x close

กัมพูชา ยอมรับยิง ฮ.เกินเหตุไป ภูมิซรอล ระอุ





กัมพูชา ยอมรับยิง ฮ.เกินเหตุไป ภูมิซรอล ระอุ (ไทยโพสต์)       

             ทหารระดับปฏิบัติการ ไทย-เขมร ถกกรณียิง ฮ. ยอมขอโทษทำเกินเหตุ แต่ระดับใหญ่ยังเงียบ ผบ.เกาะกงบอกให้ลืมๆ กันไป ธนาธิป ยันไม่กระทบเจบีซี 21 ธ.ค. อภิสิทธิ์ ย้อนรอยเพื่อไทยยุคฝ่ายค้าน ต้องประท้วงต่อเนื่อง ภูมิซรอล  ระอุ ชาวบ้าน 99% ค้านถอดทหารจากพระวิหาร
   
            
เมื่อเวลา 14.00 น. วันอาทิตย์ ที่ห้องประชุมเชิงผา ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย บ้านเขาล้าน ต.แหลมกลัด อ.เมืองฯ จังหวัดตราด น.อ.กิตติคุณ นาคสุก ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายตราด  (ไทย) พร้อมคณะได้หารือกับ พล.ต.ยวน มิน ผู้บัญชาการทหาร  จ.เกาะกง หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายกัมพูชา กรณีทหารกัมพูชาจาก พัน ปชด. 303 จ.เกาะกง ใช้อาวุธปืนประจำกาย (เอเค 47)  ยิงเฮลิคอปเตอร์กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ที่ลำเลียงเสบียงและอาหารแห้งไปส่งให้ทหารพรานนาวิกโยธิน ที่เนิน 326 บ้านเจ็กลัก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ได้รับความเสียหายที่ใบพัด เมื่อบ่ายวันที่ 15 ธ.ค.
   
             พล.ต.ยวน มิน กล่าวเมื่อเดินทางมาถึงว่า มาร่วมเจรจาปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ข้อเสนอยังแจ้งให้ทราบไม่ได้ ต้องรอเจรจาในห้องประชุม ส่วนความสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่าย มั่นใจว่ายังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่
   
             เมื่อถามว่า เป็นเรื่องความเข้าใจผิดของทหารกัมพูชาจริงหรือไม่ พล.ต.ยวน มิน บอกว่า ต้องถามทางฝ่ายไทยว่าเป็นอย่างไร ส่วนผลสรุปยังตอบไม่ได้ รวมทั้งความเสียหายของฝ่ายไทย แต่มั่นใจว่าเมื่อเจรจาแล้วทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ข้อสรุป ขณะที่ความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนน่าจะเหมือนเดิม และยังมีไมตรีกันอยู่ ไม่เช่นนั้นวันนี้คงไม่เดินทางมาเจรจา
         
             จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายได้จับมือแสดงมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน และเข้าร่วมเจรจาในห้องประชุมโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนได้ติดตามสถานการณ์
   
             ในขณะที่ น.อ.กิตติคุณกล่าวว่า ผลของการเจรจาในครั้งนี้จะนำเสนอให้ พล.ร.ต.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผบ.นาวิกโยธิน และ  ผบ.กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราดทราบ และแถลงให้รับทราบ ส่วนข้อสรุปครั้งนี้จะมีการนำไปเป็นหัวข้อเจรจาในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 21 ธ.ค.หรือไม่นั้น ต้องสอบถามผู้บังคับบัญชาเอง
    
             สำหรับเนิน 326 เป็นพื้นที่ราบบนยอดเขาบรรทัด ด้าน อ.คลองใหญ่ เป็นจุดสันปันน้ำที่ทั้ง 2 ประเทศต้องการเข้าไปยึดเป็นที่ตั้งทางทหาร เพราะสามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดในพื้นที่ได้ และเนิน 326 หากมองไปทางทิศตะวันออกจะเห็นภูมิทัศน์ของ จ.เกาะกง และ จ.โพธิสัต ได้ชัดเจน ขณะที่ทางทิศใต้และทิศตะวันตกจะเห็นภูมิทัศน์ของ อ.คลองใหญ่ ทั้งหมด รวมทั้ง อ.เกาะกูด และบริเวณน่านน้ำทะเลฝั่ง อ.คลองใหญ่ จ.ตราดทั้งหมด ซึ่งเมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมา ทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เกิดความขัดแย้งกันจนเกือบมีการปะทะ เนื่องจากทหารนาวิกโยธินได้ขึ้นไปตั้งฐานที่มั่น ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาที่ยึดเนิน 329 ไว้ไม่ยอม จนต้องมีการเจรจาร่วม 2 ฝ่าย และได้ข้อยุติให้ทหารทั้ง 2  ฝ่าย ปล่อยทิ้งพื้นที่เป็นเขตปลอดอาวุธ หากจะมีการขึ้นไปหรือส่งเสบียงจะต้องประสานงานก่อน จนกระทั่งถึงวันเกิดเหตุ
   
             และหลังเจรจากันมานานกว่า 1.30 ชม. ในเวลา 16.00 น.  เจ้าหน้าที่ระดับล่างทั้ง 2 ฝ่ายได้ออกจากห้องประชุม เหลือเพียง  พล.ต.ยวน มิน และเสนาธิการ ส่วนฝั่งไทยมี น.อ.กิตติคุณ และ  น.อ.จิโรจน์ สุขอร่าม ยังประชุมภายในอยู่
   
             สำหรับผลการเจรจาในเบื้องต้น พ.ท.จัน เสรี รองเสนาธิการทหาร จ.เกาะกง ในฐานะล่ามกัมพูชา กล่าวว่า ทั้ง 2  ฝ่ายได้เสนอว่าจะไม่มีการกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าใครผิด-ใครถูก หรือต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือในเรื่องการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก โดยเฉพาะการประสานงานในพื้นที่ในแต่ละระดับว่าจะมีการดำเนินการในระดับใด ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือในความร่วมมือทางทหารให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะที่ผ่านมาความร่วมมือทั้งทางทหารและทางกีฬา สังคม ได้หยุดชะงักไปในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ในรัฐบาลชุดนี้น่าจะดีกว่าเดิม     
         
             "ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นหรือความเสียหายของฝ่ายไทย  ผมไม่สามารถที่จะระบุถึงรายละเอียดได้ เพราะต้องให้ พล.ต.ยวน มิน และพี่ตุ้ย (น.อ.กิตติคุณ) เป็นผู้แถลง เพราะทั้ง 2 คนเป็นผู้มีอำนาจให้ข่าว ซึ่งผมมั่นใจว่าหลังจากการเจรจาในครั้งนี้ทุกอย่างจะกลับมามีความสัมพันธ์เหมือนเดิมอีกครั้ง"
   
             และในเวลา 16.45 น. พล.ต.ยวน มิน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า สาระในการประชุมไม่ได้พูดในเรื่องความผิดพลาด หรือความเสียหายที่ฝ่ายกัมพูชาต้องชดใช้ แต่พูดถึงการป้องกันและการแก้ปัญหาไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก และทั้ง 2 ฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันในด้านทหารในโอกาสต่อไป ส่วนพื้นที่เนิน 326 ที่เป็นข้อขัดแย้งนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องเจรจากันในระดับสูงต่อไป โดยเฉพาะในการเจรจาเจบีซี
   
             ขณะที่ น.อ.กิตติคุณกล่าวว่า ไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆ ได้ โดยเฉพาะเรื่องการให้กัมพูชาขอโทษ และชดใช้ค่าเสียหาย ในระดับพื้นที่เจรจากันได้แค่นี้ ส่วนที่เหลือต้องให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ดูแลหรือดำเนินการต่อไปเอง
   
             ในช่วงเย็น พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ ผบ.กองกำลังจันทบุรี-ตราด กล่าวถึงผลประชุมว่า ยังไม่ได้ผลสรุปอะไร แต่ ผบ.ทหารประจำเกาะกงยอมรับและขอโทษที่กำลังทหารกัมพูชาประมาทจนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเราได้ย้ำไปว่าทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเพื่อนบ้านที่ดี หากมีการล้ำแดนจริงก็ควรประท้วง ทำไมต้องยิงกัน ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าทำเกินไปและจะนำเรื่องดังกล่าวไปคุยกับผู้บัญชาการระดับสูงแล้วกลับมาหาอีกครั้ง
   
             พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าจะไม่กระทบต่อการประชุมเจบีซีวันที่ 21 ธ.ค.  เพราะ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้ให้แนวทางการดำเนินการไว้ หากมีการกระทบตามแนวชายแดน ให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่รีบหารือในกรอบขั้นต้นก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจนกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
   
             นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำความเข้าใจระหว่างกันยังจำเป็นที่จะต้องทำ แต่ขณะเดียวกันก็ควรต้องแสดงออกให้ชัดเจน และไม่ควรยอมรับการใช้วิธีการเช่นนี้ ซึ่งจำได้ว่าสมัยที่เป็นรัฐบาลแล้วกัมพูชาก่อสร้างถนนรุกเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ได้มีการประท้วงในระดับพื้นที่ไปแล้ว จนกระทั่งถึงระดับกระทรวงการต่างประเทศและคนในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งขณะนั้นเป็นฝ่ายค้านก็อ้างว่าการประท้วงจากส่วนกลางควรต้องทำตลอดเวลา ดังนั้นแนวคิดที่เคยทำตรงนี้ก็ควรต้องปฏิบัติ "ผมยังเป็นห่วง เพราะดูเหมือนรัฐบาลยังหลงภาพว่าทางการเมืองมีความสัมพันธ์กันดี แต่ในทางผลประโยชน์ของชาตินั้น เห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา ยังไม่มีเรื่องใดเลย" นายอภิสิทธิ์กล่าว     
   
             ขณะที่บริเวณสี่แยกบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดินและเครือข่ายประชาชนชาวกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหาร  พร้อมด้วยสมาชิกของกลุ่ม 30 คน ได้นำเอาใบประชาพิจารณ์การถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ไปให้ประชาชนชาวบ้านภูมิซรอลได้กรอกแบบฟอร์มแสดงความคิดเห็นประชาพิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยจัดกล่องเป็น 2 กล่อง  กล่องแรกเป็นกล่องคัดค้านถอนทหารโดยเด็ดขาด กล่องที่สอง เป็นกล่องจะให้ถอนทหารเพราะอะไร ไม่ให้ถอนทหารเพราะอะไร ซึ่งปรากฏว่าชาวภูมิซรอลพากันมาลงประชาพิจารณ์กันอย่างคึกคัก ซึ่งการประชาพิจารณ์ครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 16-18  ธ.ค. โดยมีการประชาพิจารณ์ในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษ์  และทุกหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และในวันที่  18 ธ.ค. เป็นวันสุดท้ายของการลงประชาพิจารณ์ และสรุปผลการประชาพิจารณ์
        
             นายกิติศักดิ์กล่าวว่า มีผู้มาลงประชาพิจารณ์รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 คน ซึ่งสรุปผลจากการประชาพิจารณ์แล้ว พบว่า 99% ประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ คัดค้านการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด  และชาวบ้านทุกคนต้องการให้คงกำลังทหารไว้ที่บริเวณเขาพระวิหาร หากว่าไม่มีทหารไทยอยู่บริเวณนี้ หมู่บ้านภูมิซรอลต้องแตกแน่นอน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




[17 ธันวาคม] เตียบัญบอก ฮ.ไทยล้ำแดนแค่ยิงขู่ให้ออก





เตียบัญบอก ฮ.ไทยล้ำแดนแค่ยิงขู่ให้ออก (ไอเอ็นเอ็น)

          พลเอก เตีย บัญ ระบุ ฮ. ไทย ละเมิดดินแดน พยายามจะลงจอดในเขตเขมร จึงต้องยิงไล่ออกไป ส่วน โฆษกฯกลาโหมเขมร บอก ทั้ง 2 ฝ่าย มีการยิงต่อสู้กันจริง

          สำนักข่าว ดึมอัมปึล สื่อของกัมพูชา รายงานว่า พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า จากกรณีกองร้อยตำรวจป้องกันพรมแดนทางบกที่ 303 ของกัมพูชา ยิงใส่ เฮลิคอปเตอร์ขนเสบียงของทหารไทย ด้วยปืน AK-47 ร่วมร้อยนัดวานนี้นั้น พล.อ.เตีย บัญ ระบุว่า ฝ่ายไทย พยายามลงจอดในดินแดนกัมพูชาโดยไม่มีเหตุผล จึงต้องบังคับให้ออกไป

          พล.อ.เตีย บัญ กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ของไทย ลำดังกล่าว ต้องการมาลงในดินแดนกัมพูชา แต่เราไม่ให้ลง มันไม่สมเหตุผล มันไม่ใช่ที่ลง ดังนั้น ต้องบังคับให้ออกไป รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ปฏิเสธจะให้รายละเอียดการยิง โดยบอกเพียงแค่ว่า เป็นการบังคับให้ออกไปเท่านั้น ขณะที่ เฮลิคอปเตอร์ของไทย พยายามจะลงจอดและละเมิดดินแดนเขมร

          หนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ รายงานอ้าง พล.ท.ชุม โซะเจียต โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ระบุว่า กระทรวงฯ กำลังหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้มีความชัดเจนว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร พร้อมกล่าวยืนยันว่า มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้นจริง โดยที่ทหารของกัมพูชา ได้ยิงปืน AK-47 เข้าใส่เฮลิคอปเตอร์ของไทย กรณีทหารสองฝ่ายปะทะกันนั้น ไม่ทราบว่ายิงไปจำนวนเท่าใด ฝ่ายกัมพูชา ใช้ปืน AK-47 ส่วนฝ่ายไทยใช้ปืนบนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งไม่ทราบประเภท นอกจากนี้ ยังระบุว่า ฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้ยิงเข้าใส่เครื่องบิน เพียงแค่ยิงขู่เท่านั้น





[16 ตุลาคม] ผบช.นาวิกโยธิน ทำหนังสือประท้วงเขมร ยิง ฮ.



ผบช.นาวิกโยธิน ทำหนังสือประท้วงเขมร ยิง ฮ. (ไอเอ็นเอ็น)

           ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทำหนังสือประท้วง กัมพูชา หลังเฮลิคอปเตอร์ถูกยิง ยัน ไม่ได้ล้ำน่านฟ้า นัดถก 2 ฝ่าย พรุ่งนี้

           พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือประท้วงไปยังผู้บัญชาการหน่วยภูมิภาคที่ 3 ของกัมพูชาแล้ว จากกรณีที่ทหารของกัมพูชา ใช้ปืนกลขนาดเล็กยิงใส่เฮลิคอปเตอร์รุยเบลล์ 212 ของไทย ซึ่งกำลังลำเลียงเสบียงตามภารกิจปกติ โดยยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์ของไทย ไม่ได้บินล้ำเขตอธิปไตยของกัมพูชาอย่างแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อมย้ำว่า กองกำลังของไทย ไม่ได้มีการยิงตอบโต้ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ อาจเกิดความเข้าใจผิด จึงมีการนัดหารือกันระหว่าง ผู้บัญชาการหน่วยไทยกับกัมพูชา ในวันพรุ่งนี้

           ขณะเดียวกัน กองทัพเรือได้ทำหนังสือประท้วง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ด้วยเช่นกัน และยืนยันว่าความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา ในพื้นที่ดังกล่าว แน่นแฟ้นดีมาก ซึ่งไทยเอง ก็มีการส่งเสบียงให้กัมพูชามาโดยตลอด


ฮ.ทหารไทย ถูกกัมพูชายิงถล่มกว่า 100 นัด!

           เฮลิคอปเตอร์ทหารไทย ถูกกัมพูชายิงถล่มกว่า 100 นัด ส่งผลให้ใบพัดของตัวเครื่องได้รับความเสียหาย จนต้องรีบบินลงจอดฉุกเฉิน ขณะที่ทางกัมพูชาอ้างว่า ไทยบินลุกล้ำน่านฟ้า อีกทั้งยังได้ยิงตอบโต้กลับ เป็นเหตุให้กัมพูชาจำเป็นต้องยิงถล่มหนักกว่าเดิม  และส่งผลให้นักบินไทยต้องรีบบินกลับทันที

            ช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา เฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 กองกำลังจันทบุรี-ตราด กองทัพเรือ ต้องลงจอดฉุกเฉินบริเวณสนามเขาล้าน จ.ตราด เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวได้ถูกยิงถล่มกว่า 100 นัด ทำให้ใบพัดหลังของตัวเครื่องได้รับความเสียหาย นักบินจึงตัดสินใจนำเครื่องไปลงจอดฉุกเฉินในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางด้านนักบิน รวมทั้งช่างเครื่องและเจ้าหน้าที่ รวม 9 นาย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

            จากการตรวจสอบพบว่า เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว ฮ.ของทหารเรือได้บินตรวจความเรียบร้อยบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา  และบินขนเสบียงนำส่งให้กับทหารพรานนาวิกโยธินที่บริเวณเนิน 326  ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านเจ๊กลัก  ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด  ปรากฏว่า ขณะที่ ฮ.กำลังร่อนเพื่อลงจอด  ได้มีกระสุนปืนยิงขึ้นมาจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจำนวนหลายนัด และยิงใบพัดหลักท่อนหางของเครื่องเสียหาย ทำให้นักบินเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงนำเครื่องลงจอดบริเวณหน่วยควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3  เพื่อตรวจสอบความเสียหาย

            ทั้งนี้ น.อ.กิตติคุณ  นาคสุก  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด  ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า  เฮลิคอปเตอร์ได้ถูกยิงจริง แต่ไม่ทราบว่ากระสุนปืนเป็นของฝ่ายใด ทั้งนี้ กำลังดำเนินการตรวจสอบว่า ในบริเวณพื้นที่นั้นมีกองกำลังฝ่ายใดตั้งอยู่บ้าง แต่เนื่องจากเกรงว่า หากเปิดเผยข้อเท็จจริงออกไปอาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ   แต่ขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยไม่มีการบินล่วงล้ำน่านฟ้าไปแต่อย่างใด   อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว อาจจะส่งผลต่อความมั่นคง  และความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ  ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปรึกษาหารือ และพร้อมที่จะประสานงานไปยังกองกำลังฝ่ายกัมพูชาเพื่อปรับความเข้าใจ เนื่องจากอาจจะเป็นการเข้าใจผิดกัน

           ในวันเดียวกัน ทางสำนักข่าวอีเอ็นของกัมพูชา รายงานว่า ทาง พล.ต.ดี เพน รองหัวหน้าที่จัดการงานพรมแดนในกองบัญชาการใหญ่ และเป็นหัวหน้าความสัมพันธ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า เมื่อเวลา 13.30 น. เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของไทย บินไปเหนือจุด 329 ที่ จ.เกาะกง  ซึ่งทางทหารกองร้อยประจำการของกัมพูชาที่ 3.3 ได้ยิงปืนเข้าใส่ร่วม 100 นัด ถูกบริเวณปีกด้านหลังของเครื่องบิน ทำให้ต้องลงจอดบนเขตไทยที่จุดชายแดน จ.เกาะกง กับ จ.โพธิสัตว์ และทางเฮลิคอปเตอร์ของไทย ได้ยิงตอบโต้ด้วยปืนชนิด 12 ม.ม. ประมาณ 4 นัด เข้าใส่ฝ่ายกัมพูชา แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

          นอกจากนี้   พล.ต.ดี เพน ยังระบุต่อว่า คำประกาศของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ประกาศแล้วว่า ไม่ให้มีศัตรูไหนรุกรานได้แม้แต่มิลลิเมตรเดียว แล้วเราก็ไม่รุกรานเขาแม้แต่มิลลิเมตรเดียวเช่นกัน

           ขณะที่แหล่งข่าวกัมพูชา ได้เปิดเผยว่า มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา ที่จุด 329 พนมตามีน ตามแนวตะเข็บชายแดนกัมพูชา ในพื้นที่ จ.เกาะกง โดยการยิงปะทะเกิดขึ้นหลังจาก ฮ.ของทหารเรือไทย จะทำหารลงจอดที่จุด 329 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทหารเขมรควบคุมอยู่นั้น และบริเวณดังกล่าวก็เป็นที่ห้ามไม่ให้ลงจอด  ทางทหารกัมพูชาเลยจำเป็นต้องยิงขู่ไปประมาณ 100 นัด แต่ทหารไทยยิงตอบโต้กลับลงมาจำนวนมาก ทำให้ทหารเขมรยิงต้องตอบโต้กลับไปอย่างหนัก จากนั้น ฮ.ของทหารไทย ก็ได้รับความเสียหายจนต้องบินกลับไปยังฝั่งไทย
 
           ทางด้าน นายกวย ซาเรือน ผู้บัญชาการตำรวจพรมแดนทางบกที่ 825 ที่ประจำการใกล้สถานที่เกิดเหตุ กล่าวว่า การยิงปะทะดังกล่าวไม่มีปัญหารุนแรงอะไร เป็นเพียงความเข้าใจผิดกันเท่านั้น ตนได้พูดคุยกับฝ่ายไทยแล้ว และฝ่ายไทยยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไรกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชาตาม ส่วนโครงการนัดเตะฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างทหาร 2 ประเทศที่ ต.ทมอดา ยังเป็นไปตามปกติ

           อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้มีการปิดจุดผ่านแดนชั่วคราว บริเวณเขาวง-บ่อไร่-บ้านท่าเส้น  ซึ่งมีการเสริมกำลังทหารเข้าไปตรึงอยู่ในพื้นที่ด้วย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กัมพูชา ยอมรับยิง ฮ.เกินเหตุไป ภูมิซรอล ระอุ อัปเดตล่าสุด 19 ธันวาคม 2554 เวลา 08:17:04 80,547 อ่าน
TOP