เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ 5 เช้าข่าวดี โพสต์โดย คุณ tummangn สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันการศัลยกรรมเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นทุกที จากกระแสนิยมของคนรุ่นใหม่ที่อยากมีดั้งโด่ง หน้าเรียว ริมฝีปากเรียวเล็ก ผิวขาว ฯลฯ ซึ่งก็กลายเป็นว่าการศัลยกรรมสามารถเนรมิตความหล่อและความสวยได้ตามที่ทุกคนต้องการแม้จะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงและความเจ็บปวดต่าง ๆ มากมาย
เช่นเดียวกับ ตั้ม เซจุง หนุ่มหล่อหน้าเป๊ะสไตล์เกาหลี ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในขณะนี้ เพราะเขาได้บอกเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า กว่าจะหล่อได้ตามที่ปรารถนานั้น เขาต้องผ่านการศัลยกรรมมาแล้วถึง 50 ครั้งเลยทีเดียว! เอาล่ะค่ะ ลองไปฟังเรื่องราวประสบการณ์ที่น่าสนใจของเขาจาก รายการ 5 เช้าข่าวดี กันเลย
โดย ตั้ม เซจุง เปิดเผยว่า ตนทำศัลยกรรมที่ตา จมูก คาง ทำลักยิ้ม ฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก และดอลลี่อายใต้ตา ส่วนที่ไม่ได้ทำคงมีแค่เหงือกกับตาดำ-ตาขาว มั้งครับ (หัวเราะ) โดยส่วนของตาก็จะสักขอบตา ทำตาสองชั้น เนื่องจากสมัยก่อนตาไม่เท่ากันซึ่งเกิดจากตนไปเล่นปืนอัดลมกับญาติ ๆ กระเด็นไปโดนกระจกแล้วเด้งมาใส่ตา ทำให้ตาไม่เท่ากัน แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีด้วยครับ และจากนั้นก็เริ่มศัลยกรรมมาโดยตลอด ซึ่งตอนแรกตนคิดเพียงว่าอยากศัลยกรรมให้ตาเท่ากันเท่านั้น
ตั้ม เซจุง เล่าต่อไปว่า ในส่วนของจมูก ตนได้ฉีดฟิลเลอร์เริ่มที่ระหว่างตาก่อน แล้วค่อย ๆ ลามไปทั้งจมูกเลย แต่ต่อมาก็รู้สึกเบื่อจึงไปขูดฟิลเลอร์ออกและเปลี่ยนมาใส่ซิลิโคนแท่งแทน ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งซิลิโคนและฟิลเลอร์มีข้อดีแตกต่างกัน แต่ตนคิดว่าใส่ซิลิโคนดีกว่า เนื่องจากหากเกิดอะไรขึ้นก็จะเอาออกได้ทั้งแท่งเลย โดยครั้งล่าสุดได้ผ่าตัดเอากระดูกหลังใบหูมาทำปลายจมูกด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ทำลักยิ้มข้างขวา โดยการผ่าตัดจากข้างในปาก ฉีดคาง และในส่วนของปากก็ฉีดฟิลเลอร์ทุกปี เพื่อให้ปากดูอวบอิ่ม สักปาก ฉีดร่องแก้ม ส่วนใบหน้าเรียวนั้นมาจากการฉีดโบท็อกซ์และร้อยไหม PDO (plydioanone) ซึ่งตนฉีดโบท็อกซ์มาแล้วกว่า 20 ครั้ง แต่ทั้งนี้ก็มีผลข้างเคียงก็คือ หน้าจะตึง ๆ แข็ง ๆ ยิ้มได้ไม่เต็มที่
เมื่อถามว่า ทำไมหนุ่มตั้มถึงไม่บินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีเลยนั้น เจ้าตัวบอกว่า ตนคิดว่าโครงหน้าตนเป็นคนไทยก็ควรจะทำที่ไทยดีกว่า อีกทั้งหมอไทยก็สามารถศัลยกรรมได้อย่างมีคุณภาพ ขนาดคนเกาหลียังบินมาทำที่ไทยก็มีเยอะแยะเช่นกัน เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น สำหรับรายจ่ายที่หมดไปกับการทำศัลกรรม 50 ครั้ง รวมแล้วก็เกือบ 5 แสนบาท โดยเงินก้อนแรกที่ทำตาก็ได้มาจากคุณแม่ก่อน ส่วนที่เหลือก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนทั้งหมด ซึ่งตนทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับความงาม โดยรับครีมจากเพื่อนมาขาย ทั้งนี้ แม่ก็มีเบรกเช่นกันว่าให้หยุดทำได้แล้ว เพราะยิ่งทำก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้ตนก็หยุดแล้ว แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ครับ (หัวเราะ)
สำหรับผลข้างเคียงการทำศัลยกรรมนั้น ตั้ม เซจุง เล่าว่า ตอนที่ฉีดกลูต้าไธโอนให้ผิวขาว ก็มีผลทำให้ม่านตารับแสงได้น้อยลง เวลามองตอนกลางวันต้องหรี่ตา และหากเจอแดดจัดที่ทะเลก็เกิดอาการแสบผิวเช่นกัน ส่วนบริเวณจมูก คาง ก็จะเกิดพังผืด ซึ่งแรก ๆ ตนก็จิตตก แต่พอนาน ๆ ทีก็เริ่มชิน
และเมื่อถามว่าหลังจากการทำศัลยกรรมส่งผลต่อชีวิตของเขาอย่างไรบ้างนั้น ตั้ม เซจุง กล่าวว่า เมื่อก่อนขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามให้ลูกค้าก็ขายไม่ค่อยดี และตนก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง แต่หลังจากทำศัลยกรรมที่นอกจากจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองแล้ว ก็เป็นการเสริมฮวงจุ้ยไปด้วย อย่างเช่นการทำจมูกรูปหยดน้ำ ตนก็รู้สึกว่าดวงดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า (ยิ้ม)
ทั้งนี้ ตั้ม เซจุง ยังได้ฝากเตือนถึงทุกคนที่อยากศัลยกรรมด้วยว่า ก่อนที่จะทำก็ศึกษาข้อมูลการทำศัลยกรรมบริเวณส่วนนั้น ๆ ให้ดีเสียก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากมาย มิฉะนั้นอาจจะตกเป็นหนูทดลองยาของหมอก็ได้
