x close

จนท. เร่งกู้นิคมฯ ไฮเทค พร้อมนำสารเคมีไว้ในที่ปลอดภัย

 
 




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3


           หลังจากที่น้ำท่วมได้ไหลทะลักน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นบางจุดท่วมสูงถึง 5 เมตร และเอ่อล้นมาถึงถนนสายเอเชีย ส่วนคันกั้นน้ำ บริเวณด้านหน้า ก็ถูกน้ำจากคลองที่ขนาบอยู่ด้านข้าง กัดเซาะ จนมีความกว้างกว่า 1 เมตร

           อย่างไรก็ตาม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เร่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข และกู้นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และนิคมที่ถูกน้ำท่วมให้ได้ พร้อมสั่งให้นำสารเคมีที่อาจจะเป็นอันตรายนำไปเก็บที่อื่น เนื่องจากกลัวว่าจะมีการรั่วไหลสารเคมีออกมากับน้ำ

           ทั้งนี้ทาง กนอ. มั่นใจว่าขณะนี้จะยังไม่มีสารเคมีรั่วไหลออกมาแน่นอน เพราะทางโรงงานมีการป้องกันอย่างดี และเชื่อว่าจะมีความปลอดภัย







 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก















[15 ตุลาคม] ระดับน้ำไฮเทคสูงเกือบ 2 เมตร เอ่อล้นสายเอเชีย

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          ระดับน้ำ นิคมฯไฮเทค เพิ่มสูง เกือบ 2 เมตร เอ่อถนนสายเอเชียแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ รอตรวจสอบความเสียหาย หลังระเบิดเมื่อคืนนี้

          สถานการณ์น้ำท่วมที่ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จนล้นมาถึงถนนสายเอเชีย ส่วนคันกั้นน้ำ บริเวณด้านหน้า ก็ถูกน้ำจากคลองที่ขนาบอยู่ด้านข้าง กัดเซาะ จนมีความกว้างกว่า 1 เมตร ส่วนระดับน้ำด้านในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ขณะนี้มีความสูงกว่า 1.80 ซ.ม. ทางเจ้าหน้าที่ของโรงงานต่าง ๆ ภายในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ได้นั่งเรือเข้าไปสำรวจเครื่องจักรในโรงงาน ว่าจะสามารถขนย้ายอะไรออกมาได้บ้าง และขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร กว่า 50 นาย ได้เข้ามาในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแล้วเพื่อรอคำสั่งจาก ผู้บังคับบัญชา

          ส่วนความคืบหน้า เหตุระเบิดในโรงงานของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ของทางโรงงาน สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบสภาพความเสียหาย










น้ำท่วมนิคมไฮเทค





[14 ตุลาคม] น้ำทะลักท่วมนิคมฯ ไฮเทค เต็มพื้นที่แล้ว จนท.ถอนกำลัง
 
          น้ำทะลักท่วมนิคมฯ ไฮเทค-อยุธยา เต็มพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตัดสินใจถอนกำลัง หลังยับยั้งน้ำที่ไหลเข้าท่วมไม่ได้ เผยระดับน้ำสูง 1 เมตรแล้ว

          วันนี้ (14 ตุลาคม 2554) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) แจ้งสถานการณ์อุทกภัยที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาว่า น้ำได้ไหลเข้าท่วมนิคมฯ ไฮเทค เต็มพื้นที่แล้ว แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้รถสูบน้ำของสำนักงานสาธารณภัย 6 เครื่อง สูบน้ำออกตลอดทั้งคืนที่ผ่านนั้น แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งน้ำที่ไหลเข้าท่วมได้ โดยขณะนี้ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และคาดว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมเพิ่มอีก เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จึงได้ตัดสินใจถอนกำลัง นำรถสูบน้ำไปไว้ที่ถนนสายเอเชียแล้ว

          ขณะที่ นายนัทธี บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ใน อ.บางปะอิน ถือว่ามีพื้นที่ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ทุกตำบล และล่าสุดน้ำได้ไหลเข้าท่วม นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายของนิคม ประมาณ 50 ราย ต้องออกจากพื้นที่มา ส่วนคนงานในนิคมฯ นั้น ได้ทยอยอพยพออกไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ กระแสน้ำกำลังเข้าท่วมบ้านของ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่บริเวณใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อีกด้วย

          สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือนั้น นายนัทธี ระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมเรือให้มากที่สุด เตรียมพร้อมในทุกจุดเสี่ยง เพื่อเข้าไปช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากบ้าน หรือพื้นที่เสี่ยงได้ทันที พร้อมกันนั้น ได้จัดเตรียม ถุงยังชีพ อาหารแห้ง ให้พร้อม และได้ประสานกับผู้นำท้องถิ่น ได้ตกลงกับชาวบ้าน เพื่อให้ทำสัญลักษณ์เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ปักธงหน้าชุมชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือทันท่วงที

          ด้าน นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการอพยพเคลื่อนย้ายประชาชน รวมถึงคนไข้ ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ว่า ในเวลานี้ ได้มีการศึกษา และประสานเพื่อเตรียมความพร้อมกับโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการเตรียมรองรับ เช่น รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ , รพ.ภูมิพล เป็นต้น รวมถึงลำดับขั้นตอน ในการเคลื่อนย้ายแล้ว

          พร้อมกันนี้ ยอมรับด้วยว่า ปัญหาอุปสรรค ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการจราจร ซึ่งล่าสุด ได้มีการประสาน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในการแก้ปัญหาแล้วเช่นกัน พร้อมเตือนประชาชนอย่าเดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยตนเอง เพราะหวั่นได้รับอันตราย

          นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์น้ำของจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ตึงเครียดมากขึ้นทุกวัน และคาดว่า น่าจะป้องกันนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคไว้ไม่ได้ เพราะพนังกั้นน้ำบางจุดอ่อนตัว ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วม และเตรียมพร้อมที่จะอพยพคนงาน และสิ่งของแล้ว

          ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของ อ.บางปะอิน เข้าร่วมตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค หลังจากมีกระแสข่าวว่า น้ำได้ไหลทะลักเข้าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่แต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่ ได้อธิบายว่า แนวคันกั้นน้ำด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งนี้ มีระยะทางเกือบ 2 กม. และมีความสูงร่วม 5 เมตรด้วยกัน และมีการเสริมแนวคันกั้นน้ำอย่างแน่หนา ประกอบกับคลองที่อยู่ติดกับคันกั้นน้ำ ไม่มีแรงดันน้ำ ทำให้คันกั้นน้ำแห่งนี้พังลงได้ แต่จุดที่น่าเป็นห่วงจะอยู่บริเวณด้านข้างของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ทางด้านทิศใต้ ที่อยู่ทางติดกับคลอง ซึ่งต่อเนื่องกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะว่าเมื่อใดน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้น ก็จะดันเข้าคลองดังกล่าว อาจจะเพราะคันกั้นน้ำที่ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก และอาจทำให้น้ำไหลทะลักเข้าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคได้


มทภ.1 สั่งเลิกชีนุกยกคอนเทนเนอร์อุดนิคมฯ ไฮเทค

          แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจสอบนิคมไฮเทค พร้อมยกเลิกปฏิบัติการชีนุก ขนตู้คอนเทนเนอร์กั้นน้ำแล้ว เพราะระดับน้ำสูงมาก ใช้โป๊ะลำเลียงหินเข้าไปแทน

          วันนี้ (14 ตุลาคม) พลโทอุดมเดช สีตะบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เข้าตรวจสอบบริเวณนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมด้านใน พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณแนวคันกั้นน้ำ ด้านทิศใต้ของนิคมอุตสาหกรรม ที่น้ำทะลักเข้ามา จากเมื่อวาน มีความกว้าง 5 เมตร ขณะนี้ความกว้างขยายออกประมาณ 15 เมตร

          ส่วนขั้นตอนของการอุดรอยรั่วดังกล่าว ขณะนี้ได้ยกเลิกภารกิจที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ชีนุกยกตู้คอนเทนเนอร์แล้ว เพราะไม่เห็นความจำเป็น อีกทั้งบริเวณที่ตั้งของตู้คอนเทนเนอร์ มีระดับน้ำค่อนข้างสูง จึงจะใช้วิธีการนำหินใส่กระสอบ และจะใช้โป๊ะลำเลียงเข้าไปแทน เพราะรถทหารเอง ก็ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากระดับน้ำค่อนข้างสูงมาก อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาในการดำเนินการ คงต้องรอให้กระแสน้ำลดระดับความแรงลง จึงจะสามารถดำเนินการได้  
 

นิคมไฮเทควิกฤติ! ยังอุดรอยรั่วไม่ได้

 
           บริเวณนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังยังอุดรอยรั่วไม่ได้

           ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ล่าสุด ที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านหว้า อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงเช้าของวันนี้ โดยระบุว่า ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระดับสูงมากกว่า 60 ซม.แล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากความพยายามอุดรอยรั่วยังไม่สำเร็จ ขณะที่พนักงานที่ต้องอยู่เฝ้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทคนั้น ยังคงมีอยู่จำนวนหนึ่ง เนื่องจากจำเป็นต้องเฝ้าทรัพย์สินและป้องกันการเข้าไปโจรกรรม แต่ทางผู้ประกอบการเองก็มีแผนในการอพยพพนักงานไว้แล้วเช่นกัน หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่สามารถอยู่ได้ก็จำเป็นต้องอพยพทันที ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมบางประอินนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามทำคันดินล้อมรอบไว้ และเสริมให้สูงขึ้นอีกจำนวน 50 ซม.เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าท่วม

           อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปฏิบัติการอุดรอยรั่วบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนิคมไฮเทคต่อในวันนี้ (14 ตุลาคม) หลังจากเมื่อวาน (13ตุลาคม) ที่ผ่านมา การมีแผนว่าจะนำเฮลิคอปเตอร์ชีนุก ขนาด 2 ใบพัด ยกตู้คอนเทนเนอร์ ไปอุดเป็นแนวคันกั้นน้ำ แต่ภารกิจดังกล่าว ก็จะต้องชะงัก เนื่องจากไม่มีไฟส่องสว่าง และในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ตัดกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถประสานรถไฟฟ้าส่องสว่างเข้ามาได้





[13ตุลาคม] เอาไม่อยู่! คันกั้นน้ำพังทะลักท่วมนิคมไฮเทคแล้ว


นิคมไฮเทค



กิตติรัตน์ ณ ระนอง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          คันกั้นน้ำพังทะลักท่วมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ประตู 1 จนท.เร่งเสริมต้านน้ำ พร้อมอพยพประชาชน กว่า 1,000 คน ออกจากพื้นที่ ด้านรองนายกฯ กิตติรัตน์ ร่ำได้กอดผู้บริหารชาวญี่ปุ่น หลังน้ำทะลัก ต้านไม่ไหว

          วันนี้ (13 ตุลาคม 2554) เวลาประมาณ 11.00 น. มีรายงานว่า ที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดรอยรั่ว ทำให้มีน้ำไหลเข้าท่วมสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร เนื่องจากแรงดันน้ำอัดจนแนวกั้นน้ำรับไหมไหว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนออกจากพื้นที่ให้หมด และสั่งห้ามรถทุกชนิดเข้าพื้นที่ ยกเว้นรถทหารที่จะทำหน้าที่อพยพคนเท่านั้น พร้อมทั้งเผยว่า เตรียมจะตัดน้ำและกระแสไฟฟ้าด้วย

          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. มีรายงานว่า คันกั้นน้ำด้านทิศใต้ของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำกัดเซาะแล้ว จนทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมทางเข้าประตูที่ 1 อย่างรวดเร็ว โดยในเวลาเกือบ 1 ช.ม. ระดับน้ำสูงร่วม 20 ซ.ม.

          ทั้งนี้ คันกั้นน้ำด้านทิศใต้ของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคมีระยะทางยาวประมาณ 4 กม. ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปราะบางที่อยู่ติดกับคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา และดินสไลด์ได้ง่ายอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เสริมคันกั้นน้ำอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานแรงกระแสน้ำได้ ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วม ซึ่งขณะนี้มีประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในหอพักด้านในนิคมอุตสาหกรรมร่วม 1,000 คน เจ้าหน้าที่ทหารได้ส่งรถจีเอ็มซีทยอยเข้าไปรับด้านในแล้ว พร้อมกันนี้ ทางด้านวิศวกรที่ดูแลการทำคันกั้นน้ำ ได้ประสานรถแบคโฮ เตรียมขุดดินเสริมคันกั้นน้ำจำนวนมาก

          ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลังเดินทางลงพื้นที่บริเวณแนวกั้นน้ำของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคที่พังลง และได้เข้าสวมกอดให้กำลังใจกับผู้บริหารนิคมฯ ชาวญี่ปุ่น ก่อนจะโทรศัพท์รายงานไปยังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ไม่สามารถต้านทานน้ำได้แล้ว เพราะน้ำมากจริง ๆ

          รองนายกฯ กิตติรัตน์ กล่าวว่า จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั้นยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลง ทำให้ไม่สามารถประเมินภาพความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้มองว่า ปัญหาดังกล่าวจะมีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) เกินกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.6 - 0.9 อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางรัฐบาลจะเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ความเสียหายรุนแรงไปมากกว่านี้

          นายกิตติรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ ในวันจันทร์นี้ทางรัฐบาลจะเร่งหารือร่วมกับทุกภาคส่วน ในการหาแนวทางเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งการหาวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ รวมไปถึงการพักชำระหนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระจากปัญหาอุทกภัย




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




[12 ตุลาคม] เจ้าหน้าที่ปัดข่าวน้ำท่วมนิคมฯ ไฮเทค ยันคันกั้นยังไหว


น้ำท่วมอยุธยา

          เจ้าหน้าที่บางปะอินตรวจสอบคันกั้นน้ำหลังนิคมฯ ไฮเทค พบยังแข็งแรงดี หลังกระแสข่าวลือสะพัดคันกั้นน้ำพังท่วมนิคมฯ ไฮเทค

          เจ้าหน้าที่ของ อ.บางปะอิน เข้าร่วมตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค หลังจากมีกระแสข่าวว่า น้ำได้ไหลทะลักเข้าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่แต่อย่างใด

          ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่า แนวคันกั้นน้ำด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งนี้ มีระยะทางเกือบ 2 กม. และมีความสูงร่วม 5 เมตรด้วยกัน และมีการเสริมแนวคันกั้นน้ำอย่างแน่นหนา ประกอบกับคลองที่อยู่ติดกับคันกั้นน้ำ ไม่มีแรงดันน้ำทำให้คันกั้นน้ำแห่งนี้พังลงได้ จึงไม่น่าที่แนวคันกั้นน้ำจะพังลงมา

          แต่สำหรับจุดที่น่าเป็นห่วงจะอยู่บริเวณด้านข้างของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ทางด้านทิศใต้ ที่อยู่ทางติดกับคลอง ซึ่งต่อเนื่องกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะว่าเมื่อใดน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้น ก็จะดันเข้าคลองดังกล่าว อาจจะเพราะคันกั้นน้ำที่ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก และอาจทำให้น้ำไหลทะลักเข้าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคได้

          ทั้งนี้ กระแสข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (12 ตุลาคม) โดยมีการรายงานว่า พนังกั้นน้ำในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคบางจุดอ่อนตัว ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมนิคมฯ แล้ว สร้างความแตกตื่นให้ประชาชนชาวอยุธยาเป็นอย่างมาก ก่อนที่ผู้ว่านิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) จะได้ออกมา ปฏิเสธกระแสข่าวน้ำทะลักเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค

           ทางด้าน นายนที บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน เผยสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า พื้นที่บางปะอินเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ทุกตำบล ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนนี้ระดับน้ำยังไม่เพิ่ม ขณะที่น้ำในทุ่งน้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายของนิคม ประมาณ 50 ราย ต้องออกจากพื้นที่

          สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือนั้น นายนัทธี ระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมเรือให้มากที่สุด เตรียมพร้อมในทุกจุดเสี่ยง เพื่อเข้าไปช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากบ้าน หรือพื้นที่เสี่ยงได้ทันที พร้อมกันนั้น ได้จัดเตรียม ถุงยังชีพ อาหารแห้ง ให้พร้อม และได้ประสานกับผู้นำท้องถิ่น ได้ตกลงกับชาวบ้าน เพื่อให้ทำสัญลักษณ์เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ปักธงหน้าชุมชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือทันท่วงที

          ด้าน นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการอพยพ เคลื่อนย้ายประชาชน รวมถึงคนไข้ ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ว่า ในเวลานี้ ได้มีการศึกษา และประสานเพื่อเตรียมความพร้อมกับโรงพยาบาลต่างๆ ในการเตรียมรองรับ เช่น ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ , ร.พ.ภูมิพล เป็นต้น รวมถึงลำดับขั้นตอน ในการเคลื่อนย้ายแล้ว

          พร้อมกันนี้ ยอมรับด้วยว่า ปัญหาอุปสรรค ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการจราจร ซึ่งล่าสุด ได้มีการประสาน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในการแก้ปัญหาแล้วเช่นกัน พร้อมเตือนประชาชน อย่าเดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยตนเอง เพราะหวั่นได้รับอันตราย




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จนท. เร่งกู้นิคมฯ ไฮเทค พร้อมนำสารเคมีไว้ในที่ปลอดภัย อัปเดตล่าสุด 16 ตุลาคม 2554 เวลา 11:16:46 335,298 อ่าน
TOP