เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก iask.ca
ยิ่งความเจริญก้าวหน้าของโลกมีมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มความเห็นแก่ตัวให้แก่คนในโลกมากขึ้นเท่านั้น ความเมตตาเอื้ออาทรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จึงกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากยิ่งในโลกยุคปัจจุบันนี้ แต่ทว่าก็ยังมีเรื่องราวที่น่าชื่นชมของชายชาวอังกฤษผู้ใจบุญที่อุทิศชีวิตของเขาเดินหน้าช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสอย่างไม่รู้จักเหน็ดและเหนื่อย
เมื่อวันที่ 20 กันยายน เว็บไซต์ไชน่าสแม็คของจีน รายงานว่า นายโทนี่ วิศวกรชาวอังกฤษวัย 46 ปี ได้ละทิ้งชีวิตที่แสนสุขสบายบนกองเงินกองทอง ออกเดินทางทั่วโลก จนในที่สุดชีวิตได้พลิกผันเมื่อจุดหมายปลายทางของเขาได้สิ้นสุดลงที่เมืองซีอานของประเทศจีน ที่ซึ่งเขาได้กลายเป็นพ่อพระของคนยากนจนทั้งหลาย หลังจากที่เขาได้เดินหน้าแจกหมั่นโถวให้กับคนจรจัดผู้ยากไร้ชาวจีนตลอดระยะเวลาถึง 7 ปีด้วยกัน
รายงานระบุว่า นายโทนี่ วิศวกรชาวอังกฤษผู้นี้ได้ทำงานอยู่ที่กองทัพเรือแห่งสหราชอาณาจักร แต่หลังจากนั้น เขาก็ได้ลาออกมาเปิดธุรกิจด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของกิจการถึง 3 บริษัทด้วยกัน มีทรัพย์สมบัติมากมาย รวมถึงคฤหาสน์หลังใหญ่และรถสปอร์ต 2 คัน จนกระทั่งในปี 2002 (พ.ศ.2545) นายโทนี่เกิดรู้สึกเบื่อหน่ายต่อชีวิตที่สับสนวุ่นวายบนโลกนี้เหลือเกิน เขาจึงขายทรัพย์สินทุกอย่างจนหมดสิ้น และเริ่มออกเดินทางไปทั่วโลก
และในปี 2005 (พ.ศ.2550) นายโทนี่ได้เปิดร้านอาหารที่เมืองซีอาน โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ผู้เดือดร้อน และเป็นพื้นที่สำหรับประชาชนที่ต้องการสมทบทุนและบริจาคสิ่งของด้วยเช่นกัน ในช่วงแรกเขาได้เดินหน้าแจกหมั่นโถว 1 วันต่อสัปดาห์ จากนั้นจึงเพิ่มเป็น 3 วันต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้ทักท้วงว่าขอทานบางคนที่เข้ามาขอหมั่นโถวมีบ้าน มีรถ ไม่ได้เป็นพวกยากไร้อย่างที่เขาคิดก็ตาม แต่ นายโทนี่ ก็ยืนยันที่จะทำตามเจตนารมณ์เดิมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป พร้อมกับบอกว่า
"เราไม่ควรไปตัดสินว่าใครเป็นขอทานจริงหรือปลอม แต่สิ่งที่สำคัญก็คือในโลกนี้ยังมีผู้ยากไร้ที่รอรับการช่วยเหลืออีกมากมาย และเราก็สามารถช่วยเหลือเขาได้ ทำไมจึงไม่ช่วยล่ะ"
แม้คนส่วนใหญ่จะสนับสนุนให้เหล่าขอทานไปทำอาชีพอย่างอื่นเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แต่นายโทนี่ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง เขากล่าวว่า มนุษย์ทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่คนแก่ คนพิการ คนมีปัญหาทางจิต พวกเขาไม่มีทางเลือก ดังนั้นงานของเราก็เพียงแค่นำอาหารและของใช้ไปให้พวกเขาเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ เขายังมีบริการต่าง ๆ อีกมากมายทั้ง ตัดผม อาบน้ำ แจกเสื้อผ้าและผ้าห่ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนจรจัดด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาทำกิจวัตรเช่นนี้ทุกวันตลอดระยะเวลา 7 ปีแล้วด้วยกันโดยที่ไม่ปริปากบ่นสักคำ เนื่องจากความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเขาก็คือการได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั่นเอง
