
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งตัวเเทนญาติผู้เสียชีวิต ได้ออกแถลงการณ์แสดงความพอใจต่อคำตัดสินของศาลเยาวชนและครอบครัว จากเหตุการณ์ที่นางสาวแพรวพราว (นามสมมุติ) ขับรถโดยประมาท และรถไปชนเข้ากับรถตู้ที่บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคันรถ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 คน ซึ่งนางสาวแพรวพราว ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี เเต่รอลงอาญา 3 ปี พร้อมกับเงื่อนไขในการคุมประพฤติอีกหลายอย่าง
ทั้งนี้ ได้มีการเเต่งตั้งคณะกรรมการกฏหมาย จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อดูแลคดีนี้โดยเฉพาะ โดยให้ความช่วยเหลือทางด้านคดีเเก่ผู้เสียหาย และเเต่งตั้งทนายความจากศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ ด้านคณะกรรมการ นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขอแถลงให้สาธารณชนทราบถึงผลการดำเนินคดีอาญา ดังนี้
1. คดีนี้เป็นคดีอาญา โดยพนักงานอัยการ ได้ยื่นฟ้องจำเลยในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งข้อหาขับขี่รถขณะใช้โทรศัพท์ ซึ่งได้มีการนัดไกล่เกลี่ย แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ศาลจึงได้พิพากษาโดยมีใจความว่า "จำเลยมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและสาหัส จึงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี แต่ให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี พร้อมกับเงื่อนไขการคุมประพฤติอีกหลายประการ
คณะกรรมการ ได้ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการ ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และศาลสถิตยุติธรรม ที่ได้ให้ความยุติธรรมเเก่ผู้เสียหายทั้ง 9 ชีวิต รวมถึงขอบคุณพยานทุกคนที่มาร่วมให้ปากคำ ด้านจำเลยเอง ก็ยอมรับในคำตัดสิน และผู้เสียหาย ก็ไม่ต้องการให้จำเลยถูกจำคุก เพียงเเค่ต้องการความเป็นธรรม ซึ่งจำเลยเองนั้น ก็ยอมรับว่า ขับรถโดยประมาท และเชื่อมั่นว่า ผลของคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับทุกฝ่าย เเละเป็นการย้ำเตือนให้ผู้ปกครอง ดูเเลบุตรหลานไม่ให้ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่อีก
2. ในส่วนของคดีเเพ่งนั้น ได้มีการยื่นฟ้องผู้เสียหายไปทั้งสิ้น 13 คดี ซึ่งเป็นการยื่นฟ้องเยาวชนผู้ก่อเหตุเเละบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อรับผิดชอบในการจ่ายสินไหมทดเเทน โดยข้อเท็จจริงในคดีอาญา จะผูกพันไปถึงคดีเเพ่ง จึงต้องรอให้คำตัดสินของคดีอาญาถึงที่สุดก่อน
3. ด้านค่าเสียหายในทางแพ่งนั้น ทนายความของศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เสียหาย ได้พิจารณาเรียกร้องค่าเสียหายตามจริง จากแนวทางคำพิพากษาซึ่งเคยมีบรรทัดฐานมาก่อนหน้านี้ มิได้เกินเลยจากที่กฏหมายกำหนดเเต่ประการใด เมื่อคดีอาญาถึงที่สุดเเล้ว จะมีการแถลงให้สาธารณชนทราบต่อไป
ทั้งนี้ การฟ้องจำเลยดังกล่าว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย มิได้ต้องการให้จำเลยถูกเกลียดชังเเต่ประการใด จึงขอให้เรื่องนี้ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในกรอบของกฏหมาย เเละเคารพสิทธิซึ่งกันเเละกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

