เฟซบุ๊กขู่ฟ้องหนุ่มอิสราเอลสุดแสบ ลงทุนเปลี่ยนชื่อเป็น "มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก" เปิดธุรกิจขายไลค์บนเฟซบุ๊ก หวังสร้างความสับสนบนโลกอินเทอร์เน็ต
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า เฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก กำลังเตรียมที่จะฟ้องหนุ่มอิสราเอลหัวใส เปิดธุรกิจขายไลค์ในเฟซบุ๊กให้กับบริษัทโฆษณาที่ต้องการเรียกเรทติ้ง แค่นั้นยังไม่พอ ยังเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ให้เหมือนกับผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กที่เป็นที่รู้จักกันดีอีกด้วย
รายงานระบุว่า หนุ่มหัวใสรายนี้มีนาม(เดิม)ว่า นายราเต็ม กูเอซ เป็นนักลงทุนชาวอิสราเอล ที่มองเห็นลู่ทางการกอบโกยรายได้จากปุ่มไลค์ในเฟซบุ๊ก โดยได้เปิดธุรกิจที่ชื่อว่า ไลค์สตอร์ (Like Store) ขึ้นมาเพื่อหารายได้จากการรับจ้างกดปุ่มไลค์ให้กับเพจสินค้าที่ต้องการจำนวนคนกดไลค์เยอะ ๆ เพื่อสร้างความนิยมให้กับสินค้าของตัวเอง ซึ่งธุรกิจไลค์สตอร์ของเขา มีคำโฆษณาล่อใจสินค้าต่าง ๆ ว่า "คุณต้องการ 1,000 ไลค์ใช่ไหม?", "เศร้าใช่ไหมที่ไม่มีใครเข้ามาติดตามแฟนเพจของคุณ" หรือ "ต้องการ 5,000 ไลค์ เราทำให้คุณได้" ....
และนั่นทำให้มีโฆษณาหลายตัวที่ต้องการจะได้รับความนิยมเร็ว ๆ ได้ติดต่อมาซื้อไลค์จากเขาหลายรายแล้วนับตั้งแต่เขาได้เปิดดำเนินธุรกิจนี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเมื่อทางเฟซบุ๊กได้รู้ว่ามีการเปิดธุรกิจรูปแบบนี้ขึ้น โดยใช้ปุ่มไลค์เป็นเครื่องมือในการกอบโกยรายได้ ก็ได้จับตามองและเล็งจะฟ้องดำเนินคดีกับนายราเต็ม กูเอซ มาโดยตลอด ฐานทำผิดเงื่อนไขของเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก โดยทางเฟซบุ๊กได้ส่งเรื่องขู่นายราเต็ม กูเอซ เพื่อให้เขาปิดบริษัทไลค์สตอร์ ไปตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว และยังได้ระงับการเข้าถึงเฟซบุ๊กของเขาอีกด้วย
แต่ดูเหมือนว่านายราเต็ม กูเอซ จะไม่ได้เกรงกลัวเรื่องนี้แต่อย่างใด ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างหน้าตาเฉย โดยเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แถมล่าสุดเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เขายังกล้าท้าทายเฟซบุ๊กถึงขั้นไปเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับหนุ่มมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กวัย 27 ปีอีกด้วย ด้วยความมั่นใจว่า ถ้าหากเขาเปลี่ยนชื่อเป็น มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก แล้ว มันคงไม่คุ้มสำหรับทางเฟซบุ๊กแน่ ๆ ที่จะมีเรื่องมีราวเป็นข่าวใหญ่โตกับคนที่มีชื่อเหมือนกันเป๊ะกับผู้ก่อตั้ง เพราะแน่นอนว่ามันอาจทำให้คนทั่วโลกหลายคนเข้าใจผิดได้ว่าเฟซบุ๊กกำลังฟ้องผู้ก่อตั้งเองก็ได้ โดยเขาได้ท้าทายกับทางเฟซบุ๊กว่า "เอาสิ ถ้าคุณอยากจะฟ้องผม ก็เท่ากับคุณกำลังจะฟ้องมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เลยนะ"
นอกจากนี้ หลังจากเปลี่ยนชื่อ เขาก็ได้นำหลักฐานที่เป็นบัตรประชาชนและพาสปอร์ตที่ตัวเองไปเปลี่ยนชื่ออย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วมาโชว์หราหน้าเว็บไซต์ MarkZuckerbergOfficial.com ของตัวเองอีกด้วย
งานนี้ก็เลยยิ่งทำให้ทางเฟซบุ๊กไม่พอใจมากขึ้น และเตรียมจะฟ้องดำเนินคดีนายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ตัวปลอมอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้ทำให้นายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ตัวปลอม เกรงกลัวอะไรเลย กลับลุกขึ้นมาฟ้องกลับเฟซบุ๊ก กรณีที่ทางเฟซบุ๊กมาปิดโปรไฟล์บริษัทไลค์สตอร์ของเขาโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนซะอย่างนั้น
ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการขายไลค์ในเฟซบุ๊กเท่านั้น แต่นายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ตัวปลอม ยังมีการดำเนินธุรกิจรูปแบบเดียวกันนี้ในยูทูบ และกูเกิ้ลพลัส ด้วยเช่นกัน โดยเขาได้เปิดขายจำนวนไลค์และจำนวนคลิกที่เข้าชมคลิปในยูทูบ เพื่อให้คลิปนั้นไปปรากฎบนตารางคลิปยอดนิยม และขายจำนวนคลิกในกูเกิ้ลพลัสเพื่อให้สินค้านั้น ๆ ได้ไปปรากฎอยู่ในหน้าแรก ๆ ของกูเกิ้ล นั่นเอง
