เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube โพสต์โดย CiNNtv1
ในภาวะวิกฤติอุทกภัยนี้ ฮีโร่ที่ปรากฏตัวช่วยเหลือผู้เดือดร้อนและเป็นขวัญใจของประชาชนทุกคน เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ" ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ทหารทุกนายพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยใจจริง โดยไม่หวังค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเราคงจะเห็นภาพและคลิปตามหนังสือพิมพ์ รวมถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ช่วยตอกย้ำภาพของ "ทหารรับใช้ประชาชน" ได้อย่างเด่นชัด
และเมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางรายการตีสิบ ก็ได้เชิญฮีโร่จากทั้ง 3 เหล่าทัพ มาพูดคุยถึงภารกิจในการลงพื้นที่ช่วยชาวบ้าน โดย พันโทหนุน สันศนาคม ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เปิดเผยถึงเสียงตอบรับจากประชาชนในการทำหน้าที่ของทหารว่า ก็มีทั้งชมเชย ให้กำลังใจ สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย แต่จริง ๆ แล้ว ทหารเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งทำงานเพื่อประชาชน และอาจจะโชคดีกว่าเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่น เนื่องจากทหารมีการจัดที่เป็นหมวดหมู่ มียุทโธปกรณ์และกำลังคน ดังนั้นจึงมีศักยภาพในการช่วยเหลือประชาชนได้มาก
ส่วนทางกองทัพอากาศ นาวาอากศเอกมานะ ประสพศรี รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพต้องเตรียมการช่วยภัยหนาวทางเหนือ เตรียมช่วยทำฝนหลวงตอนภัยแล้ง และอุทกภัยในปีนี้ก็ทำให้กองทัพอากาศประสบอุทกภัยไปด้วย และจากการให้การช่วยเหลือประชาชน ก็ได้รับเสียงตอบรับดี
สำหรับกรณีคลิปที่โด่งดังและเป็นที่ฮือฮาที่ประชาชนพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ และเห็นทีจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือ คลิปที่ประชาชนให้เงินทหารที่ช่วยเหลือ แต่ทหารก็ปฏิเสธที่จะรับไว้นั้น ซึ่งพลทหารในวิดีโอคลิปดังกล่าวที่ประชาชนตามหาอยู่ ก็คือ พลทหารทวีศักดิ์ ทำคาม กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ในคลิปให้ฟังว่า
"วันนั้นเป็นภารกิจรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลไปส่งคลองประชาชน ซึ่งเขาก็ขอบคุณและให้เงิน บอกว่ารับไปเถอะ อยากให้ เพราะตอนนั้นระยะทางไกล น้ำแรง ทำให้ต้องขับเรือทวนกระแสน้ำอย่างยากลำบาก ซึ่งผมก็บอกว่า รับไม่ได้ครับ เป็นวินัยของทหาร เขาเลยวางไว้บนเรือ ผมก็หยิบกลับไปใส่กระเป๋าของเขาเหมือนเดิม"
และเมื่อสัมภาษณ์ทางด้าน คุณพัทธนันท์ บุนนาค ซึ่งเป็นผู้ที่ให้สินน้ำใจกับทหารในคลิปดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า ถึงจะจำหน้าพลทหารดังกล่าวไม่ได้ แต่ความรู้สึกยังคงฝังอยู่ในใจเรา เพราะตั้งแต่เรานั่งเรือ เครื่องติด ๆ ดับ ๆ เขาก็ลงไปเข็นกัน และน้ำก็เน่า เหม็นมาก แต่เรานั่งอยู่ไม่ได้ทำอะไร ก็นั่งคิดมาตลอดจนถึงที่ และหยิบเงินไว้แล้ว กะว่าจะแอบให้ กลัวใครเห็นเดี๋ยวพลทหารจะโดนฟ้อง แต่เขากลับบอกว่า ผมรับไม่ได้ครับ ผมเป็นทหารของประชาชนครับ ซึ่งเขาพูดอย่างหนักแน่นมาก แต่ตนก็เอาเงินวางไว้ที่เรือ คิดว่าเขาขึ้นเรือตามไม่ทันหรอก ซึ่งขณะที่ขึ้นเรือ ตนเจ็บขา ทหารก็ยังมาช่วยพยุงอีกด้วย แต่เมื่อกลับมาที่คอนโดอีกทีพบว่าให้เงินกับทหารไม่สำเร็จ เพราะเงินยังอยู่ในกระเป๋าตามเดิม ตนก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ รู้สึกตื้นตันใจ และอยากฝากถึงหัวหน้าของทหารว่า อยากให้มีการให้รางวัลกับทหารเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างว่าการที่พวกเขาทำดี ก็ได้อะไรดี ๆ ตอบแทนกลับไปเช่นกัน
เมื่อถามถึงการแบ่งหน้าที่ช่วยประชาชนของทั้ง 3 เหล่าทัพนั้น กองทัพบก กล่าวว่า สำหรับทางกองทัพบก ในเรื่องแรกคือการบริหารจัดการน้ำ เช่น การซ่อมแซมประตูน้ำ การทำคันกั้นน้ำ การเก็บขยะและผักตบชวา เพื่อให้น้ำระบายเร็วขึ้น เรื่องที่สองคือการช่วยเหลือประชาชน เช่นการอพยพ การขนส่งทางรถและเรือ การบริการทางการแพทย์ การรักษาความปลอดภัยโดยเรือลาดตระเวน การแจกจ่ายอาหาร
ด้านกองทัพเรือ จะรับผิดชอบฝั่งธนบุรีเป็นหลัก ก่อนหน้านี้ได้ส่งชุดเคลื่อนที่เร็ว เข้าไปช่วยตั้งแต่ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อยุธยา จนตอนนี้รับผิดชอบ 16 พื้นที่ และมีประสานกับกองทัพบกด้วยเนื่องจากบางพื้นที่มีระดับน้ำสูง ต้องใช้เรือนำผู้ประสบภัยออกมา
ส่วนกองทัพอากาศ บินลาดตระเวนดูปริมาณน้ำตั้งแต่พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร สิงห์บุรี ลพบุรี และช่วยเกื้อหนุนการทำงานของสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ในการถ่ายภาพ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์กับนักวิชาการในการประเมินสถานการณ์น้ำได้ รวมถึงการส่งอาหารสด อาหารแห้งในพื้นที่ที่ถูกตัดขาด ซึ่งการทำงานก็มีการประสานงานของ 3 เหล่าทัพโดยตลอด
นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องที่เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในระหว่างที่การช่วยเหลือของกองทัพเรือ นั่นก็คือ การทำคลอดบนเรือ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พันจ่าเอกจิรายุ โพธิ เล่าว่า วันนั้นเป็นวันที่ 13 ตุลาคม ตนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คบคุมการปฏิบัติงานหมู่เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนเกาะอยุธยา ประมาณบ่าย ๆ ได้รับแจ้งว่าผู้หญิงท้องต้องการไปโรงพยาบาล แต่พอถึงครึ่งทางก็เกิดเจ็บท้องจะคลอด ซึ่งสถานการณ์ตอนนั้นฉุกละหุกมาก เนื่องจากหัวเด็กโผล่แล้ว ตนจึงต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า โดยสอบถามว่าใครที่สามารถทำคลอดเป็นหรือเคยคลอด มากับผมเดี๋ยวนี้! พร้อมกันนี้ ตนก็ได้เตรียมกะละมัง และน้ำสะอาดไปด้วย แต่ในที่สุดทีมแพทย์ก็มาทันเวลาพอดี และช่วยทำคลอดเด็กได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และลูก เป็กเด็กผู้ชาย พร้อมกับตั้งชื่อว่า น้องนาวี ชื่อเล่นว่า โบ๊ท
นอกจากทหารจะช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัยแล้ว ทหารยังรับอาสาดูแลจิตใจ ประชาชนเช่นกัน ในส่วนของการเอ็นเตอร์เทน เพื่อเป็นการปลอบขวัญ ให้กำลังใจ คลายความตึงเครียด จึงมี "ประชาสัมพันธ์ชุดปลอบขวัญ" โดยหนึ่งในประชาสัมพันธ์นี้ ก็ถือได้ว่าเป็น ซูเปอร์สตาร์ของประชาชนเลยทีเดียว ซึ่งพลทหารจอมครึกครื้นผู้นี้ก็คือ จ่าสิบเอกชัยณัฐ โชคสถานทิพย์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ จ่าจิน เจดีย์หอย เขาก็ได้กล่าวถึงภารกิจในครั้งนี้ให้ฟังว่า
ตนได้รับคำสั่งในการดูแลจิตใจ สร้างความสนุกสนานให้ประชาชน เมื่อรับคำสั่งมา จ่าจินก็รับด้วยเสียงหนักแน่นว่า รับทราบครับ! ที่ไหนมีทุกข์ จ่าจินไปที่นั่นเมื่อ! พร้อม ทั้งย้ำว่า เขาร้องไห้ เราต้องยิ้ม ตอนนี้ทหารทั้งหมดต้องมีรอยยิ้ม มีการหัวเราะ เพราะประชาชนเขาทุกข์อยู่แล้ว ซึ่งตนก็ร้องเพลงไป เต้นไป ให้เขารู้สึกสนุกสนาน บางคนก็ถามว่าตนเหนื่อยมั้ย ซึ่งตนก็บอกทันทีว่า "เรื่องเหนื่อยอย่ามาพูดกับผม เพราะผมหายเหนื่อยทันทีเมื่อนึกถึงพระเจ้าแผ่นดิน ผมเป็นทหารของพระเจ้าแผ่นดิน ผมทำงานเพื่อพระเจ้าแผ่นดินและประชาชน"
และเมื่อถามว่า หลังจากที่ช่วยเหลือประชาชน ทั้ง 3 เหล่าทัพประทับใจอะไรบ้างในภารกิจครั้งนี้ ซึ่งกองทัพอากาศกล่าวว่าประทับใจที่ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือช่วยเหลือกันเหมือนพี่น้อง ขณะที่กองทัพอากาศจม ก็ส่งทั้งรถ คนและเรือมาช่วย ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของทั้ง 3 เหล่าทัพ อีกทั้งประทับใจพี่น้องประชาชนที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นอย่างดีเช่นกัน
...จากการปฏิบัติช่วยเหลือประชาชนเป็นอย่างดี เชื่อว่าหลายคนจะสามารถรับรู้ได้แล้วว่า ไม่ว่าประเทศไทยจะต้องประสบภัยพิบัติหนักหนาสาหัสขนาดไหน แต่ทหารจะไม่ทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน นี่สิที่เรียกว่าฮีโร่ของประชาชนอย่างแท้จริง พวกเราก็ต้องขอขอบคุณทหารและชื่นชมจากใจจริงค่ะ...
คลิป ตีสิบ ฮีโร่ 3 เหล่าทัพ 1/5
คลิป ตีสิบ ฮีโร่ 3 เหล่าทัพ 2/5
คลิป ตีสิบ ฮีโร่ 3 เหล่าทัพ 3/5
คลิป ตีสิบ ฮีโร่ 3 เหล่าทัพ 4/5
คลิป ตีสิบ ฮีโร่ 3 เหล่าทัพ 5/5