รวบ 2 โจรแฮกข้อมูลเวิร์คพอยท์ฉกเงินน้ำท่วม (ไอเอ็นเอ็น)
กองปราบรวบ 2 โจร แฮกข้อมูล เวิร์คพอยท์ ฉกเงินช่วยน้ำท่วม 5 ล้านบาท ซื้อยาเสพ
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. ได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย หลังก่อเหตุแฮกข้อมูลรายการโทรทัศน์ที่มีการรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยก่อนหน้านี้ ตัวแทนรายการของราชรถมาเกย ของบริษัทเวิร์คพอยท์ ที่ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ได้เข้าแจ้งความกับกองปราบปราม ว่า มีกลุ่มบุคคลเข้ามาแฮกระบบของทางรายการ เพื่อแอบอ้างโกงเงินบริจาคที่ทางรายการเปิดให้ประชาชนโทรศัพท์เข้ามาแสดงเจตจำนงบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งหลังรับเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จึงนำกำลังเข้าไปจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย เป็นชาย 1 ราย และหญิง 1 ราย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ก่อเหตุดังกล่าวเพียงแค่ 2 คน และเข้าไปแฮกข้อมูลรายการโทรทัศน์อื่น ๆ อีกกว่า 10 รายการ จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อว่า กลุ่มผู้ต้องหาน่าจะมีมากกว่า 2 ราย ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหาเข้ามาสอบสวนที่กองปราบปราม และเตรียมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
และในวันที่ 2 ธันวาคม เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พร้อมด้วยหน่วยป้องกันปราบปรามการโจรกรรมทรัพย์ (โรบินฮู้ด) และ นางวิชนี ศรีสวัสดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัทเวิร์คพ้อยท์ จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคนร้ายที่แฮกข้อมูล หมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของรายการ ราชรถมาเกย ซึ่งออกอากาศทางช่อง 9
โดยผู้ต้องหาคือ นายรุ่งโรจน์ หมัดดีน อายุ 31 ปี และ น.ส.มาริสา รัญจวนจิต อายุ 25 ปี พี่น้องต่างบิดา ร่วมกันก่อเหตุ โดยแจ้งเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลให้หมายเลยที่โทรศัพท์เข้ามาบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โอนสายไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของคนร้าย ซึ่งหลังจากบันทึกเทปรายการราชรถมาเกยเทปพิเศษไปได้ระยะเวลาหนึ่ง พบว่า ไม่มีผู้ชมรายการโทรเข้ามาบริจาค จึงได้ตรวจสอบและทราบว่าถูกแอบอ้างให้โอนเงินบริจาคไปยังบัญชีของคนร้ายที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งคนร้ายศึกษาข้อมูลของคอลเซ็นเตอร์และดำเนินการแฮกข้อมูลมาหลายรายการแล้ว เช่น ข่าวข้นคนข่าว รายการอาจารย์หนูกันภัย ทางช่องเคเบิ้ล และรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์อื่น ๆ อีกหลายรายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท
ทางกองปราบจึงเร่งประชาสัมพันธ์ภาคเอกชนที่จัดศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ใช้ความระมัดระวัง โดยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ ว่ายังสามารถใช้การได้ปกติหรือไม่ และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา อย่าโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัว หากผู้เสียหายรายใดเคยโดนกระทำในลักษณะดังกล่าวให้แจ้งมายังกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หรือ โทรศัพท์ 1195
