สรรพากรเฉย เก็บภาษีหุ้นชิน เส้นตาย31มี.ค. (ไทยโพสต์)
ปชป.เดินหน้าบี้ภาษีหุ้นชินคอร์ป ขีดเส้นถึงสิ้นเดือน หาก "สรรพากร" นิ่งจนขาดอายุความ เจอฟ้องตามมาตรา 157 ยกกระทรวงวายุภักษ์แน่ พ่วงลุย ก.ล.ต.กรณี "ปู" ปิดบังหุ้น ทะแม่งหุ้นตัวเดียวกัน คนหนึ่งบอกถูก อีกคนบอกผิด
นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันพุธ เรียกร้องให้กรมสรรพากรปฏิบัติหน้าที่โดยรักษาผลประโยชน์ของประชาชนในการเก็บภาษีหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขายให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ ผ่านบุตรคือ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร เพราะเดิมกรมสรรพากรเคยประเมินเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั้งสอง 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลภาษีได้วินิจฉัยว่าหุ้นที่ขายไป ความจริงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา แต่หลังจากนั้น คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีกลับวินิจฉัยว่าธุรกรรมเป็นโมฆะไม่สามารถเก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ถือเป็นการตีความที่บิดเบือนและเข้าข้างบุคคลทั้งสอง เพราะศาลไม่เคยระบุว่าธุรกรรมเป็นโมฆะ จึงต้องเรียกเก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า คดีนี้ล่วงเลยมาจนใกล้หมดอายุความ 5 ปี ในวันที่ 31 มี.ค. แต่กรมสรรพากรยังไม่มีการเรียกเก็บภาษี ทีมเศรษฐกิจของพรรคจึงจะให้เวลากรมสรรพากรทำงานจนถึงวันที่ 31 มี.ค. หากยังไม่มีการดำเนินการ จะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เอาผิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รมช.การคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสรรพากร ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่
นายสรรเสริญ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.การคลัง ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้ตรวจสอบกรณีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นชินคอร์ปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เพราะทีมกฎหมายของพรรคเชื่อว่าผู้ถือหุ้นที่แท้จริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าข่ายปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งถือเป็นความผิดคดีอาญา อาจทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ด้วย ซึ่งทีมกฎหมายจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป หาก ก.ล.ต.ไม่ดำเนินการ ก็จะยื่นต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ก.ล.ต.ฐานละเว้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า ยืนยันที่จะไม่เก็บภาษี โดยระบุว่าเป็นการซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ และศาลได้ตัดสินแล้วว่าเจ้าของหุ้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงถือว่าธุรกรรมตัวแทนระหว่างทางไม่ได้เกิดขึ้นจริง การซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทแอมเพิลริชกับนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาจึงเป็นนิติกรรมอำพราง ไม่ได้เกิดรายการซื้อขายจริง
"ปัญหาการเก็บภาษีหุ้นจากคนในตระกูลชินวัตรจบหมดแล้ว ไม่มีเรื่องที่ค้างอยู่ในกรมสรรพากรอีกต่อไป" นายสาธิตเคยกล่าวไว้
ขณะเดียวกันยังมีปัญหาที่น่าสนใจในกรณีเดียวกัน เมื่อ ก.ล.ต.ไม่มีการคืนเงินค่าปรับ 5.9 ล้านบาทให้นายพานทองแท้ ในกรณีการถือครองหุ้นชินคอร์ปเกิน 25% ไม่เหมือนกรมสรรพากรที่ได้คืนเงินเรียกเก็บภาษีให้นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา ทั้งที่เป็นหุ้นตัวเดียวกัน
โดยเรื่องดังกล่าว นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส.เคยอธิบายว่า ก.ล.ต.ไม่กล้าตีความการถือหุ้นของนายพานทองแท้ว่าเป็นโมฆะ เหมือนกรมสรรพากรที่ระบุว่าหุ้นชินคอร์ปเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณมาตลอด เพราะหากตีความตามจะทำให้การอยู่ในตำแหน่งนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนั้นมีปัญหาไปด้วย เพราะกฎหมาย ป.ป.ช.ห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นสัมปทานรัฐ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสีย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
