เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้ยินข่าวแก๊งตกทองออกอาละวาดอยู่บ่อยครั้ง โดยส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบเดิม ๆ คือ ใช้วาทศิลป์และความน่าสงสารหลอกลวงเหยื่อที่มีความโลภ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสร้อยทองปลอมของคนร้ายกับข้าวของที่มีค่าของเหยื่อ แต่เมื่อผู้คนได้ยินได้ฟังเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยครั้งเข้า หลายคนจึงรู้ทันวิธีการของแก๊งตกทองมากขึ้น ทำให้แก๊งมิจฉาชีพสรรหาวิธีการหลอกลวงเหยื่อรูปแบบใหม่อยู่เรื่อย ๆ
และอีกหนึ่งวิธีการใหม่ของแก๊งตกทอง ก็ได้เกิดขึ้นกับคุณจุฑามาศ อุมาเซ็น หรือ คุณเมย์ พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งประสบพบเจอกับแก๊งตกทองมาสด ๆ ร้อน ๆ กลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เธอจึงได้ออกมาเตือนภัยทุกคนผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ เพื่อให้ทุกคนระวังตัว และเป็นอุทาหรณ์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา
โดยคุณเมย์ เล่าว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 5 กันยายน เธอได้ยืนรอรถเมล์อยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งมีผู้คนเดินกันอยู่พลุกพล่าน จากนั้นได้มีหญิงสาวหนึ่ง อายุประมาณ 30 ปี แต่งตัวมอซอ พูดเสียงสั่น ๆ ท่าทางดูน่าสงสาร เดินเข้ามาถามทางไปนวนคร เธอจึงแนะนำให้ข้ามถนนไปขึ้นรถที่ฝั่งตรงข้าม แต่หญิงคนดังกล่าวบอกว่า เธอข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้ว แต่ก็มีคนบอกให้เดินมากลับมาตรงจุดนี้ ก่อนจะเริ่มร้องห่มร้องไห้และขอให้คุณเมย์ช่วย
ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นก็ได้มีผู้หญิงคนที่ 2 เดินเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนที่ 1 จึงตอบว่า ตนจะเดินทางไปนวนคร เพราะจะเอาสร้อยพระของคุณตาไปจำนำกับป้า เพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลให้คุณตาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งนอนอยู่โรงพยาบาล ซึ่งต้องใช้เงินประมาณหนึ่งแสน จากนั้น ผู้หญิงคนที่ 2 ได้พูดขึ้นว่า พระรุ่นนี้ดังมาก ถ้าขายได้เป็นราคาเป็นล้าน พร้อมกับแนะนำให้ผู้หญิงคนที่ 1 เอาไปขายให้แฟนของเธอที่ทำงานในร้านทองที่ห้างอินทรา
จากนั้น ได้มีผู้หญิงคนที่ 3 เดินเข้ามาถามว่ามีอะไรกัน ก่อนจะเหลือบไปเห็นพระในมือ และพูดขึ้นว่า "พระองค์นี้ใคร ๆ ก็รู้จัก ราคาเป็นล้านเลย" ระหว่างที่เกิดการสนทนาเกิดขึ้น คุณเมย์ก็ยังไม่ได้ปลีกตัวออกมาจากกลุ่ม เพราะรู้สึกสงสารผู้หญิงคนที่ 1 จากนั้น ผู้หญิงคนที่ 2 ก็พูดขึ้นว่า เธอสามารถช่วยขายพระให้ผู้หญิงคนที่ 1 ได้ จะได้เงินเป็นล้านไปรักษาคุณตา ทำให้ผู้หญิงคนที่ 1 ร้องห่มร้องไห้ ยกมือไหว้ ขอให้ช่วยเหลือเธอด้วย ก่อนจะบอกว่า เธอไว้ใจแต่คุณเมย์คนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนที่ 2 จึงหันมาถามคุณเมย์ว่า ไว้ใจเธอไหม และขอให้คุณเมย์กับผู้หญิงคนที่ 3 ไปเป็นพยานให้หน่อยว่า เธอไม่ได้หลอกลวงต้มตุ๋นผู้หญิงคนที่ 1
คุณเมย์ เล่าว่า จากนั้นผู้หญิงคนที่ 2 ก็มาแตะแขนเธอ และพากันขึ้นแท็กซี่สีฟ้านั่งรถไปห้างอินทราด้วยกันทั้งหมด 4 คน โดยผู้หญิงคนที่ 1 นั่งเบาะหน้าคู่กับคนขับ และนำพระมาฝากไว้ที่เธอ โดยบอกว่าไว้ใจคุณเมย์คนเดียว ส่วนผู้หญิงคนที่ 2 กับ 3 นั่งขนาบข้างเธอ ซึ่งขณะที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ผู้หญิงคนที่ 2 ก็ยังแตะแขนเธอไว้ตลอดเวลา
เมื่อนั่งรถไปได้สักพัก คุณเมย์ก็รู้สึกขนลุก หนาว เบลอ และมึนงงเหมือนกับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่เพียงว่า ผู้หญิงคนที่ 1 ต้องการเงินค้ำประกันพระ 300,000 บาท จากผู้หญิงคนที่ 2 แต่ผู้หญิงคนที่ 2 ปฏิเสธว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น จึงอ้างว่าจะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการส่งเงินสด 17,000 บาทมอบให้ผู้หญิงคนที่ 1 ไว้ก่อน จากนั้น ผู้หญิงคนที่ 3 จึงมอบเงินค้ำประกันให้อีก 20,000 บาท โดยผู้หญิงคนที่ 1 ก็พร่ำถามตลอดว่าได้เงินถึง 300,000 บาทหรือยัง แต่เมื่อทราบว่ายังไม่ได้เงินประกันถึง 300,000 บาท ผู้หญิงคนที่ 1 ก็ร้องไห้ ยกมือไหว้ ขอให้ช่วยเหลือเธอด้วย โดยอ้างว่า ทองเส้นนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่จะนำไปช่วยคุณตา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนขับแท็กซี่ซึ่งได้ยินทุกคำสนทนา กลับนั่งเฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
จากนั้น ผู้หญิงคนที่ 2 และ 3 ก็ได้ถอดสร้อยทอง เงินสด ส่งให้กับผู้หญิงคนที่ 1 เพื่อเป็นหลักค้ำประกัน แต่ก็ยังมีมูลค่าไม่ถึง 300,000 บาท ผู้หญิงคนที่ 2 จึงขอร้องให้คุณเมย์ช่วยนำของมีค่าค้ำประกันให้ผู้หญิงคนที่ 1 โดยยืนยันว่าจะคืนให้ทั้งหมดหลังจากขายสร้อยพระได้แล้ว ด้วยความมึนงง เธอจึงถูกชักจูงให้ลงไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มมาค้ำประกันให้ผู้หญิงคนที่ 1 อีกประมาณ 3,000 บาทด้วย โดยมีผู้หญิงคนที่ 2 เดินลงไปประกบเธอขณะกดเงิน
คุณเมย์ เล่าต่อว่า ขณะนั้นเธอรู้สึกเบลอมาก ไม่ว่าใครสั่งให้เธอทำอะไร เธอก็ทำตามทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่ผู้หญิงคนที่ 2 รื้อกระเป๋าถือของเธอ เพื่อนำสร้อยทอง พระเลี่ยมทอง แหวน และเงินในกระเป๋าออกไปค้ำประกันให้ผู้หญิงคนที่ 1 เธอก็ไม่ได้เข้าไปห้ามปรามแต่อย่างใด นอกจากนี้ เธอยังถูกผู้หญิงคนที่ 2 และ 3 โน้มน้าวให้ส่งโทรศัพท์แบล็กเบอรี่ไปค้ำประกันด้วยเช่นกัน
ระหว่างเดินทางไปขายพระ ผู้หญิงคนที่ 2 ได้ส่งโทรศัพท์ให้คุณเมย์คุยกับผู้ชายที่ชื่อ "เสี่ยกวาง" ซึ่งอ้างว่าเป็นเซียนพระอยู่ที่ห้างอินทรา โดยเสี่ยกวางบอกว่า เขากำลังรอพระองค์นี้อยู่ และอยากได้พระองค์นี้มาก ให้คุณเมย์รีบนำมาขายเลย ซึ่งระหว่างนั้น ผู้หญิงคนที่ 1 ก็ยังร้องห่มร้องไห้ ขอให้ช่วยเหลือเธอตลอดเวลา
หลังจากคุณเมย์ส่งข้าวของมีค่าในตัวมอบให้ผู้หญิงคนที่ 1 จนหมดแล้ว รถแท็กซี่ก็ได้ขับรถไปจอดส่งเธอในจุดที่เลยห้างอินทราไปสองแยก โดยผู้หญิงคนที่ 2 บอกว่า ให้คุณเมย์นั่งรถแท็กซี่ย้อนกลับไปห้างอินทรา แล้วนำสร้อยพระไปขายให้เสี่ยกวางที่ร้านแม่ทองใบ เมื่อได้เงินมาแล้วค่อยนำเงินมาให้ตน ตนจะคืนของของเธอให้ คุณเมย์จึงขึ้นรถแท็กซี่อีกคันที่ผู้หญิงคนที่ 2 เรียกให้ด้วยความมึนงง แต่ไม่ทราบว่าจะไปลงที่ไหน เพราะในตัวเธอเหลือเงินเพียงแค่ 60 บาท เธอจึงให้รถแท็กซี่จอดส่งเธอแถว ๆ นั้น และจ่ายเงินค่ารถให้ 40 บาท
หลังจากลงรถแท็กซี่ ตัวคุณเมย์ก็เดินล่องลอยแบบไม่รู้จุดหมาย และยังเบลอ ๆ เธอพยายามเดินหาทั้ง 3 คนที่นั่งรถมากับเธอด้วย แต่ก็ไม่เจอใคร ในเวลานั้น คุณเมย์เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าน่าจะถูกหลอก จึงเข้าไปแจ้งความที่ป้อมตำรวจ แต่ตำรวจก็ได้ให้เธอเดินไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแทน ซึ่งระหว่างทางที่เธอเดินหาสถานีตำรวจ นับว่าโชคดีที่คุณเมย์เจอวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างใจดี พาเธอไปส่งที่สถานีตำรวจ และยังทิ้งเงินไว้ให้เธออีก 100 บาท เพื่อเป็นค่ารถกลับบ้าน เพราะเธอถูกหลอกเอาเงินไปจนไม่เหลือทรัพย์สินติดตัวเลย
ทั้งนี้ หลังจากคุณเมย์เข้าไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับเรื่องไว้ และกำลังดำเนินการสอบสวน โดยจะสืบจากภาพวงจรปิดหน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น แถวซอยเพชรบุรี 13 ซึ่งคุณเมย์ลงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม พร้อมกับผู้หญิงคนที่ 2 ซึ่งลงไปประกบเธอ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ออกอากาศเรื่องราวของคุณเมย์ ปรากฏว่า ได้มีผู้ชมรายการส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาในรายการเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับตามหน้าเว็บไซต์หลายแห่ง ที่มีคนออกมาระบุว่า เคยเจอกับแก๊งตกทองแก๊งนี้ซึ่งเข้ามาพูดคุยในรูปแบบเดียวกับที่คุณเมย์ประสบมา เพียงแต่เจอคนละสถานที่ ซึ่งมีทั้งย่านลาดพร้าว อ่อนนุช พระราม 2 ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และอีกหลายสถานที่แทบจะทั่วกรุงเทพมหานคร จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมกวาดล้างแก๊งนี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ใครต้องตกเป็นเหยื่ออีก
คลิปรายการเจาะข่าวเด่น ตอนที่ 1
คลิปรายการเจาะข่าวเด่น ตอนที่ 2
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก