x close

ม.คริสเตียน ปัดไล่ 3 นศ.ติดเอดส์ แต่ขอให้ย้ายสาขา

 
ม.คริสเตียน ปัดไล่ 3 นศ.ติดเอดส์ แต่ขอให้ย้ายสาขา


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Christian University

            ม.คริสเตียน โต้ข่าวไล่ 3 นักศึกษาพยาบาลติดเอดส์ออก แจงแค่ขอให้ย้ายสาขา เหตุต้องปกป้องสิทธิคนไข้ในโรงพยาบาล ด้าน กกอ. ชี้ ควรให้สิทธิเด็กตัดสินใจ ระบุยังรักษาคนไข้ได้ เพราะเอดส์ไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ

            จากกรณีที่นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน จังหวัดนครปฐม จำนวน 3 คน เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากถูกมหาวิทยาลัยไล่ออก ขณะกำลังศึกษาวิชาชีพพยาบาลในชั้นปีที่ 3 เนื่องจากพบว่า นักศึกษากลุ่มนี้ติดเชื้อ HIV หรือเชื้อต้นตอของโรคเอดส์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

            ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน ได้ออกมาชี้แจงว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ไล่นักศึกษากลุ่มดังกล่าวออก แต่ขอให้นักศึกษาย้ายไปเรียนสาขาอื่นแทน โดยมีนักศึกษา 2 คน ตกลงจะย้ายไปเรียนสาขาอื่นแล้ว ส่วนอีก 1 คน ยังไม่มาเรียน แต่ได้จ่ายค่าเล่าเรียนไว้แล้ว

            ผศ.ดร.จันทร์จิรา ยังกล่าวต่อว่า การที่มหาวิทยาลัยขอให้นักศึกษาทั้ง 3 คน ย้ายไปเรียนสาขาอื่นนั้น เนื่องจากต้องการดูแลนักศึกษา เพราะหากนักศึกษาเข้าไปฝึกงานในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีเชื้อโรคต่าง ๆ มาก จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคอื่น ๆ เพิ่ม นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยก็ต้องคุ้มครองสิทธิของผู้ที่จะมารับบริการด้วย

            ส่วนเรื่องที่ กสม. ออกมาระบุว่า การที่มหาวิทยาลัยบังคับนักศึกษาตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีขัดต่อหลักการเคารพสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวีนั้น อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน ระบุว่า ตนเข้าใจเรื่องสิทธิดังกล่าว แต่สิทธิที่ว่าก็ต้องไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นด้วย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ชี้แจงไปแล้ว และคงไม่ชี้แจงอีก อย่างไรก็ตาม ทาง กสม.ไม่ควรนำเรื่องนี้ออกมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพราะจะทำให้นักศึกษา รวมทั้งสถาบันเสียชื่อเสียง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้

            ขณะที่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องตรวจเลือดนักศึกษาที่เรียนวิชาด้านสาธารณสุข หรือการแพทย์ต่าง ๆ เพราะผู้รับการตรวจเลือดอาจมีเชื้อก่อนหรือหลังตรวจเลือดได้ ดังนั้น จึงมีการทำข้อตกลงร่วมกันไว้ คือ ให้นักศึกษามีสิทธิรับรู้และยินยอมที่จะตรวจเลือดหรือไม่ก็ได้ ซึ่งผลการตรวจเลือดจะมีเพียงตัวนักศึกษากับแพทย์เท่านั้นที่จะรู้ แต่หากนักศึกษาไม่ยอมตรวจเลือด ก็ต้องแจ้งให้คนไข้ที่ตัวเองดูแลอยู่ได้ทราบด้วย

            ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับนักศึกษา 3 คน ของมหาวิทยาลัยคริสเตียนนั้น ทางมหาวิทยาลัยควรให้สิทธิแก่นักศึกษาเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะ เลือกกลับเข้าไปศึกษาต่อ หรือจะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตาม นักศึกษาที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ก็ยังสามารถรักษาคนไข้ และศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้ เพราะบางสาขาไม่จำเป็นต้องสัมผัสคนไข้ อีกทั้ง โรคเอดส์ไม่ใช่โรคติดต่อที่ติดกันได้ง่าย ๆ



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ม.คริสเตียน ปัดไล่ 3 นศ.ติดเอดส์ แต่ขอให้ย้ายสาขา โพสต์เมื่อ 29 สิงหาคม 2555 เวลา 15:03:23 5,639 อ่าน
TOP