มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดผลวิจัย 10 จังหวัดอ่วม ผลขึ้นค่าแรง 300 บาท เตือนปรับพร้อมกันทั่วประเทศ ส่อตกงานพุ่ง 10 เท่าตัว (ไทยโพสต์)
นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยถึงผลการวิจัยเรื่อง ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท 70 จังหวัด แรงงานจังหวัดไหนอ่วมสุด พบว่า "หากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 58.7% ของค่าแรงเฉลี่ยของประเทศ ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก จะกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่และภาพรวมของประเทศในช่วง 18 เดือน หลังจากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้มีโอกาสเลิกจ้างงานในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน
ยิ่งค่าแรงขั้นต่ำใหม่มีค่าใกล้เคียงกับค่าแรงเฉลี่ยของพื้นที่ ผลการเลิกจ้างงานจะยิ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในแรงงานที่เป็นเยาวชนและแรงงานของธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งพบว่ามี 10 จังหวัดที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทมากที่สุด ได้แก่ นราธิวาส 83.9%, ตาก 79.8%, ลำพูน 78.9%, สระแก้ว 75.9%, ราชบุรี 75.4%, ประจวบคีรีขันธ์ 75.3%, ปัตตานี 74.3%, ลพบุรี 72.7%, หนองบัวลำพู 72.0% และอ่างทอง 71.9%
ตามหลักเศรษฐศาสตร์ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะต้องวิเคราะห์ถึงสภาพเศรษฐกิจและการจ้างงานในแต่ละพื้นที่เสียก่อน จึงจะรู้ว่าควรจะให้มีการปรับขึ้นค่าแรงในอัตราส่วนเท่าไร เพราะการขึ้นค่าแรงจะกระทบต่อต้นทุนการผลิต ทำให้ต้องมีการเลิกจ้างงาน หรือต้องมีการปรับราคาสินค้าขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพโดยรวมสูงขึ้น เพราะค่าจ้างขึ้น 300 บาท ผู้ประกอบการต้องมีการปรับโครงสร้างไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้จากต้นทุนที่สูงขึ้น หากขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ จะมีหลายจังหวัดที่ประสบปัญหาการเลิกจ้างงานและราคาสินค้าสูงขึ้นแน่นอน" นายเกียรติอนันต์ กล่าว
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ปัญหาการว่างงาน แม้ในเดือนกรกฎาคม 2555 จะมีสัดส่วนต่ำเพียง 0.6% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่ายังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง ซึ่งหากจะวิเคราะห์ถึงผลกระทบของนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท จะพบว่าอัตราการว่างงานจะพุ่งสูงถึง 5.9% คิดเป็น 10 เท่าของอัตราปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อนโยบายดังกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก