เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอมคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ ตีสิบ, youtube.com โพสต์โดย CiNNtv1
ชายคนหนึ่ง... ที่รู้ตัวว่าเป็นกะเทยตั้งแต่จำความได้ ท่ามกลางความคัดค้านของครอบครัวที่ อยากให้ลูกชายคนเดียว เป็นชายแท้จริง แต่แล้ววันหนึ่ง ชายหัวใจหญิงคนนั้น กลับเปลี่ยนใจ เลิกเป็นกะเทย แล้วกลับมาดำเนินชีวิตเหมือนผู้ชายแท้ ๆ ทั่วไป เป็นเรื่องราวที่แปลก มาก ๆ ว่า เพราะเหตุใด ทำไมชายหัวใจหญิงมาตลอดทั้งชีวิต ถึงอยากจะกลับมาเป็นชายแท้อย่างเต็มตัว และวันนี้กระปุกดอทคอมได้นำเรื่องราวของชายคนดังกล่าว ซึ่งนำเสนอผ่านรายการตีสิบเมื่อคืนวานนี้ (4 ตุลาคม) มาบอกเล่าให้ได้ฟังกันค่ะ
สมจิต ดวลขันธ์ อดีตกะเทย วัย 26 ปี เท้าความตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ตนก็รู้ตัวมาตลอดว่าเป็นกะเทย ซึ่งคุณพ่อก็จะชอบดุชอบด่า เวลาไปเรียนก็แอบเล่นกับผู้หญิง แอบเขียนคิ้วแต่งหน้า ทาปากแดง ๆ ที่โรงเรียนตลอด พอกลับไปที่บ้านก็ต้องลบออกก่อนคุณพ่อเห็นเป็นประจำ จากนั้นพอจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตนก็ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะได้ไม่ต้องแต่งหน้าหลบ ๆ ซ่อน ๆ และได้แต่งหญิงเป็นกะเทยอย่างเต็มตัวสมใจ ก็เลยย้ายมาหางานทำที่กรุงเทพฯ
"ผมกินยาคุม ฮอร์โมนเพศหญิงตั้งแต่ ม. 2 แล้ว ปกติกะเทยทั่วไปจะกินวันละ 1 เม็ด แต่ผมจัดเต็มกินไปวันละ 3 เม็ด ทำให้ผิวพรรณเริ่มเนียนขึ้น หนวดเคราไม่มี หน้าอกก็เริ่มใหญ่ แล้วพออายุประมาณ 18 - 19 ผมก็เริ่มเป็นสาว และสวยด้วย" สมจิต กล่าว
อดีตกะเทย ยังกล่าวอีกว่า ด้วยความที่ว่าตนเป็นพนักงานโรงงาน ไม่ได้รวยอะไร จึงไม่มีเงินไปศัลยกรรมตัดอัณฑะ แปลงเพศแบบเต็มสูตร ถ้ามีเงินตอนนั้นคงตัดไปแล้ว เพราะเวลาที่ตนเข้าห้องน้ำทีไร มีอยู่สิ่งเดียวที่เป็นส่วนเกินในชีวิต สิ่งเดียวที่ทำให้ตนไม่เหมือนผู้หญิง ซึ่งตนเกลียดสิ่งนั้นมาก และต้องการตัดมันออกไปจากชีวิต แต่ตนก็ผลัดมันเรื่อยมา ไม่ได้ตั้งใจเก็บเงินเพื่อแปลงเพศอย่างจริงจัง แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่ตัด เพราะถ้าตัดก็คงไม่มีวันนี้...
ส่วนบรรดาเพื่อนสนิท ก็ต่างยืนยันว่า สมจิต เป็นกะเทยอย่างเต็มตัว แถมสวยอีกต่างหาก สูงเพรียว ขาเรียว ผิวเนียน เวลาเดินไปไหนมาไหน ก็จะมีคนแซวตลอดทาง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เล่ากิจวัตรระหว่างที่เป็นกะเทยให้ฟังว่า โรงงานที่ทำนั้นอยู่ห่างจากบ้านพัก ประมาณ 50 เมตร เข้างาน แปดโมงเช้า ตนปลุกนาฬิกาหกโมงเช้าทุกวัน เพื่อมาทำสวย หมักผม แต่งหน้า ก่อนที่จะออกไปทำงาน ซึ่งบางวันก็ไปทำงานสาย ส่วนเสื้อผ้าที่ชอบใส่ในสมัยนั้น ตนจะนิยมสาย เดี่ยว ขาสั้น กระโปรงสั้น เพื่ออวดขาเรียว ๆ ของตน แต่ตอนนี้ เสื้อผ้าเหล่านั้น ตนได้ให้เพื่อน ๆ ไปหมดแล้ว อีกทั้งขาก็ไม่ได้เรียวเหมือนเดิม เพราะฮอร์โมนลด ขนหน้าแข้งก็ขึ้นเหมือนผู้ชาย
สมจิต ยังเล่าให้ฟังต่อว่า ตอนที่เป็นกะเทยมีผู้ชายเข้ามาจีบหลายคน แต่คนที่คุยด้วยจริงจังถึงขั้นตกลงเป็นแฟนและมีอะไรกันนั้นมีเพียง 3 คน ...แต่แล้วก็มาถึงจุดที่เปลี่ยน เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต... ผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน แรก ๆ ตนก็รู้สึกหมั่นไส้ และไม่กินเส้นกัน แต่พอรู้จักนาน ๆ เข้า ก็เริ่มสนิท แล้วก็รู้ว่าน้องเขาน่ารักขนาดไหน จากความรู้สึกดี ๆ ที่เพื่อนสองคนมีให้กัน ก็กลายเป็นความห่วงใยมากขึ้นเรื่อย ๆ ตนเริ่มรู้สึกแปลกใจ และตั้งคำถามกับตนเองว่า "ตอนนี้ตนเป็นอะไรกันแน่" เพราะเริ่มรู้สึกหวั่นไหว เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ความห่วงใย ความหวังดีที่ตนมีให้แฟนคนก่อน ๆ ตนไม่เคยได้ตอบกลับมาเลย แต่กลับมาได้จากผู้หญิงคนนี้ ซึ่งตนไม่เคยคิดว่าจะมีคนทำดี ๆ อย่างนี้กับตน
หลังจากนั้น ตนก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ที่ก่อขึ้นในใจมาโดยตลอด ทั้งสับสน ทั้งไม่แน่ใจ จนกระทั่งตนรู้ตัวว่าตน "รัก" ผู้หญิงคนนั้นแล้ว ตนก็ตั้งใจเลิกกินฮอร์โมน แล้วหันมากินแตงกวา แตงโม หัวผักกาด เพื่อล้างฮอร์โมน และให้อวัยวะเพศสามารถแข็งตัวได้เหมือนชายทั่วไป โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ตนกำลังจะกลับไปเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว ...ด้วยความสนิทสนมกัน แฟนของผู้หญิงคนนั้นมักจะไว้ใจให้เขามาเที่ยวกับตนบ่อย ๆ โดยไม่ระแวง หรือตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด
และแล้วจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของตนเกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายปี 53 วันนั้นตนชวนผู้หญิงคนนั้นมากินข้าว แต่ฝนตกตนไม่สามารถไปส่งเขาที่บ้านได้ เขาจึงนอนค้างที่บ้านของตน จากนั้นอารมณ์ความเป็นชายของตนก็พลุ่งพล่าน รู้สึกอยากใกล้ชิดจึงพยายามกอด-จูบ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ซึ่งตนก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกดี ๆ พังลง แต่แล้วเธอก็ยินยอมและเราก็มีเพศสัมพันธ์กัน
สมจิต เล่าต่อไปว่า ความรู้สึกของตนในตอนนั้น ตนรู้สึกมีความสุขมาก สุขมากกว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย เพราะการเป็นกะเทยต้องเป็นฝ่ายที่มอบความสุขให้กับเขา แต่ในครั้งนี้ ตนรู้สึกว่า "อ๋อ เป็นผู้ชายเต็มตัวมันดีแบบนี้นี่เอง" หลังจากนั้น ตนก็คบกับผู้หญิงคนนั้นใน สภาพกะเทยมา 4 เดือน โดยที่ไม่มีใครระแคะระคายเลย ส่วนผู้หญิงคนนั้น ก็ถามตนว่า ตนกลับไปเป็นชายตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งตนตอบไปว่า "ตนได้เปลี่ยนเป็นผู้ชาย ตั้งแต่เริ่มรู้จักเขาแล้ว"
ความรักมันเริ่มมากขึ้นทุก ๆ วัน ตนคิดจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น เลยตัดสินใจจะตัดผม เลิกเป็นกะเทย แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาเลือกแฟน ซึ่งตนก็เสียใจ แต่ไม่ได้โกรธอะไรเขาเลย ถือเสียว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ทำให้ตนกลับมาเป็นชายอย่างเต็มตัว ส่วนเพื่อน ๆ ที่เห็นตนตัดผม ก็คิดว่าตน อกหักจากผู้ชาย ไม่ได้เอะใจอะไรเหมือนกัน
สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด สมจิต บอกว่า เขาได้เล่าให้คุณแม่ฟังมาโดยตลอด ตอนแรกแม่ก็ดีใจที่ตนกลับมาเป็นผู้ชาย แต่ก็ได้ตักเตือนเรื่องไปมีอะไรกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว ส่วนคุณพ่อเมื่อทราบข่าว ก็ยิ้มแก้มปริ แล้วก็อยากให้ตนบวช ซึ่งตนก็บวชให้เขาเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความยินดีปนแปลกใจนิด ๆ ของบรรดาญาติพี่น้อง
ส่วนงานที่ทำ ตนก็ไปขอเถ้าแก่ว่า อยากทำงานเหมือนผู้ชาย เถ้าแก่ก็ได้เปลี่ยนจากงานผู้หญิงที่นั่งทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ในห้องแอร์ เป็นงานแบกหามซึ่งตนก็สามารถทำได้ดีเลยทีเดียว
พร้อมกันนี้ สมจิต กล่าวปิดท้ายอย่างอารมณ์ดีว่า "ความสุขในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนรักอยู่ข้าง ๆ แต่ตนก็หวังว่าในอนาคต ตนจะมีคนรักที่่มาช่วยกันสร้างครอบ ครัวที่อบอุ่นได้ ...อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ตนไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศ เพราะถ้าตัดไป ตนคงเสียดายมากแน่นอน ส่วนชีวิตประจำวันของตนตอนนี้ ก็สบาย ๆ ไม่ต้องหมักผม แต่งหน้า ตื่นเจ็ดโมงสี่สิบ ก็ยังไปทำงานทัน (หัวเราะ)"