เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวขข้องกับข้อมูล
หนี้เสียบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวี 5 เดือนแรก สูงเกือบ 10 ล้านบาท ร้อยละ 85 ถูกตัดสิทธิ์การใช้บัตรเพราะไม่ไปชำระเงิน แต่ยังหาคนรับผิดชอบหนี้ไม่ได้
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า หลังจาก 5 เดือนที่รัฐบาลเปิดใช้บัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวี สำหรับบรรเทาทุกข์ผู้ขับเเท็กซี่จากราคาพลังงานที่สูงขึ้น พบว่า นโยบายดังกล่าวไม่เป็นไปที่ตั้งเป้าเอาไว้ เพราะผู้ถือบัตรส่วนใหญ่ ถูกตัดสิทธิ์จากการไม่ชำระหนี้ และมีหนี้เสียจากบัตรเครดิตสูงถึง 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการสอบถามปั้มก๊าซแห่งหนึ่ง พบว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีผู้ใช้บัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีสูงถึงวันละ 70 ใบ แต่ตอนนี้ลดเหลือเพียงวันละ 8 ใบ ขณะที่ผู้ขับแท็กซี่บางคนบอกว่า เคยทดลองใช้บัตรมาแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะไปชำระเงินที่ค้างไว้ จึงถูกตัดบัตร ซึ่งต่างกับบัตรเติมก๊าซเอ็นจีวี ที่ลดราคาก๊าซกิโลกรัมละ 2 บาท มียอดใช้ถึงวันละ 448 ใบ ไม่ต้องรวบรวมเงินไปจ่ายให้ธนาคารคราวละมาก ๆ
สำหรับนโยบายดังกล่าว เปิดตัวในสมัยที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งให้บริษัท ปตท. จัดทำบัตรเครดิตพลังงาน วงเงิน 3,000 บาทต่อเดือน และได้รับส่วนลดอีก 2 บาทต่อกิโลกรัม และส่วนลดแบบจ่ายเป็นเงินสดอีก 6,000 บาทต่อเดือน รวม 9,000 บาทต่อเดือน ซึ่งผู้สมัครกว่า 36,000 คน มีผู้ถือบัตรอีก 27,000 ใบ และกว่าร้อยละ 85 ถูกตัดสิทธิ์การใช้ เนื่องจากไม่ไปชำระหนี้กับธนาคาร คิดเป็นหนี้เสียกว่า 8 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถระบุหาผู้รับผิดชอบได้
ด้านกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดที่จะยกเลิกบัตร เนื่องจากสถานะการดำเนินงานของบัตรเครดิตอยู่ในระดับดี ภาระหนี้เสียมีแนวโน้มลดลง หนี้ค้างชำระสะสมคงที่ และเตรียมปรับระบบและยกระดับสิทธิประโยชน์ สวนทางกับตัวแทนสหกรณ์เเท็กซี่ ที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่เริ่มโครงการ และควรยกเลิกโครงการนี้ไปโดยด่วน
ด้านนายพิชัย กล่าวบนเฟซบุ๊กว่า ถ้าผู้ถือบัตรคนใด ค้างชำระเงิน 2 เดือนจะถูกตัดสิทธิ์ ซึ่งบัตรนี้จะช่วยให้เเท็กซี่ประหยัดเงินไปปีละ 12,000-15,000 บาท ดังนั้น แท็กซี่จึงควรรักษาสิทธิ์เอาไว้
