
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ปลอดประสพ เผย ตนไม่ใช่สาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ พร้อมเตือนมวลน้ำก้อนใหญ่ได้ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง คาดว่าประชาชนใช้เวลา 20-30 วันในการฟื้นตัว เตือน 23-29 ตุลาคม อันตรายที่สุดเหตุน้ำทะเลหนุนสูง
กลายเป็นประเด็นและปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ณ ขณะนี้ไปแล้ว สำหรับวิกฤติน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงตั้งประเด็นคำถามว่า ทำไมในปีนี้ประเทศไทยจึงเกิดน้ำท่วมหนัก และหลายพื้นที่ ขณะที่ตามอินเทอร์เน็ตและตามฟอร์เวิร์ดเมล ได้มีการวิพากษณ์วิจารณ์ว่า ประเด็นน้ำท่วมใหญ่ครั้งเป็นเพราะ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ก่อนหน้านี้ได้สั่งเจ้าหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลไม่ให้มีการปล่อยปริมาณน้ำออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งเตือนแล้ว แต่นายปลอดประสพก็ยืนยันเช่นเดิม จนกระทั่งเขื่อนไม่สามารถรับปริมาณน้ำที่ไหลบ่ามาจากทางภาคเหนือตอนบนได้ และทำให้ล่าสุดเจ้าหน้าที่ต้องเร่งปล่อยน้ำ จนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายปลอดประสพ ได้ออกมากล่าวว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่จริง ตนขอปฏิเสธที่ว่าเป็นคนสั่งไม่ให้ระบายน้ำในเขื่อนก่อนหน้านี้ จนเป็นเหตุให้น้ำท่วม และตนก็ไม่มีอำนาจตรงนี้เพราะเป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คนที่มีอำนาจโดยตรงคือ รมว.เกษตรและสหกรณ์และบอร์ดการไฟฟ้าต่างหาก และตนก็เพิ่งเป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แค่สองเดือน แต่การตัดสินใจตัดสินใจเมื่อต้นปีที่แล้ว ดังนั้นต้องให้รัฐบาลชุดที่แล้วเป็นคนอธิบาย
พร้อมกันนี้ นายปลอดประสพยังได้วิจารณ์การทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า ใช้พื้นที่คลองแสนแสบน้อยเกินไป ทั้ง ๆ ที่คลอง เป็นพื้นที่ระบายน้ำ แต่กลับไม่ใช้ อาจจะเป็นเพราะว่า ถ้าทำพลาดน้ำท่วมพื้นที่ชั้นใน ในช่วงใกล้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สมัยหน้า จะทำให้เสียคะแนนเสียงได้
อย่างไรก็ตาม นายปลอดประสพ ยังได้กล่าวถึงเรื่องมวลน้ำว่า ตอนนี้ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังเหลืออยู่อีกประมาณครึ่งหนึ่ง คือ 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จ่อประชิดกรุง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ทางด้วยกัน คือ
1. ทางตะวันตก ผ่านทางปทุมธานี นนทบุรี เข้าสู่บางใหญ่ บางบัวทอง บางกรวย คลองมหาสวัสดิ์ และบางบอน
2. ทางตะวันออก บริเวณคลองระพีพัฒน์ คลองหกวา ซึ่งกำลังผันน้ำไปทางตะวันออก ถ้าหากไม่สำเร็จ มีโอกาสท่วมลาดกระบัง มีนบุรีได้
3. ตรงกลางของกรุงเทพฯ เป็นจุดที่อันตรายที่สุด จากรังสิตผ่านเข้าสู่ดอนเมือง หลักสี่ ถนนพหลโยธินจะกลายเป็นทางน้ำไหล คลองประปาก็ไม่รอด
นายปลอดประสพ ยังกล่าวว่า เรื่องการระบายน้ำสามารถระบายได้น้อยกว่าการระบายน้ำออก ทำให้น้ำขังอยู่ตรงภาคกลางจำนวนมาก ดังนั้นอาจจะใช้เวลา 20-30 วันในการฟื้นตัว ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอาจจะใช้เวลา 3-6 เดือน โดยในวันที่ 23-29 ตุลาคมจะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด แม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูง ทำให้การระบายน้ำออกทำได้ยากลำบาก และจะแย่ที่สุด ถ้าเขื่อนในพระราชดำริแตก พื้นที่ที่ต่ำที่สุดในกรุงเทพฯ อย่างบริเวณเส้นรามคำแหง อาจจะท่วมมิดศีรษะเลยทีเดียว และตอนนี้สิ่งที่น่ากังวลที่สุดกลับไม่ใช่น้ำจากเขื่อน แต่เป็นน้ำที่ตกค้างอยู่ที่นครสวรรค์ อยุธยา ที่ไหลลงมาทุกวัน ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดก็คือการทำใจ ยกของขึ้นที่สูง ถ้าคิดว่าท่วมสูงก็ไปอยู่ที่อื่น







