ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวสุดขั้วหัวใจและบรรยากาศของก้อนน้ำแข็งตัดกับฉากหลังที่มีท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตานั้น ก็มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามจับจิตจับใจมาให้เห็นกันด้วย นี่เองเลยทำให้ใครหลาย ๆ คนที่อยู่ ณ ขั้วโลกเหนือในขณะนั้น ต่างหยิบกล้องมาเก็บภาพแห่งความประทับใจนี้กันแทบไม่ทันเลยล่ะ
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ว่านี้ ก็คือ "รุ้งหมอก" (Fogbow) หรือสายรุ้งสีขาวสวย ๆ ซึ่งเกิดจากการสะท้อนแสง มีความใกล้เคียงกับการเกิดรุ้งกินน้ำของหมอกเมฆที่เรียงตัวกันสวยงามเป็นสายทอดยาว ตัดกับสีของท้องฟ้าที่มองได้เห็นชัด สร้างบรรยากาศของขั้วโลกเหนืออันหนาวเหน็บ ให้มีความอบอุ่นขึ้นมาได้ทันตาเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ภาพที่เรา ๆ ท่านได้เห็นกันอยู่นี้ เป็นฝีมือการถ่ายภาพโดยคุณแซม ด็อบสัน ที่มีโอกาสได้ไปที่ขั้วโลกเหนือร่วมกับคณะสำรวจขั้วโลกเหนือคนอื่น ๆ ซึ่งทางคุณด็อบสันเอง ก็ได้กล่าวถึงช่วงเวลานั้นว่า "ตอนนั้นน่าจะประมาณเที่ยงคืนได้แล้ว แต่ด้วยสภาพอากาศและช่วงเวลานี้ของปีในขั้วโลกเหนือ จึงทำให้ยังคงมีแสงสว่างเหมือนตอนกลางวันอยู่"
"ตอนที่เห็นไกล ๆ นั้นก็นึกว่าเป็นก้อนเมฆธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่พอเรือขยับเข้าไปใกล้ขึ้น ๆ ก็ทำให้รู้ว่าก้อนเมฆที่เห็นนั้นแท้จริงแล้วเป็นรุ้งหมอกสีขาวที่ดูสวยมากจริง ๆ ผมจึงไม่พลาดที่จะหยิบกล้องมาเก็บรุ้งหมอกสีขาวนี้ไว้โดยทันที สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผม ณ ตอนนั้นเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก ๆ " คุณด็อบสัน กล่าวเสริม
อย่างไรก็ดี ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้ว รุ้งหมอกที่เกิดขึ้นแบบนี้นั้น เกิดจากการสะท้อนแสง ซึ่งได้ทั้งจากแสงอาทิตย์และแสงที่สร้างโดยมนุษย์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญก็คือละอองน้ำในอากาศ ซึ่งจะต้องมีขนาดที่เล็กกว่า 0.05 มิลลิเมตร และด้วยความที่ละอองน้ำมีขนาดที่เล็กขนาดนั้น จึงทำให้รุ้งหมอกปรากฏให้เห็นเป็นสีขาวเพียงสีเดียวนั่นเอง..
