x close

ชีวิตหลังเหตุนองเลือดกลางกรุงของ สิบเอกปฏิมา







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทีวีบูรพา

          ความขัดแย้งทางการเมืองที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนัก จนทำให้คนไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ และลุกลามใหญ่โตทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเหตุการณ์นองเลือด... เหตุการณ์ที่คนไทยทุกคนจำได้ไม่มีวันลืม...

          เมื่อช่วงเดือนเมษายนของปี 2553 ภาพควันโขมงจากยางรถยนต์ที่ตั้งอยู่ในจุดราชการต่าง ๆ ภาพอาคารและตึกต่าง ๆ ที่ถูกเผาจนวอดวาย ภาพของคนไทยตีกันเอง ยังติดตรึงอยู่ในใจคนไทยทุกคน โดยเฉพาะวันที่เลวร้ายที่สุดนั้นก็คือวันที่ 14 เมษายน หรือที่เราเรียกกันว่า วันสงกรานต์นองเลือด...

          ในค่ำคืนดังกล่าวเหตุการณ์เลวร้ายนั้นกินเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่สร้างความเสียหายอย่างมากมาย ทั้งด้านร่างกาย และด้านจิตใจ มีผู้คนมากมายทั้งเกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้อง ต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว ภาพความเสียหายนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป แต่รอยบาดแผลก็ยังคงฝังลึกอยู่ข้างในใจคนไทยอย่างแน่นอน

          เฉกเช่นเรื่องราวของทหารนายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นองเลือดอย่าง สิบโทปฏิมา ขุมพิมล สังกัดกองพันเสนารักษ์ กรบสนับสนุน กองพลทหารราบที่ ๙  ที่ได้รับคำสั่งให้ไปดูแลความสงบในพื้นที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน ซึ่งวันนั้นนั่นเองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา จากคนที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ให้กลายเป็นเจ้าชายนิทรา เนื่องจากโดนระเบิด M79 ที่เส้นเลือดใหญ่ของขาข้างซ้าย รุนแรงจนเส้นเลือดขาด ส่งผลให้เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ขาหักทั้งสองข้าง และโดนสะเก็ดระเบิดอีกหลายแห่ง













          จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สิบโทปฎิมาต้องกลายเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งแต่ก่อนเขาได้ดูแลภรรยาวัย 20 กว่าปี และดูแลลูกชายตัวน้อยอีก 1 คน แต่ตอนกลับกลายเป็นว่า ภรรยาต้องดูแลเขา และรับผิดชอบภาระครอบครัวทั้งหมด

          เล็ก ภรรยาสาว ได้เล่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไปให้ฟังว่า ทุกวันนี้เธอต้องเดินทางไปกลับระหว่างโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ จ.สุพรรณบุรี ทุกวัน ตอนเช้าตื่นไปส่งลูกชายที่โรงเรียน แล้วเดินทางมาอยู่กับสามีที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าการรักษานั้นจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ แต่เธอก็อยากอยู่ข้าง ๆ และเป็นกำลังใจให้กับสามี จากเหตุการณ์เลวร้ายดังกล่าว ตอนแรกเธอก็ยังทำใจไม่ได้ และแค้นต้นเหตุที่ทำให้สามีเจ็บ แต่ตอนนี้เวลาก็ช่วยเยียวยา จากความคับแค้น กลายเป็นความเข้าใจ และให้อภัยในที่สุด

          ภรรยาของสิบโทปฏิมา กล่าวต่อว่า เหตุการณ์เลวร้ายนั้นต้นเหตุมาจากคนไทยที่ไม่รักกัน ตีกันเอง ซึ่งถ้าสามีของตนได้รับบาดเจ็บจากการเป็นรั้วของชาติ ปกป้องอธิปไตย ไม่ได้บาดเจ็บเพราะความขัดแย้งภายในประเทศ ตนก็คงภูมิใจมากกว่านี้







          ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี จากยศสิบโทปฏิมา ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นสิบเอก และอาการดีขึ้นตามลำดับ จากตอนแรกที่ไม่สามารถเดินได้ ช่วยเหลือดูแลตัวเองได้ ตอนนี้ก็เริ่มกลับมามีสติ สามารถพูดตอบโต้ได้บ้าง และเริ่มหัดเดินแล้ว ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว... แต่อย่างไรก็ตาม สิบเอกปฏิมา ก็ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเมื่อก่อนได้

          สุดท้ายนี้ภาพเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ อาจจะค่อย ๆ ถูกลบเลือนหายไปจากใจคนไทยบ้าง อาคารบ้านเรือนที่เสียหายก็ถูกซ่อมแซมจนสามารถใช้ได้ตามปกติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นรอยบาดแผลที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีวันลบเลือนหรือซ่อมแซมได้ของใครบางคน

          ติดตามเรื่องราวของ สิบเอกปฏิมา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นองเลือด ด้วยน้ำมือของคนไทยด้วยกัน ได้ในรายการ "คนค้นฅน" วันอังคารที่ 24 มกราคมนี้ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี  เวลา 22.30 – 23.30 น.



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตหลังเหตุนองเลือดกลางกรุงของ สิบเอกปฏิมา อัปเดตล่าสุด 18 มกราคม 2555 เวลา 10:57:04 95,801 อ่าน
TOP