เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
ชาวบ้านลำตะคองร้องปลาหลายหมื่นตัวลอยอืดตายเป็นแพ เหม็นฟุ้งกลางเมืองโคราช คาดโรงงานปล่อยสารพิษฝนชะลงน้ำ ปลาขาดออกซิเจนเฉียบพลัน ต้องใช้เวลากว่า 2 วันกำจัดซากปลา
วันนี้ (14 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำลำตะคองที่ไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ช่วงตั้งแต่ชุมชนสำโรงจันทร์ ไปถึงชุมชนหมู่บ้านวีไอพี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ออกมาร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นเน่าของปลาจำนวนมหาศาลที่ตายลอยอืดอยู่ในลำน้ำลำตะคอง ระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งเก็บซากปลาและตรวจสอบสาเหตุของปลาเน่าตาย
โดยนางประภัสสร เณรชู ชาวบ้านชุมชนสำโรงจันทร์ กล่าวว่า เริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าของปลาตายตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 13 กรกฎาคมหลังในช่วงบ่ายฝนตกหนัก กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม เห็นปลาจำนวนมหาศาลลอยตายเป็นแพ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วชุมชน จึงแจ้งให้เทศบาลฯ ทราบ อย่างไรก็ดี ปรากฎการณ์ปลาตายเป็นเบือในลำตะคองแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่พบเห็นปลาตายมากมายขนาดนี้ น่าจะเกิดจากคุณภาพน้ำในลำตะคองเน่าเสียหรือมีสารพิษเจือปนอย่างเข้มข้น จึงทำให้ปลาธรรมชาติในลำตะคองเกิดภาวะน็อกลอยตายกะทันหัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตลอดแนวลำตะคองตั้งแต่ด้านหลังห้างเดอะมอลล์และโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ติดกัน ในเขตชุมชนสำโรงจันทร์ มีปลาตายลอยเป็นแพเหนือผิวน้ำตลอดแนว ส่วนจุดที่พบปลาเน่าตายไหลมารวมกันมากที่สุด คือ บริเวณสะพานข้ามลำตะคอง ใจกลางชุมชนสำโรงจันทร์หลายหมื่นตัว เป็นแพสีขาวเหนือพื้นน้ำ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยฟุ้ง พบปลาที่ตายเป็นปลาธรรมชาติ มีทั้งปลาขาว ปลาตะเพียน ปลากด ปลาแขยง ปลายี่สก ปลากราย หลากหลายขนาดทั้งตัวเล็กตัวน้อยไปถึงน้ำหนัก 3-5 กิโลกรัม
ต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้ลงไปเก็บตัวอย่างน้ำ พร้อมทั้งซากปลาตายมาพิสูจน์หาสาเหตุในครั้งนี้ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า ปลาตายเพราะขาดออกซิเจนเฉียบพลัน เนื่องจากเหงือกยังแดง และตัวแข็งกว่าปกติ โดยจากการวัดค่าปริมาณออกซิเจนในน้ำ พบว่ามีค่าเพียง 0.9 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งหากค่าออกซิเจนในน้ำต่ำกว่า 2 มิลลิกรัมต่อลิตร ก็สามารถทำให้ปลาตายได้แล้ว นอกจากนี้ ยังพบน้ำมันเครื่องเจือปนอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมากอีกด้วย
ทั้งนี้ ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 3 ข้อถึงสาเหตุปลาตายจำนวนมากนี้ คือ 1. เกิดจากฝนที่ตกลงมาปริมาณมาก ทำให้ปลาช็อกน้ำตาย 2.เกิดจากน้ำมันเครื่องเสียที่มีผู้ลักลอบปล่อยลงน้ำ 3. เกิดจากสารพิษชนิดอื่น ๆ ซึ่งต้องส่งตัวอย่างน้ำ และตัวอย่างปลาตาย ไปให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ 11 นครราชสีมา ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะทราบสาเหตุที่แท้จริง พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ลงพื้นที่ไปสำรวจโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ริมลำตะคอง ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งอาจจะเป็นต้นเหตุปล่อยน้ำเสียจนทำให้ปลาตายจำนวนมากครั้งนี้
ส่วนแนวทางกำจัดซากปลาเหล่านี้นั้น เจ้าหน้าที่ส่วนช่างสุขาภิบาล สำนักการช่าง เทศบาลนครนครราชสีมา กว่า 30 คน ได้มาช่วยกันนำเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ตักปลาไปทิ้งที่โรงกำจัดขยะของเทศบาลฯ เพื่อนำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพใช้ประโยชน์ต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 วัน จึงจะกำจัดปลาเน่าได้ทั้งหมด ส่วนปริมาณคาดว่าน่าจะมากกว่า 3 ตัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ชาวบ้านลำตะคองร้องปลาหลายหมื่นตัวลอยอืดตายเป็นแพ เหม็นฟุ้งกลางเมืองโคราช คาดโรงงานปล่อยสารพิษฝนชะลงน้ำ ปลาขาดออกซิเจนเฉียบพลัน ต้องใช้เวลากว่า 2 วันกำจัดซากปลา
วันนี้ (14 กรกฎาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำลำตะคองที่ไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ช่วงตั้งแต่ชุมชนสำโรงจันทร์ ไปถึงชุมชนหมู่บ้านวีไอพี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ออกมาร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นเน่าของปลาจำนวนมหาศาลที่ตายลอยอืดอยู่ในลำน้ำลำตะคอง ระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งเก็บซากปลาและตรวจสอบสาเหตุของปลาเน่าตาย
โดยนางประภัสสร เณรชู ชาวบ้านชุมชนสำโรงจันทร์ กล่าวว่า เริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าของปลาตายตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 13 กรกฎาคมหลังในช่วงบ่ายฝนตกหนัก กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม เห็นปลาจำนวนมหาศาลลอยตายเป็นแพ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วชุมชน จึงแจ้งให้เทศบาลฯ ทราบ อย่างไรก็ดี ปรากฎการณ์ปลาตายเป็นเบือในลำตะคองแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่พบเห็นปลาตายมากมายขนาดนี้ น่าจะเกิดจากคุณภาพน้ำในลำตะคองเน่าเสียหรือมีสารพิษเจือปนอย่างเข้มข้น จึงทำให้ปลาธรรมชาติในลำตะคองเกิดภาวะน็อกลอยตายกะทันหัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตลอดแนวลำตะคองตั้งแต่ด้านหลังห้างเดอะมอลล์และโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ติดกัน ในเขตชุมชนสำโรงจันทร์ มีปลาตายลอยเป็นแพเหนือผิวน้ำตลอดแนว ส่วนจุดที่พบปลาเน่าตายไหลมารวมกันมากที่สุด คือ บริเวณสะพานข้ามลำตะคอง ใจกลางชุมชนสำโรงจันทร์หลายหมื่นตัว เป็นแพสีขาวเหนือพื้นน้ำ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยฟุ้ง พบปลาที่ตายเป็นปลาธรรมชาติ มีทั้งปลาขาว ปลาตะเพียน ปลากด ปลาแขยง ปลายี่สก ปลากราย หลากหลายขนาดทั้งตัวเล็กตัวน้อยไปถึงน้ำหนัก 3-5 กิโลกรัม
ต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้ลงไปเก็บตัวอย่างน้ำ พร้อมทั้งซากปลาตายมาพิสูจน์หาสาเหตุในครั้งนี้ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า ปลาตายเพราะขาดออกซิเจนเฉียบพลัน เนื่องจากเหงือกยังแดง และตัวแข็งกว่าปกติ โดยจากการวัดค่าปริมาณออกซิเจนในน้ำ พบว่ามีค่าเพียง 0.9 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งหากค่าออกซิเจนในน้ำต่ำกว่า 2 มิลลิกรัมต่อลิตร ก็สามารถทำให้ปลาตายได้แล้ว นอกจากนี้ ยังพบน้ำมันเครื่องเจือปนอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมากอีกด้วย
ทั้งนี้ ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 3 ข้อถึงสาเหตุปลาตายจำนวนมากนี้ คือ 1. เกิดจากฝนที่ตกลงมาปริมาณมาก ทำให้ปลาช็อกน้ำตาย 2.เกิดจากน้ำมันเครื่องเสียที่มีผู้ลักลอบปล่อยลงน้ำ 3. เกิดจากสารพิษชนิดอื่น ๆ ซึ่งต้องส่งตัวอย่างน้ำ และตัวอย่างปลาตาย ไปให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ 11 นครราชสีมา ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะทราบสาเหตุที่แท้จริง พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ลงพื้นที่ไปสำรวจโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ริมลำตะคอง ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งอาจจะเป็นต้นเหตุปล่อยน้ำเสียจนทำให้ปลาตายจำนวนมากครั้งนี้
ส่วนแนวทางกำจัดซากปลาเหล่านี้นั้น เจ้าหน้าที่ส่วนช่างสุขาภิบาล สำนักการช่าง เทศบาลนครนครราชสีมา กว่า 30 คน ได้มาช่วยกันนำเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ตักปลาไปทิ้งที่โรงกำจัดขยะของเทศบาลฯ เพื่อนำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพใช้ประโยชน์ต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 วัน จึงจะกำจัดปลาเน่าได้ทั้งหมด ส่วนปริมาณคาดว่าน่าจะมากกว่า 3 ตัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก