น้ำท่วมลพบุรี ยังไม่ลด พบคันดินแตกอีก 3 จุด














ผวจ.ลพบุรี บินตรวจน้ำท่วมทางอากาศ (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

            ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี บินตรวจน้ำท่วมทางอากาศ พบ จุดแตกของคันดิน อีก 3 จุด ทำน้ำทะลักเข้าจังหวัด ไม่หยุด วอน ชาวบ้าน ออกมาอยู่จุดอพยพ ทหารถอนรถออกจากพื้นที่แล้ว เพราะไม่สามารถวิ่งได้

            นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย พล.ท.ศุภรัตน์ พัฒนาพิสุทธ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี ขึ้นบินสำรวจสภาพน้ำท่วม ใน 3 อำเภอของจังหวัด คือ อำเภอบ้านหมี่ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอเมือง ยาวไปจนถึงเขื่อนเจ้าพระยา และประตูระบายน้ำมโนรมย์ ของจังหวัดชัยนาท ซึ่งจาการบินสำรวจ พบว่า ในพื้นที่ของ 3 อำเภอจังหวัดลพบุรีนั้น มีน้ำท่วมสูงและหลายตำบลที่ถูกน้ำท่วมนั้น ไม่มีพื้นดินให้ชาวบ้านอยู่ เนื่องจากถูกน้ำท่วมทั้งหมด

            จากการบินสำรวจ ยังพบว่า ตั้งแต่เขื่อนเจ้าพระยาลงมาถึงจังหวัดลพบุรี พบว่า หลังจากปิดประตูบางโฉมศรีที่แตกได้แล้ว แต่ทำไมน้ำในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ยังไม่ยอมทรงตัว และยังมีน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก เมื่อบินขึ้นดูทางอากาศแล้ว จึงพบว่ามีรอยแตกของคันดินเพิ่มอีก 3 จุด คือ คันดินคันคะนน และเขากระดี่ ในจังหวัดชัยนาท และคันดินท่างาม ในอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งจุดนี้อยู่ห่างจากประตูน้ำบางโฉมศรี ไม่มากนัก มีความยาวประมาณ 100 เมตร ทำให้ปริมาณน้ำยังคงไหลทะลักเข้ามาในพื้นที่ของจังหวัดลพบุรีอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการปรับแผนใหม่ เพื่อดูแลชาวบ้าน เพราะเมื่อพบรอยแตกใหม่ ก็จะทำให้น้ำยังคงขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องและจะยังไม่ลดลงโดยง่ายอย่างแน่นอน

            ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ น้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฝั่งตะวันตกที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากประตูน้ำบางโฉมศรี ที่แตกตั้งแต่ วันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ น้ำก็ยังเพิ่มสูงขึ้น เฉลี่ยวันละ 2-5 ซ.ม. ทำให้ทหารที่นำรถวิ่งรถส่งชาวบ้านในอำเภอบ้านหมี่ บนถนนสายท่าโขลง-บ้านหมี่ จำเป็นต้องถอนกำลังออกมาเป็นทีมสุดท้ายแล้ว หลังบนถนน มีน้ำท่วมสูง ซึ่งผู้ว่าฯ ได้ขอร้องชาวบ้านอพยพออกมาอยู่ที่ศูนย์อพยพ ไม่ต้องห่วงทรัพย์สิน ขอให้เอาชีวิตรอดก่อน


















[14 ตุลาคม] ลพบุรียังวิกฤติชาวบ้านเจาะคันกั้นน้ำ

           น้ำท่วมลพบุรี วิกฤติต่อเนื่อง ชาวบ้านเจาะคันกั้นน้ำส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูง เจ้าหน้าที่เร่งป้องกันเขตเทศบาล

           วันนี้ (14 ตุลาคม) นายธีรศักดิ์ ทรัพย์ศิริ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี เปิดเผยกับ ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ล่าสุดพบปัญหาที่ทำให้น้ำในจังหวัดลพบุรีสูงขึ้นคือชาวบ้านในจังหวัดชัยนาท ได้เจาะแนวกั้น คลองชลประทาน ส่งผลให้ระดับน้ำในลพบุรีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ทหารและผู้ว่าฯชัยนาท เข้าเจรจากับชาวบ้าน จนถึงขณะนี้ทหารกำลังเข้าทำการซ่อมแซมสร้างแนวกั้นจุดดังกล่าวอย่างเต็มที่

           ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังอย่างเต็มที่ ในการป้องกันเขตเทศบาลเมืองลพบุรี ทั้งเขตเทศบาลท่าวุ้ง และเขตเทศบาลบ้านหมี่ จนถึงขณะนี้ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว 11 อำเภอ ระดับน้ำท่วมสูง โดยเฉลี่ย 4 เมตร มีบางจุดที่น้ำท่วมสูงถึง 9 เมตร จนถึงขณะนี้ มีผู้อพยพแล้วกว่า 36,000 คน ซึ่งทาง ปภ. พยายามรวมศูนย์อพยพให้น้อยลง เพื่อจะทำให้เจ้าหน้าที่ดูแลได้ง่ายขึ้น และได้เตรียมแผนสองไว้รองรับผู้อพยพเพิ่มเติมอีก 9 จุด โดยจะใช้พื้นที่ภายในค่ายทหาร
 






[13 ตุลาคม] บ้านหมี่วิกฤติหนัก น้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง (ไอเอ็นเอ็น)

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟชบุ๊ก Changtaeng Tawatchai

         ระดับน้ำ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทะลักท่วมถนนแล้วกว่า 1 เมตร แนะผู้บริจาคปฏิบัติตามคำแนะนำ

         นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม นายอำเภอบ้านหมี่ จ.ลพบุรี เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่า ล่าสุด ระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง น้ำท่วมแล้ว 18 ตำบล จากทั้งหมด 21 ตำบล ระดับน้ำท่วมถนนพื้นที่ อ.บ้านหมี สูงกว่า 1 เมตรแล้ว การสัญจรถูกตัดขาด ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ยอมอพยพออกมาจากพื้นที่เนื่องจากหวงทรัพย์สิน ซึ่งทางอำเภอได้เตรียมศูนย์อพยพไว้แล้ว 3 จุด ขณะเดียวกันในพื้นที่เริ่มขาดเเคลน เรือ สุขาลอยน้ำ และเสื้อชูชีพ โดยมีจำนวนผู้อพยพเข้าศูนย์อพยพแล้วกว่า 500 คน เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่อย่างต่อเนื่อง

         ส่วนการบริจาคของทางภาคเอกชนที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่า ทางภาครัฐให้ความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง หรือได้จำนวนน้อยบ้าง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ทางผู้ที่ต้องการบริจาค ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการด้วย













ภาพน้ำท่วมที่ จ. ลพบุรี


ภาพน้ำท่วมที่ จ. ลพบุรี


[10 ตุลาคม] น้ำท่วมลพบุรีร่วมเดือน ยายวัย 76 เครียดจัด-ช็อกดับ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

        สุดเศร้า คุณยายวัย 76 เครียดจัดจนช็อกเสียชีวิต หลังบ้านน้ำท่วม จนต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนเขา นานกว่า 1 เดือน

        สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ. ลพบุรี ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลาย เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา 9 ตุลาคม ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวบ้าน อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอท่าวุ้ง และอำเภอบ้านหมี่ ต่างเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก

       ล่าสุดเกิดเหตุเศร้าสลด เมื่อคุณยายวัย 76 ปี ชื่อ นางสำรวย ชูเพชร เกิดอาการเครียดจัดจนช็อกกะทันหัน บรรดาเพื่อนบ้าน และญาติต่างช่วยกันนำคุณยายส่งลงเรือเพื่อออกมารักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งกว่าจะถึงฝั่งต้องใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง จึงทำให้คุณยายเสียชีวิตระหว่างทาง ส่วนสาเหตุที่เสียชีวิตนั้นเนื่องมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่บ้านเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี คุณยายต้องหนีน้ำพากันไปอยู่ที่ เขาวัดถ้ำช้างเผือก นานกว่า 1 เดือน จึงทำให้คุณยาย เกิดอาการเครียดจัด และช็อกจนเสียชีวิตในที่สุด

        ทางด้าน พล.ต.ต.ชาติชาย แต่งเอี่ยม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี  เมื่อทราบข่าวดังกล่าว ได้ประสานงานกับผู้นำหมู่บ้านแจ้งว่า ถ้าหากพบผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุที่มีอาการเครียด หรือเจ็บป่วย ให้รีบแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทางเจ้าหน้าที่จะได้นำเฮลิคอปเตอร์ขนย้ายผู้ป่วยออกมาส่งโรงพยาบาล ได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชาติชาย ยังได้วอนขอผู้ใจบุญบริจาคนมสำหรับเด็กด้วย เพราะในแต่ละจุดที่ประสบภัยมีเด็กอ่อนอยู่จำนวนมาก
  


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






[3 ตุลาคม] เตือนหมูจมน้ำตาย อย่านำมากิน-มีแผลห้ามลุยน้ำ


เตือนหมูจมน้ำตาย อย่านำมากิน-มีแผลห้ามลุยน้ำ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          กรมควบคุมโรคเตือนภัยที่มากับน้ำ โดยให้ระวังเชื้อโรคในหมูตายจากน้ำท่วมแพร่ระบาดมาสู่คนได้ ห้ามนำหมูตายไปบริโภคเด็ดขาด เตือนประชาชนที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการลุยน้ำในพื้นที่ที่มีสัตว์ตาย

          จากสถานการณ์น้ำท่วมสูงจนทำให้หมูในฟาร์มบางแห่งจมน้ำตายมากมายนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ออกมาเตือนประชาชนถึงเชื้อโรคที่จะมากับภาวะหมูตายในสถานการณ์น้ำท่วม โดยระบุว่า กรณีหมูจมน้ำตายจากอุทกภัย จะมีเชื้อแบคทีเรีย 3 ชนิดปนเปื้อนอยู่ คือ เชื้อแบคทีเรียซาโมเนลร่า (Salmonella), เชื้อแบคทีเรียอีโคลาย (E.Cola), เชื้อแบคทีเรียสแตป (Staph)

          รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า หากไม่เร่งเก็บและทำลายฝังกลบซากหมูตาย จะทำให้เชื้อดังกล่าวแพร่อยู่ในตัวหมูและระบาดไปสู่คนได้ ดังนั้น ประชาชนควรหลีกเลี่ยงอย่านำหมูจมน้ำตายไปบริโภคเด็ดขาด และเร่งนำหมูตายใส่ถุงภาชนะปิดให้มิดชิดไปฝังกลบและทำลาย หากหมูตายจนขึ้นอืดไม่สามารถใส่ภาชนะได้ ควรจะแยกหรือชำแหละให้มีขนาดเล็กลง แล้วนำไปฝังกลบ           

          ส่วนเชื้อแบคทีเรียทั้งสามชนิดนั้น หากเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้เกิดโรคบิด ท้องร่วง และอาหารเป็นพิษได้ โดยเฉพาะประชาชนที่มีบาดแผลตามร่างกาย โดยเฉพาะ ขาและเท้า ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำในพื้นที่ที่มีสัตว์ตาย เพราะเชื้อโรคดังกล่าวสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยตรงทางบาดแผลได้





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




[30 กันยายน] พิษน้ำท่วม! ฟาร์มหมูเสียหาย-หมูลอยคอทยอยตาย












เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
 
           น้ำท่วมลพบุรียังอ่วม น้ำเข้าท่วมฟาร์มหมูเสียหายหนัก หมูที่ลอยคอในคอกทยอยตาย ขณะที่พิจิตร เร่งขนย้ายหมูหนีน้ำท่วม      
 
           จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อความเสียหายนานับประการ ไม่เว้นกระทั่งสัตว์เลี้ยง ที่ต้องล้มตายจากสถานการณ์น้ำท่วมไปมากมาย เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงหมูที่ตำบลโพธิ์เก้าต้น จังหวัดลพบุรี โดยเจ้าของฟาร์มเผยว่า กระแสน้ำพัดเข้าท่วมฟาร์มหมู ได้รับความเสียหายหนัก ทั้งที่ได้นำกระสอบทรายกว่าพันกระสอบมาล้อมจนสูงมิดแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี
 
           ทั้งนี้ เจ้าของฟาร์ม เผยว่า หมูกว่า 200 ตัวลอยคอในคอกเล็ก ๆ มานานกว่า 4 วันแล้ว มันทยอยตัวตายทุกวัน ตัวที่เหลืออยู่ก็ร้องโหยหวน เพราะอยู่ในสภาพที่รอวันตายเช่นกัน บางตัวก็พยายามกัดคอกขังเหล็ก เพื่อหาทางเอาชีวิตรอดอย่างน่าเวทนา โดยเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เรียกได้ว่า แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวไปกับฤดูน้ำหลากนี้เลยทีเดียว
 
           ขณะที่จังหวัดพิจิตรเอง  หลังจากที่แม่น้ำน่านได้เอ่อเข้าท่วม ในเขตชุมชนราชรถ เขตเทศบาลเมืองพิจิตร และขยายวงกว้างมาถึงในพื้นที่ตำบลคลองคะเชนทร์ จนท่วมคอกหมูบางส่วน ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายหมู 30 ตัวที่เลี้ยงไว้  แต่หากระดับน้ำยังเพิ่มสูงอีกคงต้องปล่อยให้เสียหาย เพราะไม่มีพื้นที่จะเลี้ยงแล้ว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

 

[29 กันยายน] ชะตากรรมคนบ้านหมี่ ระทมทุกข์อุทกภัย


นํ้าท่วมลพบุรี2554

นํ้าท่วมลพบุรี2554


นํ้าท่วมลพบุรี2554


นํ้าท่วมลพบุรี2554


นํ้าท่วมลพบุรี2554

น้ำท่วมลพบุรี

น้ำท่วมลพบุรี

น้ำท่วมลพบุรี

น้ำท่วมลพบุรี

น้ำท่วมลพบุรี


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          ทุก ๆ ปี เราจะได้ยินชื่ออำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ถูกประกาศเป็นหนึ่งพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากอำเภอบ้านหมี่เป็นที่ราบลุ่มซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำของจังหวัด ส่งผลให้ทุก ๆ ปี ในอำเภอบ้านหมี่จะมีน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ซ้ำยังท่วมขังเป็นเวลานานหลายเดือน

          และ ในปีนี้ชาวบ้านหมี่ก็ยังต้องเจอชะตากรรมเช่นเดียวกันนี้อีกครั้ง ซึ่งเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 กันยายน รายการเจาะข่าวเด่น โดยสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจสถานการณ์ และความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ที่ตำบลบางขาม อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นจุดที่วิกฤตที่สุด หลังจากประตูน้ำบางโฉมศรีที่อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีแตก เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา

          ภาพที่เห็นก็คือ ระดับน้ำได้ท่วมจุดดังกล่าวสูงมากกว่า 4 เมตรครึ่ง บ้านชั้นเดียวแทบไม่เห็นหลังคาแล้ว ส่วนบ้านสองชั้นระดับน้ำก็ท่วมถึงชั้น 2 ชาวบ้านต้องเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงไปไว้บนชั้นสอง ซึ่งก็ยังถูกน้ำท่วมเช่นกัน ขณะที่ผู้สูงอายุซึ่งร่างกายไม่แข็งแรงต้องนอนอยู่บนเตียงชั้นสองที่ขาเตียง จุ่มน้ำ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปไหนได้

          ชาวบ้านหลายคนในหมู่ 1 ต้องอพยพคนในครอบครัวมาอาศัยพักพิงอยู่ในวัดวาสนาวราราม ซึ่งเป็นศูนย์รวมของความช่วยเหลือทั้งคนและสัตว์ โดยทางวัดได้เปิดเป็นโรงครัวทำอาหารเลี้ยงชาวบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทางวัดกำลังกังวลเป็นอย่างมากก็คือ ทางจังหวัดลพบุรีคาดการณ์กันว่า ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1 เมตร ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง บริเวณที่วัดให้ชาวบ้านได้มาอาศัยพักพิงจะถูกน้ำท่วมจนหมด ทางวัดจึงเตรียมแผนจะให้ชาวบ้านไปอาศัยอยู่ในกุฏิของพระแทน ส่วนพระในวัดซึ่งมีทั้งหมด 8 รูป จะย้ายไปอยู่ในโบสถ์ชั่วคราว

          ขณะที่รอบ ๆ โบสถ์ของวัดซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดก็ยังมีน้ำปริ่ม ๆ ประมาณ 50 เซนติเมตร ชาวบ้านจึงได้นำรถจักรยานยนต์ รถไถ รถยนต์ และเครื่องมือประกอบอาชีพมากองเก็บไว้ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อหวังจะให้ทรัพย์สินพ้นจากน้ำท่วม


นํ้าท่วมลพบุรี2554


นํ้าท่วมลพบุรี2554


          ชาวบ้านบางขามพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น้ำที่ไหลท่วมไหลเชี่ยวมาก ต้องอาศัยเรือหางยาวในการสัญจรเท่านั้น เพราะหากใช้เรือพายก็คงจะจมทั้งเรือและคน และก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ.2538 ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีก็เคยแตกมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ชาวบางขาม อำเภอบ้านหมี่ถูกน้ำท่วมหนัก แต่ในปีนี้น้ำท่วมหนักกว่าครั้งที่แล้วมาก แม้ว่าทางอำเภอบ้านหมี่จะเตรียมการอุดไว้แล้วทุกปี แต่ก็ต้านทานแรงน้ำไม่ไหว เพราะน้ำมีปริมาณมหาศาล หลังจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแตก เพียงแค่ 4 วัน น้ำก็ไหลมาถึงบ้านหมี่แล้ว

          ความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากบ้านเรือนจะถูกท่วมจนอยู่อาศัยไม่ได้แล้ว นาข้าวก็ยังเสียหายจำนวนมาก โดยชาวบ้านบอกว่า แต่เดิมทุกคนคาดการณ์ว่าน้ำจะท่วมในช่วงเดือนตุลาคม จึงรีบปลูกข้าวเพื่อจะได้เร่งเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน แต่ปีนี้น้ำมาเร็วจนไม่ทันตั้งตัว จึงไม่มีใครเก็บเกี่ยวข้าวที่กำลังออกรวงได้ทัน เพราะเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ข้าวที่กำลังออกรวงพร้อมจะเก็บเกี่ยวก็ขาวโพลนไปด้วยผืนน้ำหมดแล้ว

          ชาวบ้านต้องเสียน้ำตาทุกวันที่เห็นผืนนาจมจนมิด เพราะนั่นหมายความว่า หนี้สินที่ตัวเองมีอยู่แล้วก็จะยิ่งท่วมหัวมากขึ้น เพราะเงินที่ได้มาทำนาก็มาจากการไปกู้คนอื่นมา และยิ่งมาเจอเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นนี้อีก ก็ยิ่งไม่มีผลผลิตไปขายหาเงินมาใช้หนี้ ซ้ำยังไม่มีเงินไปลงทุนอีกแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านก็เสียหายจนหมด

          ทุกวันนี้ ชาวบ้านในอำเภอบ้านหมี่ไม่เคยได้นอนตาหลับได้อย่างสบายใจเลยสักคืน เพราะระดับน้ำยิ่งเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน และไม่รู้ว่าน้ำจะลดลงเมื่อใด สิ่งเดียวที่หวังได้ก็คือ ขออ้อนวอนต่อรัฐบาลให้ช่วยเพิ่มเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรด้วย เพราะทุกคนอยากสู้ แต่ไม่รู้ว่าจะสู้จนรอดได้หรือไม่










อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




[28 กันยายน] ลพบุรีท่วมหนัก - หวั่นท่วมกองขยะ ทำเชื้อโรคแพร่


น้ำท่วมลพบุรี



ผู้ว่าฯลพบุรีมั่นใจรับมือได้-ท่วมหนัก3อ. (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          ลพบุรี ท่วมหนัก 3 อำเภอ กินวงกว้างกว่า 1 แสนไร่ พ่อเมืองยังมั่นใจ รับมือน้ำท่วมได้ หวั่นน้ำทะลักท่วมกองขยะเทศบาล ทำเชื้อโรคแพร่กระจาย

          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดว่า ในตอนนี้ จ.ลพบุรี ยังต้องรับน้ำจากเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่องในทุกทิศทาง ทำให้ท่วมหนักใน 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ท่าวุ้ง และ อ.บ้านหมี่ โดยเป็นเนื้อที่กว่า 100,000 ไร่ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้ว และระดมเจ้าหน้าที่ ทหาร อาสาสมัครต่าง ๆ ประมาณ 2,500 นาย เข้าช่วยเหลือ อพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย รวมถึงจัดหาอาหาร ที่พัก และห้องสุขาให้กับประชาชนด้วย

          สำหรับประชาชนบางส่วนที่ยังอพยพออกมาไม่ได้ และถูกตัดขาด ทางการได้มีการเตรียมทำอาหารแพ็กใส่กล่องนำไปส่งให้ทางอากาศ ก่อนที่จะหาทางช่วยเหลืออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยต่อไป ซึ่งทางราชการจะพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ ไม่ให้น้ำเข้าท่วมเขตเทศบาลเมือง และพื้นที่สำคัญของทางราชการ รวมถึงโรงพยายาบาล ซึ่งเป็นจุดพักของประชาชน ที่อพยพมาจากที่ต่าง ๆ โดยยังมีความมั่นใจว่า จะสามารถจัดการแก้ปัญหาในพื้นที่ได้ เพียงแต่หวั่นว่าน้ำจะท่วมเข้าถึงกองขยะเทศบาล จะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และเป็นอันตรายต่อประชาชน

          ทั้งนี้ พ่อเมืองลพบุรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางจังหวัดยังต้องการเรือ และรถใหญ่ มาช่วยในการอพยพ และลำเลียงประชาชนเพิ่มอีก เพราะที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอกับการใช้ช่วยเหลือประชาชน โดยจะขอเช่าจากหน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้ รวมถึงเสื้อชูชีพให้กับประชาชนด้วย ตลอดจนเรียกร้องให้ประชาชนสามัคคีกัน ในการต่อสู้และผ่านวิกฤติ โดยไม่มีการแบ่งแยกสีใด พรรคใด เพราะเป็นคนลพบุรีด้วยกันด้วย


บุรีรัมย์น้ำท่วมถนนสูงกว่า 1 เมตร

          ชาวนาในพื้นที่ ต.หายโศก อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เร่งเกี่ยวข้าวที่กำลังออกรวง ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำกว่า 1 เมตร เพื่อนำขึ้นไปตากไว้บนที่สูง หลังถูกน้ำเหนือจาก จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ไหลบ่ามารวมกันกับลำสะแทด ทะลักเข้าท่วมนาข้าว ของเกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.พุทไธสง รวมกว่า 2,000 ไร่ ซึ่งหากเกษตรกรไม่เร่งเก็บเกี่ยวข้าวที่ถูกน้ำท่วมจะเน่าตายเสียหายทั้งหมด นอกจากนั้น น้ำยังได้เอ่อท่วมถนนที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านโนนบ่อหลวง อ.พุทไธสง และ บ้านครบุรี อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา สูงกว่า 1 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตร ชาวบ้านต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

          โดยทางอำเภอ ร่วมกับทางจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ได้นำเรือท้องแบนมาคอยบริการรับส่งชาวบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และหากระดับน้ำไม่ลดลงภายใน 3 - 5 วัน นาข้าวที่ถูกน้ำท่วมจะเน่าตายเสียหายทั้งหมด อย่างไรก็ตามทางอำเภอ ได้กำชับให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดริมลำน้ำ ได้ขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง


ผู้ว่าฯลพบุรีมั่นใจรับมือได้-ท่วมหนัก3อ.

          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ในรายการเปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง FM 102.75 MHz ถึง สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดว่า ในตอนนี้ จ.ลพบุรี ยังต้องรับน้ำจากเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่องในทุกทิศทาง ทำให้ท่วมหนักใน 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ท่าวุ้ง และ อ.บ้านหมี่ โดยเป็นเนื้อที่กว่า 100,000 ไร่ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้ว และระดมเจ้าหน้าที่ ทหาร อาสาสมัครต่างๆ ประมาณ 2,500 นาย เข้าช่วยเหลือ อพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย รวมถึงจัดหาอาหาร ที่พัก และห้องสุขาให้กับประชาชนด้วย

          สำหรับประชาชนบางส่วนที่ยังอพยพออกมาไม่ได้ และถูกตัดขาด ทางการได้มีการเตรียมทำอาหารแพ็กใส่กล่องนำไปส่งให้ทางอากาศ ก่อนที่จะหาทางช่วยเหลืออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยต่อไป ซึ่งทางราชการจะพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ ไม่ให้น้ำเข้าท่วมเขตเทศบาลเมือง และพื้นที่สำคัญของทางราชการ รวมถึงโรงพยายาบาล ซึ่งเป็นจุดพักของประชาชน ที่อพยพมาจากที่ต่างๆ โดยยังมีความมั่นใจว่า จะสามารถจัดการแก้ปัญหาในพื้นที่ได้ เพียงแต่หวั่นว่าน้ำจะท่วมเข้าถึงกองขยะเทศบาล จะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และเป็นอันตรายต่อประชาชน

          ทั้งนี้ พ่อเมืองลพบุรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางจังหวัดยังต้องการเรือ และรถใหญ่ มาช่วยในการอพยพ และลำเลียงประชาชนเพิ่มอีก เพราะที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอกับการใช้ช่วยเหลือประชาชน โดยจะขอเช่าจากหน่วยงานต่างๆ ก็ได้ รวมถึงเสื้อชูชีพให้กับประชาชนด้วย ตลอดจนเรียกร้องให้ประชาชนสามัคคีกัน ในการต่อสู้และผ่านวิกฤติ โดยไม่มีการแบ่งแยกสีใด พรรคใด เพราะเป็นคนลพบุรีด้วยกันด้วย

น้ำทะลักท่วมชาวศรีสัชนาลัยขนของหนีวุ่น

          จากที่มีฝนตกหนัก ในพื้นที่ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ส่งผลให้ ปริมาณกักเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำ ห้วยแม่ท่าแพ จนเอ่อล้นสปิลล์เวย์ ระดับความสูง 50 ซ.ม. ไหลบ่าลงสู่ลำคลองแม่ท่าแพ รวมทั้ง มีน้ำป่าจากแนวเทือกเขาในพื้นที่ ไหลสมทบลงสู่ลำคลองจนเอ่อล้นเข้าท่วมหลายหมู่บ้านใน ต.สารจิต และ ต.บ้านแก่งของ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านคุกพัฒนา หมู่ที่ 12 ต.สารจิต อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ต้องช่วยกัน บรรจุกระสอบทราย พร้อมกับขนกระสอบทราย นำไปวางปิดกั้นทางน้ำที่ไหลเอ่อล้นจากคลองแม่ท่าแพ จนเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร กว่า 50 หลังคาเรือน ชาวบ้าน ต้องช่วยกันขนข้าวของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น โดยคาดว่า ระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใน 1-2 วันนี้

สุรินทร์ อ่วม 3 อำเภอ ข้าวเจ๊ง 2 หมื่น

          นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ จังหวัดสุรินทร์ มีพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 3 อำเภอ 4 ตำบล 6 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 8 ตำบลบะ อำเภอท่าตูม หมู่ที่ 7 , 8 ตำบลสำโรงทาบ หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะแก้ว อำเภอสำโรงทาบ หมู่ที่ 3 ตำบลเมืองที และหมู่ที่ 12 ตำบลราม อำเภอเมืองสุรินทร์ ปภ.สุรินทร์ ได้สรุปพื้นที่มีความเสี่ยงภัย เกิดอุทกภัย 108 ตำบล 833 หมู่บ้าน เสี่ยงเกิดอุทกภัยสูง 146 หมู่บ้าน ด้าน นายนุศิษฐ์ วีรธนศิลป์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวัน ทำให้นาข้าวในพื้นที่หลายอำเภอถูกน้ำท่วมขัง สำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ คาดการณ์ว่า นาข้าว ที่ถูกน้ำท่วมในเขตอำเภอท่าตูม สังขะ และสำโรงทาบ ได้รับความเสียหายประมาณ 21,769 ไร่ และมันสำปะหลัง ในเขตอำเภอกาบเชิง เสียหาย 22,956 ไร่






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำท่วมลพบุรี ยังไม่ลด พบคันดินแตกอีก 3 จุด อัปเดตล่าสุด 17 ตุลาคม 2554 เวลา 10:33:34 173,385 อ่าน
TOP
x close