เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
รมว.ต่างประเทศ เร่งดันเข้า ครม. 26 มิถุนายนนี้ ปมสหรัฐฯ ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เผยนาซาขู่ถอนตัว หากยังไม่สรุป เหตุขนอุปกรณ์ไม่ทัน
เมื่อวันพฤหัสบดี (21 มิถุนายน) กระแสการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของสหรัฐอเมริกาเพื่อจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือมนุษยธรรมและศึกษาชั้นบรรยากาศ ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ โดยเฉพาะกรณีองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ขอใช้เพื่อศึกษาภูมิอากาศ ซึ่งนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้แถลงว่า จุดเริ่มต้นโครงการเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 ซึ่งแถลงการณ์ร่วมกันระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสดา) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนาซา ลงนามในวันที่ 28 กันยายน 2553 จากนั้นในวันที่ 8 มีนาคม 2554 สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยทำหนังสือถึง กต.เสนอประชุมร่วมกัน ซึ่งมีหน่วยงานเข้าร่วม 18 หน่วยงาน และมีการประชุมถึง 5 ครั้ง
"สหรัฐฯ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่าง ๆ เนื่องจากจะบินผ่านน่านน้ำและน่านฟ้า เช่น จีนเขาก็ไม่ได้เป็นห่วง เพราะโครงการเคยทำที่ฮ่องกงและจีนรับรู้มาโดยตลอด รวมทั้งสิงคโปร์และกัมพูชาก็ยังมอบหมายเจ้าหน้าที่เข้าร่วมด้วย เมื่อกระทรวงฯ ได้รับหนังสือแจ้งจากสถานทูตสหรัฐฯ ว่าเพื่อนบ้านยินยอม ในวันที่ 4 มิถุนายน 2555 เจ้าหน้าที่ กต.จึงสรุปรายละเอียดให้ผมนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)" นายสุรพงษ์ เล่าที่มา
นายสุรพงษ์ ยังระบุถึงเหตุผลที่ไม่ได้เข้า ครม.เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ว่า เลขาธิการ ครม.ยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันความเห็นจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ล่าสุด เพราะตอนแรก สมช.แสดงความห่วงใยด้านความมั่นคง จึงต้องทำให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความรอบคอบและถูกต้อง เราจึงต้องรอ แต่คาดว่าในวันที่ 26 มิถุนายน เรื่องน่าจะเข้า ครม. เพราะมีสำเนาหนังสือจากทางสถานทูตสหรัฐฯที่พูดคุยกับนาซามาว่า หากรัฐบาลไทยไม่สามารถตัดสินใจได้ ก็จะขอถอนทั้งหมด เพราะเขาขนอุปกรณ์มาไม่ทัน ตามแผนที่ต้องขนอุปกรณ์ในเดือนมิถุนายนและ กรกฎาคม และปฏิบัติการในเดือนสิงหาคม - กันยายน ซึ่งหนังสือยังแจ้งด้วยว่าถ้าไม่ทันก็เข้าใจ เพราะช่วงนี้ไทยมีปัญหาการเมือง
"ถ้ามีการถอนเกิดขึ้นก็เป็นที่น่าเสียดาย นอกจากภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงงบประมาณที่เขาจะนำมาใช้ในโครงการนี้คือ 30 ล้านดอลลาร์ หรือ 900 ล้านบาท รวมทั้งผลประโยชน์คือ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งไทยไม่เคยได้ข้อมูลระดับนี้" นายสุรพงษ์ กล่าว และยืนยันว่า กรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศและสำนักงานกฤษฎีกาก็เห็นพ้องต้องกันว่าไม่ต้องเสนอเรื่องเข้ารัฐสภา แต่เข้ามาตรา 190 วรรค 1 ซึ่งต้องนำเข้า ครม.ให้ความเห็นชอบ ถ้า ครม.เห็นชอบ ครม.ก็ต้องรับผิดชอบ
รมว.กต.ยังระบุกรณี ผบ.สูงสุดสหรัฐฯ เดินทางมาไทยว่า เขายืนยันนาซาไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพ ทำงานแยกกัน ไม่ใช้ผลงานวิจัยมาเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลทางการรบ วันนี้สหรัฐฯ รู้ภูมิประเทศแถบนี้เป็นอย่างดี เพราะใช้ดาวเทียมโจรกรรมบินผ่านประเทศไทยไม่รู้กี่รอบ เขาเห็นหมด รวมทั้งไม่เกี่ยวกับแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
"รัฐบาลคงไม่ชักจูงศัตรูเข้าประเทศอย่างที่ฝ่ายค้านคิด ต้องกราบเรียนว่าทุกวันนี้ไม่มีใครเอากะลาไปครอบฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านต่างหากที่ดึงกะลาไปครอบตัวเอง ถึงเวลาที่ต้องทิ้งกะลาแล้วเปิดหูเปิดตาดูโลก และที่สำคัญรัฐบาลทำงานต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ถ้าหากเห็นว่าไม่ดี เหตุใดสมัยนายอภิสิทธิ์จึงแถลงการณ์ร่วมกับนาซาตั้งแต่ปี 2553" นายสุรพงษ์ ระบุ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
