เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก carbonated.tv
คนเราทุกคน แม้ว่าจะเกิดมามีฐานะ รูปร่างหน้าตา และสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่คนทุกคนมีเหมือนกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ ก็คือความใฝ่ฝันที่มุ่งหวังไว้ เป็นจุดหมายที่ต่างคนต่างต้องฝ่าฟันไปให้ถึง แม้บางครั้งโชคชะตาอาจเล่นตลก กลั่นแกล้งให้คนบางคนมีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์พร้อม เป็นอุปสรรคกับการเดินตามความฝันก็ตาม แต่ถ้าหากยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะเดินไปให้ถึงฝัน อุปสรรคนั้นก็คงกลายเป็นสิ่งเล็กน้อยและไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ เฉกเช่นเรื่องราวสุดน่าทึ่งของหนูน้อยชาวอังกฤษที่เรานำมาฝากกันในวันนี้
และนี่ก็คือ เอลลี่ ชาลลิส หนูน้อยวัย 7 ขวบ จากเมืองเอสเส็กซ์ของอังกฤษ ที่ทำเอาใครต่อใครต่างทึ่งและประทับใจกับหัวใจที่แข็งแกร่ง เมื่อเธอสามารถฝึกฝนทักษะการเตะฟุตบอลจนกลายเป็นนักกีฬาฟุตบอลตัวน้อยได้ แม้ว่าจะสูญเสียทั้งแขนและขาไปตั้งแต่อายุได้เพียง 1 ขวบก็ตาม
ย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน หนูน้อยเอลลี่ ชาลลิส เกิดมาในสภาพของเด็กที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อม และมีวี่แววจะเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่แข็งแรงเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่แล้วไม่กี่เดือนต่อมา ชีวิตของเธอกลับต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเธอติดเชื้อไวรัส เผชิญกับโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบจนเข้าสู่ขั้นโคม่า ต้องตัดแขนและขาทั้งสองข้างเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ หลังจากนั้นมา เธอก็อยู่ในความดูแลของพ่อแม่อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งอายุได้ 3 ปี หนูน้อยเอลลี่ก็ได้ฝึกใช้ขาเทียมโดยใช้เวลานานกว่า 4 ปีกว่าจะเคยชินกับมันได้ และไม่น่าเชื่อว่า หลังจากที่หนูน้อยใช้ขาเทียมจนเริ่มเคลื่อนไหวได้คล่องแล้ว เธอก็ฝึกเตะฟุตบอลโดยใช้ขาเทียมได้อย่างน่าทึ่ง และชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจเสียด้วย จนในที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลของโรงเรียนในวันนี้
ทางด้าน ลิซ่า ชาลลิส คุณแม่วัย 38 ปีของหนูน้อยเอลลี่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่า "ตอนที่เอลลี่อายุย่าง 1 ขวบ เธอตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งและฉันพบว่าเธอมีไข้สูงและแขนขาก็แข็งไปหมด ก็เลยพาไปโรงพยาบาลแต่ตอนนั้นหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากและให้กลับบ้าน แต่แล้วหลังจากกลับบ้านมาได้เพียง 3 ชั่วโมง ฉันก็พบตุ่มแดงบริเวณหลังของเอลลี่ และมันลามเร็วมาก ๆ ฉันเลยพาเอลลี่ส่งโรงพยาบาลอีกครั้งและคราวนี้หมอก็ส่งตัวเธอไปยังห้องฉุกเฉิน เพราะอาการค่อนข้างจะรุนแรงแล้ว จากนั้นเพียง 3 ชั่วโมงหมอก็บอกว่าหัวใจของเอลลี่หยุดเต้นแล้วและขอให้เราทำใจกับการจากไป ตอนนั้นฉันกับสามีใจแทบสลายแล้ว"
"แต่จู่ ๆ ก็เหมือนมีปาฏิหาริย์ เอลลี่กลับมาหายใจได้อีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ข่าวดีไปซะทั้งหมด เพราะหมอบอกว่าแม้ว่าเอลลี่จะรอด แต่ก็จำเป็นต้องตัดแขนขาเอลลี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ พอได้ยินอย่างนั้นเราสองคนก็ตกลง แต่หลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นใน 6 ชั่วโมงต่อมา ฉันเห็นเอลลี่อีกครั้ง ฉันก็ถึงกับช็อก เพราะคราวนี้ลูกไม่มีทั้งแขนและขา ก็ได้แต่ร้องไห้และทำใจว่าลูกจะกลายเป็นคนพิการ ไม่เหมือนเด็กคนอื่นแล้ว ตั้งแต่วันนั้นเวลาเห็นลูก ฉันก็เศร้าใจอยู่หลายปี จนกระทั่งได้ฝึกให้เอลลี่เดินด้วยขาเทียม และส่งเอลลี่ไปเรียนหนังสือ ทำกิจกรรมเหมือนกับเด็กปกติ ฉันก็พบว่าลูกสามารถใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับเด็กปกติเลย เธอชอบวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ๆ ราวกับเธอไม่ได้เป็นคนพิการ และที่ฉันทึ่งมากก็คือเธอสามารถเตะฟุตบอลกับเพื่อน ๆ ได้ ตอนนี้ก็กลายเป็นสมาชิกทีมฟุตบอลไปแล้ว และก็ไม่มีปัญหาในการเตะฟุตบอลในสนามเลยล่ะ มันเหลือเชื่อและทำให้ฉันภูมิใจในตัวเอลลี่จริง ๆ"
ทุกวันนี้ หนูน้อยเอลลี่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลมาก และเริ่มรู้สึกว่าอยากจะเป็นนักฟุตบอลแล้ว เธอจึงพยายามฝึกฝนทักษะการเตะฟุตบอลให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวที่แสนอบอุ่น ทำให้ตอนนี้ เธอกลายเป็นนักฟุตบอลหญิงพิการที่อายุน้อยที่สุดในโลกไปแล้ว ขณะเดียวกันก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กพิการอีกหลาย ๆ คนทั่วโลก ให้กล้าที่จะฝันและทำตามฝัน แม้ว่าจะเกิดมาในสภาพที่ไม่สมบูรณ์พร้อมอย่างคนอื่น แต่ก็สามารถพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเราเชื่อว่าเราทำให้ซะอย่าง อย่างที่เธอกำลังทำ
