เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย tummangn
ทึ่ง! น้องไอซ์ เด็กชาย 8 ขวบ สวมบทกระเป๋ารถเมล์รุ่นจิ๋ว ช่วยแม่ทำงานช่วงปิดเทอม แต่กลับถูกคนร้องเรียนหาว่าใช้แรงงานเด็ก ด้าน ขสมก. สั่งปรับเพราะทำผิดกฎ แต่ ผอ. - เจ้าหน้าที่ ขสมก. เห็นใจ จึงควักกระเป๋าช่วยจ่ายค่าปรับให้
กลายเป็นข่าวฮือฮาไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อผู้สื่อข่าวหลายสำนักได้นำเสนอเรื่องราวของเด็กชายอานัส กระต่ายทอง หรือ น้องไอซ์ หนูน้อยวัย 8 ขวบ ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บเงินบนรถมินิบัสร่วมบริการ สาย 71 วิ่งเส้นทาง ปัฐวิกรณ์-วัดธาตุทอง เบอร์รถ 81 หมายเลขทะเบียน 14-7409 ของบริษัท บัสบอดี้ บ้านโป่ง จำกัด โดยน้องไอซ์เดินเก็บเงินจากผู้โดยสารได้อย่างคล่องแคล่ว และสามารถทรงตัวบนรถประจำทางได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จากการสอบถามน้องไอซ์ ทราบว่า พ่อของน้องไอซ์ คือ นายเสน่ห์ กระต่ายทอง เป็นพนักงานขับรถโดยสารคันนี้ ส่วนแม่ คือ นางสาวอำนวย หวังกา อายุ 43 ปี เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารบนรถคันเดียวกัน โดยน้องไอซ์บอกว่า ได้ขอมาช่วยงานตอนปิดเทอม เพราะรู้สึกสนุกกับการเป็นกระเป๋ารถเมล์ และอยากให้แม่ได้พักผ่อน และบางครั้งก็ได้ค่าขนมมาเพิ่ม ตนก็จะนำเงินไปหยอดกระปุกเก็บไว้เพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง
ด้านนางสาวอำนวย บอกว่า น้องไอซ์ เป็นลูกคนที่ 3 ซึ่งเป็นลูกคนสุดท้อง ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ มักจะขอติดรถขึ้นมาด้วย กระทั่งปิดเทอม น้องไอซ์ได้ขอมาช่วยงาน โดยตอนแรก ๆ ก็นั่งอยู่เฉย ๆ แต่พอขึ้นรถมาบ่อย ๆ น้องไอซ์ก็จะขอถือกระบอกตั๋วไปเก็บเงินจากผู้โดยสารให้ จนนานเข้าก็เริ่มคล่อง ตนจึงยอมให้ลูกชายไปเดินเก็บค่าโดยสาร แต่ก็ให้ทำในช่วงต้นสายกับปลายสายซึ่งผู้โดยสารไม่มากเท่านั้น ส่วนในช่วงระหว่างทาง ตนจะให้ลูกนั่งอยู่เฉย ๆ เพราะผู้โดยสารค่อนข้างมาก
นางอำนวย กล่าวต่อว่า เวลาที่ลูกชายเดินไปเก็บเงิน ผู้โดยสารก็จะยิ้มและชื่นชมที่ลูกใช้กระบอกตั๋วได้อย่างคล่องแคล่ว บางคนได้ขอถ่ายรูปน้องไอซ์ไว้เป็นที่ระลึกด้วย นอกจากนั้น น้องไอซ์ยังสามารถทรงตัวบนรถเมล์ได้เป็นอย่างดี โดยใช้เวลาเพียงสัปดาห์เศษก็สามารถยืนทรงตัวบนรถเมล์ที่วิ่งได้แล้ว เมื่อเทียบกับตนตอนเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารใหม่ ๆ ยังต้องฝึกทรงตัวเป็นเดือน ๆ
แม่ของน้องไอซ์ ยังบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกว่า ปกติน้องไอซ์เป็นคนชอบแสดงออก และชอบหาเงินใช้เอง ครั้งหนึ่งน้องไอซ์อยากได้จักรยาน ราคา 1,200 บาท น้องไอซ์ก็ไปทำงานรับจ้างทั่วไปจนได้เงินเก็บมา และก่อนหน้านี้น้องไอซ์ก็เพิ่งไปประกวดร้องเพลง ได้เงินมา 3,000 บาท น้องก็แบ่งส่วนหนึ่งมาให้แม่ ส่วนที่เหลือก็หยอดกระปุกเก็บเอาไว้ซื้อของเองด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวเรื่องน้องไอซ์ออกไป ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ได้เรียกนางอำนวย และนายเสน่ห์ ไปตักเตือน เรื่องที่ใช้บุตรชายทำงาน
โดยนายพีระพงษ์ โค้วสุวรรณ ผอ.สปร.1 (สำนักปฏิบัติการรถเอกชนร่วมบริการ1) ระบุว่า มีผู้ร้องเรียนเข้ามาว่า กรณีดังกล่าวเป็นการใช้แรงงานเด็กและไม่เหมาะสม ตนจึงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ คือปรับเงินพ่อแม่ของน้องไอซ์ แต่ทั้งนี้ตนและเจ้าหน้าที่ ขสมก. ก็เข้าใจว่า น้องไอซ์มีความตั้งใจที่จะช่วยพ่อแม่ทำงาน ตนและพนักงานจึงร่วมกันเรี่ยไรเงินจ่ายเป็นค่าปรับให้น้องไอซ์ และมอบเงินส่วนหนึ่งให้น้องไอซ์ไว้เป็นค่าขนมด้วย
ด้านนางอำนวย ผู้เป็นแม่ ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้สั่งให้น้องไอซ์ไปทำงาน แต่น้องไอซ์เกิดและเติบโตมากับรถโดยสารคันนี้ และเมื่อเห็นว่า แม่ขาไม่ค่อยดี เพราะเป็นโรคกระดูกพรุน น้องไอซ์จึงอาสาช่วยงาน นอกจากนั้นแล้ว ตนก็ไม่ได้เห็นน้องไอซ์ช่วยงานทั้งวัน ให้ช่วยเพียงแค่ต้นทางกับปลายทางซึ่งมีผู้โดยสารน้อยแล้วเท่านั้น
เช่นเดียวกับนายเสน่ห์ ผู้เป็นพ่อที่ระบุว่า ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เพราะมีคนนำไปตีความแบบผิด ๆ ทั้งนี้ ครอบครัวของตนนั้นมีฐานะยากจน ช่วงปิดเทอมไม่มีคนเลี้ยงดูลูก ตนจึงต้องพาลูกมาทำงานด้วย และตั้งแต่เด็ก ๆ น้องไอซ์ก็กินนอนโตอยู่บนรถเมล์อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณทุกคนใน ขสมก. ที่เห็นใจและช่วยเหลือน้องไอซ์ และคงต้องให้น้องไอซ์นั่งรถเมล์ไปด้วยกันเหมือนเดิม แต่คงไม่ให้เดินเก็บค่าโดยสารแล้ว
ขณะที่นายสมยศ อ่อนศรี เจ้าของรถเมล์คันดังกล่าว แสดงความเห็นว่า ส่วนตัวมองว่าแม่ของน้องไอซ์ไม่ได้ทำเกินสมควร เพราะน้องไอซ์อาสาจะช่วยพ่อแม่เอง และไม่ได้มาทุกวัน โดยสิ่งที่น้องไอซ์ทำแสดงถึงความกตัญญู ดีกว่าปล่อยให้เด็กไปติดเกมส์ กินเหล้า สูบบุหรี่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
