x close

น้ำทะลักท่วม ร.ร.อนุบาลอ่างทอง เด็กนับพันหนีน้ำอลหม่าน














เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          ชุลมุน! คันกั้นน้ำหน้าวัดอ่างทองพัง น้ำทะลักเข้าท่วมโรงเรียนอนุบาลอ่างทองอย่างรวดเร็ว คุณครู-ผู้ปกครองพาเด็กนักเรียนกว่า 2,500 คนวิ่งหนีน้ำกันอลหม่าน

          วานนี้ (15 กันยายน) น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมากที่ไหลผ่าน จ.อ่างทอง ได้ทำให้คันกั้นน้ำชุมชนบ้านรอ หน้าวัดอ่างทอง จ.อ่างทอง พังทลายลงมา ส่งผลให้น้ำทะลักอย่างรวดเร็ว เข้าท่วมวัดอ่างทอง ไหลไปยังโรงเรียนอนุบาลอ่างทอง ที่มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนกว่า 2,500 คน ซึ่งขณะนั้นนักเรียนแต่ละห้องกำลังทำข้อสอบอยู่

         เมื่อน้ำได้ทะลักไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้บรรดาคุณครูและผู้ปกครองต่างพานักเรียนวิ่งหนีกันชุลมุน ผู้ปกครองบางราย ถึงกับต้องทิ้งรถให้ไหลลอยไปกับน้ำเพื่อวิ่งตามหาลูก ขณะที่ทางคุณครูก็ได้พานักเรียนหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนอาคารสูง เพื่อรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย ด้านเด็กนักเรียนต่างเสียขวัญร้องไห้กันระงม บางคนร้องไห้จนเป็นลมต้องปฐมพยาบาลกันยกใหญ่

        จากนั้นเพียง 15 นาทีเท่านั้น จำนวนน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ได้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลังคาเรือน และยังทะลักเข้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองอย่างรวดเร็ว รวมไปถึง โรงพัก และโรงพยาบาล โดยระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว รวมทั้งลำเลียงนักเรียนออกมาจากโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

        ล่าสุด ผู้ว่าฯอ่างทอง เผย สถานการณ์คันกั้นน้ำพังว่า ขณะนี้อุดรูรั่วได้แล้ว เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่เศรษฐกิจ เน้น ต้องให้ทันก่อนน้ำก้อนใหญ่มาอีก 18 - 19 กันยายนนี้

       นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดที่ จ.อ่างทอง ซึ่งคันกั้นแม่นำเจ้าระยาเกิดพังทะลายลงมา ทำให้น้ำจำนวนมหาศาลเข้าท่วมตัวเมือง และ ร.ร.อนุบาลอ่างทอง ล่าสุด ระดับน้ำยังท่วมอยู่ในศูนย์ราชการสูงอยู่ แต่สามารถควบคุมได้ในวงจำกัดแล้ว โดยการปิดกั้นส่วนที่เสียหายเอาไว้ ที่เหลือกำลังเร่งสูบน้ำออก ส่วนการประเมินความเสียหายนั้น ยังไม่สามารถทำได้ ต้องเอาน้ำออกหมดก่อน จึงจะทำการสำรวจอีกครั้ง ซึ่งส่วนราชการ มีทั้งสรรพพกร อัยการ ต้องเร่งขนของออกอย่างเร่งด่วนตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว และประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา สามารถดำเนินการอุดรูรั่วได้ทั้งหมดแล้ว และสามารถรักษาพื้นที่ของ ร.พ.อ่างทองไว้ได้

       โดยวันนี้ (16 กันยายน) ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเข้ามาตรวจเยี่ยมพื้นที่ คาดว่าน้ำที่ท่วมขังจะสามารถสูบออกได้ออกหมด ส่วนระดับน้ำที่มีความสูงระดับเอว ทางจังหวัดมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อยู่ 4 ตัว โดยทางทหารได้ส่งรถยูนิมอก 4 คัน มาช่วย รับส่งนักเรียนที่ยังไม่ปิดเรียนในขณะนี้แล้ว

       ผู้ว่าฯอ่างทอง เผยอีกว่า ทางจังหวัดต้องเร่งสูบน้ำออกให้หมดโดยเร็วที่สุด เพราะคาดการณ์ว่า วันที่ 18 - 19 ก.ย. นี้ น้ำก้อนใหม่จะเข้ามาอีกครั้ง อาจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง



ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอื่น ๆ มีดังต่อไปนี้



สุโขทัย : แม่น้ำยม น้ำเพิ่มระดับเข้าขั้นวิกฤติอีกครั้ง


             ระดับน้ำแม่น้ำยม จ.สุโขทัย เพิ่มสูงต่อเนื่อง เลยจุดวิกฤติ ล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.วัดเกาะ และพื้นที่เกษตรเสียหายหนัก

             เนื่องจากแม่น้ำยมเพิ่มสูงจนเลยจุดวิกฤติที่พนังกั้นน้ำยมที่ ต.วัดเกาะ อ.ศรีสำโรง จะรับได้ โดยมีระดับน้ำในแม่น้ำยมสูง 11.5 เมตร ทำให้ทะลักล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนของหมู่ 1, 4, 5 และ 6 ต.วัดเกาะ ถูกน้ำท่วมสูง 80 เซนติเมตร ชาวบ้านที่ไม่ทันตั้งตัว ต้องลุยน้ำออกมาทำงานกันในเช้าวันนี้ (16 กันยายน) ขณะที่อ่างเก็บน้ำแม่เมาะ อ.เถิน จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำสะสมเหนืออ่างมาก ทำให้น้ำล้นสปิลล์เวย์ และล้นอยู่ 80 เซนติเมตร จำเป็นต้องระบายออก ทำไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะนาข้าวของ ต.บ้านไร่ ต.บ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง ประกอบกับ มีน้ำป่าจากเทือกเขาแม่กองค่าย อ.บ้านด่านลานหอย ที่ระบายลงลำน้ำแม่รำพัน

             โดยขณะนี้ทาง อ.เมืองสุโขทัย ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ติดลำน้ำแม่รำพัน ให้เคลื่อนย้ายข้าวของที่อาจเสียหายไปไว้ในที่สูง


เพชรบูรณ์ : สถานการณ์น้ำท่วมหล่มสัก เริ่มคลี่คลาย


            น้ำท่วมหล่มสัก เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำใกล้เข้าสู่ระดับปกติ แต่พื้นที่รอบนอก น้ำทะลักท่วม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก วอนภาครัฐช่วยเหลือ

            สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งล่าสุด ระดับน้ำที่ท่วมขังได้ลดระดับลงจนแทบเป็นปกติแล้ว แต่ในทางตรงข้าม พื้นที่ในตำบลรอบนอกของ อ.หล่มสัก ยังตกอยู่ในสภาพถูกน้ำท่วมหนัก โดยเฉพาะบริเวณบ้านนครเดิด ต.บ้านกลาง ซึ่งน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร จนชาวบ้านต้องขนย้ายทรัพย์สินมีค่าขึ้นมาไว้บนถนน พร้อมยึดถนนเป็นที่พักชั่วคราว

           ล่าสุด ชาวบ้านกลุ่มนี้เริ่มได้รับความเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม จนเริ่มมีเสียงสะท้อนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทางจังหวัด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับความเหลียวแลแต่อย่างใด



  กาฬสินธุ์ : น้ำท่วมขยายวงกว้าง กว่า 55,000 ไร่ เสียหายยับ


           สถานการณ์ ลำน้ำปาว จ.กาฬสินธุ์ ล้นตลิ่ง ท่วมขยายวงกว้าง หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก พื้นที่การเกษตร 55,000 ไร่ เสียหายยับ

           ปัญหาลำน้ำปาว ล้นตลิ่ง ที่ จ.กาฬสินธุ์ เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะยังมีฝนที่ตกหนัก ประกอบกับความจำเป็นที่เขื่อนลำปาว ต้องระบายน้ำ เพราะมีปริมาณน้ำเพิ่มสูง จนใกล้ถึงระดับกักเก็บ ที่ทำการขยายใหม่เป็น 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปริมาณน้ำขณะนี้ อยู่ที่ 17,042 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุอ่างการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว มากถึงวันละ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังคงทำให้พื้นที่ราบลุ่มเกิดน้ำท่วมหนัก เข้าพื้นที่แล้ว กว่า 55,000 ไร่

          ล่าสุด เจ้าหน้าที่เทศบาล ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บกวาดวัชพืช บริเวณที่แม่น้ำปาว จะไหลผ่านตำบลนี้ เนื่องจาก น้ำได้เริ่มไหลเข้าท่วมถนน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เกรงว่าหากฝนยังคงตกหนัก อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมหมู่บ้าน จึงได้เตรียมการอพยพชาวบ้านไว้แล้ว


 



พิษณุโลก : เขื่อนแควน้อยน้ำเกินความจุแล้ว


            ชลประทานพิษณุโลก เผย เขื่อนชะลอการระบายน้ำช่วยเมือง เชื่อพ้นวิกฤติ ขณะเขื่อนแควน้อย ระดับน้ำเกินความจุ 102 %

            นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในวันนี้ว่า แม่น้ำน่าน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก อาจจะเพิ่มสูงสุดในช่วงเวลา 14.00 น. - 15.00 น. และจากการประเมินเบื้องต้น อาจจะถึงระดับ 11.08 เมตร และขณะนี้ที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำ 95 % ของความจุอ่าง ได้ชะลอระบายน้ำลดลง เพื่อช่วยเมืองพิษณุโลก จาก 57 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 56 ล้านลูกบาศก์เมตร

           ส่วนเขื่อนแควน้อย ช่วง 1 - 2 วันที่ผ่านมา ได้กักเก็บน้ำเกินระดับกักเก็บสูงสุดคือ มีน้ำในเขื่อนแควน้อย 102 % ของความจุ และต้องระบายน้ำออกมาประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้น้ำจากแม่น้ำแควน้อยเพิ่มสูงขึ้น เกิดล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่ม ในเขตรอบนอก ในเขต อ.พรหมพิราม และอีกหลายตำบลในเขต อ.เมือง แต่คาดว่าย่านเศรษฐกิจสำคัญในเขตเทศบาล จะสามารถพ้นวิกฤติน้ำทะลักท่วมเมืองได้ เนื่องจากได้มีการวางแผนรับมือ และวางแนวป้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว

            อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก ยังได้กล่าวอีกว่า หลังจากที่เทศบาลนครพิษณุโลก สามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้ เขื่อนแควน้อยก็จำเป็นต้องระบายน้ำออกเพิ่มขึ้น ดังนั้น แม่น้ำน่านเมืองพิษณุโลก ก็จะยังทรงสูงระดับนี้ไปอีกหลายวัน

 


            ส่วนสถานที่อื่นที่ถูกน้ำท่วมมี ถนนสายตลาดหัวรอ ม.4 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร รถเล็กผ่านไม่ได้ เป็นระยะทางยาวกว่า 800 เมตร บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ราชการหลายแห่ง ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล นอกจากนั้น ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน น้ำไหลเข้าท่วมสูงอีกเช่นเดียวกัน แม่น้ำน่าน ได้เอ่อไหลเข้าท่วมพื้นที่ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 ก่อนจะไหลทะลักเข้าไปในโรงเรียนวัดโพธิญาณ ทำให้บริเวณโรงเรียน ถูกน้ำท่วมพื้นที่ทั้งหมด ทางโรงเรียนได้สั่งปิดการเรียนการสอนทันที


 


  เพชรบูรณ์ : น้ำเทือกเขาสันตาเพียทะลักท่วมเพชรบูรณ์แล้ว

           เพชรบูรณ์ อ่วมหนัก หลังน้ำป่าจากเทือกเขาสันตาเพีย ไหลทะลักท่วมกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านอพยพขึ้นที่สูง รอดหวุดหวิด จนท. เร่งช่วยเหลือ

           หลังจากเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากลงจากเขาสันตาเพีย พร้อมกับดินและต้นไม้ไหลถล่มใส่หมู่บ้านสันตาเพีย หมู่ 12 ต.บ้านโตก อ.เมืองเพชรบูรณ์ ขณะที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน จำนวน 35 ครัวเรือน ราว 200 ชีวิต ซึ่งได้รับการแจ้งเตือนภัยก่อนราว 1 ช.ม. จึงได้เร่งยกขึ้นบนที่สูง ทำให้รอดพ้นการถูกน้ำท่วมหวุดหวิด แต่ขณะเดียวกัน บ้านพักอาศัยและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งพืชสวนทางการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน

           ล่าสุด ชาวบ้านทั้งหมดพากันไปหลบอาศัยอยู่ที่สำนักสงฆ์วัดสันตาเพีย และเริ่มขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งต่อมา นายพิทักษ์ มิ่งขวัญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโตก ได้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าไปแจกจ่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว


อุตรดิตถ์ : ผู้ว่าฯ ยัน พบศพ 6 รายค้นหาอีก 1

          ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ยืนยัน พบผู้เสียชีวิต 6 ราย เหลืออีก 1 ราย จากสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม เส้นทางคมนาคมใช้การได้แล้ว

          นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมและโคลนถล่ม เมื่อคืนวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ยังยืนยัน พบ ผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย เหลือเพียง 1 ราย คือ เด็กชาย ยิ่งศักดิ์ ดีอินสี อายุ 5 ขวบ และได้มอบเงินค่าจัดการศพแก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย เป็นเงิน 250,000 บาท ปภ. ได้ติดตั้งเต็นท์ยกพื้น สำหรับผู้อยู่อาศัยชั่วคราว จำนวน 15 หลัง และจะได้เร่งดำเนินการปรับพื้นที่ รวมทั้งติดตั้งเต็นท์ส่วนที่เหลืออีก 25 หลัง

        นอกจากนี้ ทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เตรียมจัดหาพื้นที่ก่อสร้างบ้านถาวร ทดแทนบ้านที่พังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 71 หลัง ได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางผังและขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มอบเงินค่าบ้านพังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 37 หลัง เป็นเงิน 1,110,000 บาท ได้ซ่อมแซมถนนและวางสะพานแบริ่ง เส้นทางจากหมู่ที่ 3 บ้านต้นขนุน เข้าสู่หมู่ที่ 4 บ้านห้วยคอม เส้นทางจากหมู่ที่ 4 บ้านห้วยคอม เข้าสู่หมู่ที่ 5 บ้านห้วยเนียม จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 16 กันยายน 2554 และสะพานในหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ได้รับการสนับสนุนจาก นพค.34 ศูนย์ ปภ. เขต 8 และหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม สามารถติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ได้ตามปกติในทุกพื้นที่แล้ว



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำทะลักท่วม ร.ร.อนุบาลอ่างทอง เด็กนับพันหนีน้ำอลหม่าน อัปเดตล่าสุด 16 กันยายน 2554 เวลา 16:18:01 90,884 อ่าน
TOP