 3 พันล้านจ่ายเอกชน ชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมัน

           เงินภาษีประชาชนหายวับทันที 3 พันล้าน รัฐบาลต้องควักจ่ายส่วนต่างให้บริษัทเอกชน หลังกระชากราคาน้ำมัน ด้าน บขส.ดีเดย์ลดค่าโดยสาร 29 ส.ค.

           นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เผยเมื่อวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมว่า ภาพรวมในการตรวจสอบสต็อกน้ำมันของปั๊มน้ำมันทั่วประเทศประมาณ 10,000 แห่ง หลังจากที่รัฐบาลได้ลดการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันในกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเมื่อคืนวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของ ธพ.ได้ร่วมกับตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกไปตรวจสอบปั๊มน้ำมันในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่ปั๊มน้ำมันในต่างจังหวัดได้มอบให้เจ้าหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ สำนักงานพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ออกไปตรวจสอบ ผลการตรวจสอบไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

           อธิบดี ธพ.กล่าวว่า ผลการตรวจสอบสต็อกน้ำมันของปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ หากเป็นในต่างจังหวัด ต้องใช้เวลาตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลส่งกลับมาให้ ธพ.ประมาณ 20 วัน และในพื้นที่กรุงเทพฯ จะใช้เวลาตรวจสอบ 10 วัน ก็จะทราบว่าในแต่ละปั๊มมีปริมาณน้ำมันในสต็อกถังใต้ดินจำนวนเท่าใด ส่วนการคืนเงินชดเชยส่วนต่างราคาระหว่างราคาน้ำมันในสต็อก ก่อนการลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันกับราคาปรับปรุงใหม่

           "เบื้องต้นคาดว่าส่วนต่างราคาดังกล่าวจะมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่กองทุนน้ำมันต้องจ่ายชดเชยให้กับผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งจะได้รับเงินคืนในอีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า"

           นายวีระพล ยืนยันว่า นับจากนี้ไปจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำมันทั้ง 3 ชนิดอย่างแน่นอน เพราะผู้ค้าน้ำมันก็ได้สั่งสต็อกน้ำมันเข้าไปสำรองในปั๊มแต่ละแห่งเรียบร้อยแล้ว แต่ยอมรับว่าในระหว่างรอยต่อของระยะเวลาในการพิจารณาปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในช่วงวันที่ 26-27ส.ค.ที่ผ่านมา อาจมีปัญหาบางปั๊มน้ำมันไม่มีน้ำมันจำหน่ายให้กับประชาชน เนื่องจากต้องเห็นใจเจ้าของปั๊มน้ำมันแต่ละแห่งที่ไม่อยากสั่งน้ำมันไปสำรองไว้ล่วงหน้า เพราะเกรงว่ากองทุนน้ำมันต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบข้อมูลนาน อาจทำให้การได้รับเงินคืนล่าช้า

           ด้านนายสรัญ รังคศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมันบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า อาจเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันในบางจังหวัด โดยเฉพาะปั๊มน้ำมันของ ปตท. เพราะผู้ค้าได้ชะลอการซื้อน้ำมันไปสำรองไว้ในช่วงรอยต่อของการลดการจัดเก็บเงินเข้าไปสะสมในกองทุนน้ำมันในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่าเป็นเพียงเหตุการณ์ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ในช่วงเช้าวันที่ 27ส.ค.ที่ผ่านมา เพราะเมื่อช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้น ผู้ค้าน้ำมันในสังกัด ปตท.ได้ทยอยสั่งซื้อน้ำมันจากคลัง ปตท.เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน 91 ทำให้ตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันดังกล่าว ปตท.ได้เร่งระดมจัดส่งน้ำมันไปยังลูกค้าทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นส่วนของรถบรรทุกน้ำมันของ ปตท. และของจ๊อบเบอร์

           ทั้งนี้ นายสรัญยังกล่าวด้วยว่า ปตท.มียอดจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 วันละ 2 ล้านลิตร และขณะนี้มีปริมาณสำรองไว้จำหน่ายอีก 45 ล้านลิตร

           ขณะเดียวกัน ผลพวงจากการปรับลดราคาน้ำมันลง ก็ทำให้นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ทาง บขส.จะนำร่องลดราคาค่าโดยสารลง โดยจะประกาศและบังคับใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ในวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคมนี้ หลังรัฐบาลปรับลดราคาน้ำมันลง






[27 สิงหาคม] ปั๊มน้ำมันลดเบนซิน-ดีเซลคนแห่เติมเพียบ (ไอเอ็นเอ็น)

          ปั๊มน้ำมันทั่วไทยลดราคาเบนซิน95,91 และ ดีเซลเหลือ26.99บาท ประชาชนทยอยเติมคึกคัก

          สถานีบริการน้ำมันปิโตรนาส ซึ่งตั้งอยู่ ถ.พหลโยธิน 69 เช้านี้ ได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 และดีเซล ลงตามนโยบายของรัฐบาลที่ลดการจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในน้ำมัน 3 ประเภท คือ เบนซิน 95, 91 และดีเซล ทำให้ราคาขายปลีกเบนซิน 95 ปรับลดลง 8.02 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ปรับลดลง 7.17 บาทต่อลิตร และดีเซล ปรับลดลง 3 บาทต่อลิตร โดยได้มีการปรับเปลี่ยนป้ายแสดงราคาติดไว้อย่างชัดเจน และเปิดขายน้ำมันตั้งแต่เวลา 05.00 น.ที่ผ่านมา หลังมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจวัดสต๊อกน้ำมันคงค้างในช่วงเวลา 02.00 น. และตรวจเสร็จสิ้นในเวลา 02.30 น. ซึ่งปั๊มปิโตรนาสแห่งนี้ได้มีการขายน้ำมันเพียง 3 ชนิดเท่านั้น คือ แก๊สโซฮอล์ 95 จะมีราคาที่ 37.04 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ที่ราคา 34.77 บาทต่อลิตร และดีเซล ที่ราคา 26.99 บาทต่อลิตร

          อย่างไรก็ตาม พนักงานให้บริการกล่าวว่า เช้านี้มีประชาชนทยอยนำรถมาเติมน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่หันมาเติมน้ำมันเบนซินออกเทน 91 จากเดิมที่เติมแก๊สโซฮอล์ 95 เนื่องจากมีราคาถูกลงกว่า 2.27 บาทต่อลิตร และคุณภาพดีกว่า


[26 สิงหาคม] กบง.งดรีดเงินกองทุนเบนซิน-ดีเซล ฉุดราคาน้ำมันลง


น้ำมัน


กบง.งดรีดเงินกองทุนเบนซิน-ดีเซลลดพรุ่งนี้ (ไอเอ็นเอ็น)

          มติ กบง.ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น. 27 ส.ค. ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง ลิตรละ 8.02 บาท 91 ลดลง 7.17 บาท และ ดีเซลลดลง 3 บาท

          นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน หรือ กบง. มีมติให้ชะลอการจัดเก็บเงินสงเคราะห์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3 ชนิดชั่วคราว คือ น้ำมันเบนซิน 95 ลง 7.50 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ลง 6.7 บาทต่อลิตร ดีเซล ลง 2.8 บาทต่อลิตร และเมื่อรวมกับภาษีมูลค่าเพิ่ม จะทำให้ราคาหน้าสถานีบริการน้ำมัน คือ เบนซิน 95 ลดลง ลิตรละ 8.02 บาท 91 ลดลง 7.17 บาท และดีเซล ลดลงลิตรละ 3 บาท โดยมีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 27 ส.ค.

          ทั้งนี้จะทำให้รายได้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหายไป 6,000 ล้านบาทต่อเดือน โดยมีเงินสดสุทธิ เหลืออยู่ 1,064 ล้านบาท ซึ่งจะดูแลราคาน้ำมันได้ถึงเดือนมกราคม นี้ และหลังจากนั้นจะมีการกู้เงินตามกรอบเดิม 20,000 ล้านบาท

          อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้เตรียมเงิน ไว้ 3,000 ล้านบาท ในการชดเชยราคาน้ำมันค้างสต๊อกให้กับผู้ค้า ซึ่งจะเริ่มตรวจสต๊อกในเวลา 24.00 น. วันนี้ (26 ส.ค.)





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กบง. ลดเก็บเงินเข้ากองทุน หนุนโซฮอล์ลดลง วันนี้ อัปเดตล่าสุด 31 สิงหาคม 2554 เวลา 08:49:42 134,805 อ่าน
TOP